นายแบบ Dday vol 14 มาริโอ้ เมาแล้วเด้อ มันเพื่อนตูนี้หว่า

Monday, October 11, 2010

ตอนแรกก็ไม่รู้จะเขียนอะำไรดี  แต่สายตาดันเหลือบไปเห็นหนังสือปลุกใจที่ซื้อมานานแล้ว แต่ไม่ได้ดู ไม่ว่าง มัวแต่บ้าแก้ไขเว็บอยู่ ทำไมนานแบบหน้ามันคุ้นๆหว่า ไอ้โครงหน้าแบบนี้ ตูว่าตูเคยเห็นที่ไหนมาก่อน นั่งนึกอยุ่ตั้งนาน มันคนไกล้ตัวเรานี้เอง เคยทำที่บาร์ร้านเดียวกัน ไม่คิดว่ามันจะกล้าถ่ายนะ้เนี่ย  เพราะตอนอยู่ร้านให้โชว์มันยังไม่กล้าโชว์เลย เพิ่งจะได้เห็นกระเจี่ยวมันก็วันนี้เอง ไอ้นี่นิสัยดีคั้บ ถ้าตัด เรื่อง ม้า ออก คริคริ ไม่แน่ใจตอนนี้มันยังทำร้านเดิมอยู่รึป่าวนะ  แต่มันก็ไม่ไปไหนหรอก วนอยู่ในร้านซอยประตูชัยนั่นละค้าบ



 

พบซีดี เบื้องหลังการถ่ายแบบเล่มนี้ได้ที่ ร้านสนามหลวงออนไลน์  เร็วๆนี้

ฆ่านางแบบ FHM หมกคอนโดกลางกรุง!

 
พบศพนางแบบ FHM ถูกยิงเสียชีวิตในห้องพัก คอนโดฯ ดัง บนถ.รัชดา ขณะที่ตำรวจรอตรวจรวบรวมพยานหลักฐาน ตรวจกล้องวงจรปิดอีกครั้ง คาดถูกจัดฉากฆาตกรรม พบพิรุธผ้าคลุมศพมีร่องรอยคล้ายเขม่าดินปืนเปื้อนอยู่
       
       วันนี้ (11 ต.ค.) พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เดินทางเข้าตรวจสอบเหตุผู้เสียชีวิตภายในห้องพัก แห่งหนึ่งในซอยรัชดาภิเษก 7 แขวงและเขตดินแดง โดยที่เกิดเหตุเป็นคอนโดมิเนียม พบผู้เสียชีวิตทราบชื่อ คือ น.ส.ศศิธร อ่อนวิมล หรือปิ๊ก อายุ 28 ปี ซึ่งเป็นนางแบบ FHM ปี 2008 นอนเสียชีวิตอยู่บนที่นอน มีบาดแผลบริเวณขมับขวา และบริเวณใกล้กับมือขวามีอาวุธปืนขนาด .38 ตกอยู่
       
       จากการสอบสวน นางรัตนา แคว้นบ้านเจ้า ซึ่งเป็นแม่บ้านของคอนโดฯ บอกว่า เมื่อช่วงเช้าผู้ที่อาศัยอยู่บริเวณห้องใกล้กับที่เกิดเหตุพบว่ามีกลิ่นออก มาจากห้อง แม่บ้านจึงประสานช่างทำกุญแจมาเปิดห้อง พบว่าผู้ตายนอนเสียชีวิตอยู่บนเตียงนอน จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ
       
       ขณะที่ พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า ดูจากสภาพศพลักษณะการเสียชีวิตไม่ปกติ จึงน่าเชื่อว่าอาจถูกจัดฉากฆาตกรรม เนื่องจากบริเวณผ้าห่มที่คลุมศพมีร่องรอยคล้ายเขม่าดินปืนเปื้อนอยู่
       
       ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์เป็นหลัก ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบกล้องวงจรปิดของทางคอนโดมิเนียม ด้วย
       
       อย่างไรก็ตาม ในชั้นการสอบสวนนี้ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน ซึ่งคงจะขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบพยาน และหลักฐานต่างๆ อย่างละเอียดเสียก่อน รวมทั้งกล้องวงจรปิดด้วย ซึ่งคาดว่า ถ้าเป็นการฆาตกรรมจริง กล้องวงจรปิดก็จะสามารถจับภาพของคนร้ายเอาไว้ได้

"ผจก.วง 4minute" หล่อขั้นเทพ

Friday, October 8, 2010

ภาพ "ผจก.วง 4minute" ถูกแพร่ว่อนเน็ต สาวๆ กรี๊ด "หล่อขั้นเทพ" !!



วงสาวเปรี้ยว "4minute" นอกจากจะเป็นขวัญใจหนุ่มๆ แล้ว ปรากฏว่าความฮ็อตของ "ผู้จัดการวง" ก็ส่งอิทธิพลมาถึงกลุ่มแฟนเพลงสาวๆ ด้วย


ทั้งนี้ ภาพของ "ผู้จัดการวง" 4minute รูปหล่อ ถูกเผยแพร่ต่อกันภายในสังคมออนไลน์เป็นที่เกรียวกราวกันอย่างมาก โดนชาวเน็ตกิมจิต่างลงความเห็นว่า รูปหล่อไม่แพ้บรรดาไอดอลชายกันเลยทีเดียว

 

 


โดยชาวเน็ตบางรายคอมเม้นท์ว่า "ว้าว! ไม่เลวเลยนะเนี่ย" หรือ "ถ้าบอกว่า เค้าเป็นดาราชั้นก็เชื่อเลยนะ" หรือ "แหม...หวัง ว่าพวกสาวๆ คงไม่ตกหลุมรักเค้านะ"

"วิลเบอร์ แพน" เคยเปลื้องผ้าถ่ายโฆษณาในอดีต

"วิลเบอร์ แพน" กล่าวเสียใจเคยเปลื้องผ้าถ่ายโฆษณาในอดีต เผยค่าตัวรับแค่ 3 พันเหรียญ

"วิลเบอร์ แพน" หรือ "พานเหว่ยป๋อ" นักแสดงนักร้องแร็พชื่อดังชาวไต้หวัน เป็นคนรุ่นใหม่อีกคนหนึ่งที่ปฏิเสธจะไม่ถ่ายฉากหวีอหวา เปิดเผยเนื้อหนัง พูดง่ายๆ ว่ามีหลักการยืนยันจะไม่ขายเซ็กซ์แน่นอน ออกมากล่าวแสดงความเสียใจเหตุการณ์ในอดีตที่เคยเกือบเปลื้องผ้าถ่ายโฆษณา


ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่ "แพน" อายุเพียงแค่ 19 ปี ซึ่งตอนนั้นเป็นเพียงเด็กหนุ่มหน้าตาดีที่ยังไม่มีใครรู้จัก มีโอกาสได้ไปถ่ายโฆษณาน้ำดื่มยี่ห้อหนึ่ง โดย ให้สวมเพียงแค่ "จี สตริง" ตัวเดียว และมีเพียงแค่ใบไม้หนึ่งใบปิดกั้นของสงวนเอาไว้เท่านั้น !!


ส่วนสนนราคาค่าตัวนั้นเทียบไม่ได้กับตอนนี้ แน่นอน โดยเค้ารับค่าเหนื่อยค่าเปลื้องผ้าครั้งนี้เพียงแค่ 3 พันดอลลาร์สิงคโปร์ แต่แล้วความผิดพลาดในอดีตก็ถูกขุดขึ้นมาโดยมือดีชาวเน็ตนั่นเอง และไม่พลาดที่จะส่งต่อเผยแพร่ฉีกบาดแผลให้มันขยายกว้างออกไป


"แพน" ยอมรับว่าภาพดังกล่าวเป็นภาพของเค้าจริง และเป็นงานที่เค้าเองก็ไม่ได้เต็มใจนัก พร้อมกับกล่าวว่าเสียใจและสาบานว่าจะไม่ถ่ายแบบในลักษณะนั้นอีกต่อไปเด็ดขาด


สำหรับ "แพน" แล้วนับว่าเป็นนักแสดงที่ค่อนข้างหวงเนื้อตัว ก่อนหน้านี้ เค้าเคยปฏิเสธที่จะถอดเสื้อในฉากชกมวย จากเรื่อง Endless Love หรือแม้แต่กรณีที่ ผู้กำกับลิน ฮี หลง เคยขอถ่ายฉากอาบน้ำ แต่ก็ถูกปฏิเสธไป สุดท้ายต้องใช้สตั๊นท์มาถ่ายแทน ซึ่งที่จริงแล้วก็แค่เก็บภาพท่อนขาเท่านั้น นอกจากนี้ เค้ายังเคยขอร้องให้ไม่ต้องถอดเสื้อผ้าในฉากเลิฟซีนกับนักแสดงสาว ซูมิยะ เนมิ อีกด้วย

 

“เมธี ” ฉะ “แอนนี่” เล่นละครตบตาสังคม

Tuesday, October 5, 2010

   "เมธี เสื้อแดง" เห็นใจ "ฟิล์ม" ออกโรงแฉ "แอนนี่" เมื่อ 11 ปีก่อนตอนคบกันก็กุข่าวท้องกับตน แต่ไม่เชื่อ เพราะป้องกันอย่างดี จับได้คบผู้ชายอีก 2 คนซ้อน ดาราสาวสารภาพเลยบอกเลิก ฉะเป็นผู้หญิงร้ายกาจ เล่นละครตบตาสังคม ควรหยุดการกระทำ และยอมรับ อย่าทำมาหากินบนความทุกข์ของคนอื่น ไม่หวั่นถูกอีกฝ่ายฟ้อง เพราะเป็นเรื่องจริง ทั้งยังแนะสังคมมองปัญหาด้วยความจริง
       
       เคยเป็นผู้ชายเบอร์ต้นๆ ที่คบหากับดาราสาว "แอนนี่ รุ่งนภา บรู๊ค" เมื่อ 11 ปีก่อน สำหรับดาราเสื้อแดง "เมธี อมรวุฒิกุล" ดังนั้น พอเกิดกรณีฉาวของดาราสาวกับนักร้องหนุ่ม "ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์" ที่บานปลายกลายเป็นปัญหาระดับสังคม "เมธี เสื้อแดง" เลยไม่พลาดถูกถามถึงกรณีดังกล่าว ซึ่งเจ้าตัวก็กล่าวว่า การออกมาพูดครั้งนี้ ไม่ได้ต้องการเกาะกระแสข่าว "ฟิล์ม-แอนนี่" แต่อย่างใด แต่เป็นเพราะเห็นใจนักร้องหนุ่มที่ตกอยู่ในภาวะเดียวกันกับที่ตนเคยเป็นมา ก่อน และอยากให้ "แอนนี่" เลิกเล่นละครตบตาสังคมได้แล้ว เนื่องจากเมื่อ 11 ปีก่อน ตอนที่ยังคบหากัน "แอนนี่" ก็ เคยกุเรื่องหลอกลวงว่าท้องกับตนหลังคบหากันได้เพียง 2 เดือน แต่ตนไม่เชื่อเพราะเป็นผู้ใหญ่แล้ว และมีการป้องกันมาตลอด และตนก็มาจับได้ในเวลาต่อมาว่า "แอนนี่" คบดาราชายอื่น ซ้อนอีก 2 คน ซึ่งดาราสาวก็ยอมสารภาพว่าโกหก ตนจึงได้บอกศาลาเลิกแยกทางใครทางมัน
       
       "พูดด้วยความสัตย์จริงเขาคบอยู่อีก 2 คน แล้วผมได้คุยกับผู้ชายคนนั้นด้วย ผมก็พูดกับผู้ชายทั้งสองคน เพราะเป็นคนตรงไปตรงมา แล้วน้องเขาก็นั่งอยู่ข้างๆ ผม ก็เฉลยให้ฟังทั้งหมดว่า เขาโกหกยังไงบ้าง ทุกอย่างเลยกระจ่าง ผมถึงทนไม่ไหวก็เลยโอเค งั้นแยกทางดีกว่า"
       
       "แต่วันนี้มัน 10 ปีผ่านมาแล้ว ผมอยากจะแสดงให้เห็นว่า ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจยังไง ผู้หญิงคนนี้ไปสืบประวัติดีๆ และผมเห็นว่า ไม่ยุติธรรม คุณกำลังจะสร้างอนาคตตัวเอง แต่คุณไปทำลายครอบครัวๆ หนึ่ง ซึ่งผมเห็นว่า ตัวของฟิล์มก็รับผิดชอบพอสมควร เงิน 2-3 แสนก็ไม่ใช่น้อย ก็รับผิดชอบเต็มที่ และรับผิดชอบถึงลูกเกิดด้วยซ้ำ ก็อยากให้สังคมมองปัญหาด้วยความเป็นจริง และก้าวข้ามไปเลย ไม่ต้องไปประณามผู้หญิงคนนี้ก็ได้ ก็แล้วแต่ เขาจะมีทางทำมาหากินต่อไปก็ทำต่อไป แต่ผมอยากให้ฟิล์มแข็งแรงเท่านั้น"
       
       นอกจากนี้ "เมธี" ยังกล่าวต่อว่า การออกมาพูดครั้งนี้ไม่หวั่นจะถูก "แอนนี่" ฟ้อง เพราะตนพูดเรื่องจริง ทั้งยังยินดีไปเป็นพยานให้หากมีเรื่องราวฟ้องร้องระหว่าง "ฟิล์ม-แอนนี่" เชื่ออย่างไรเสียดาราสาวคงไม่ยอมตรวจดีเอ็นเอ เพราะจะเอาเรื่องการเป็นซิงเกิ้ลมัมไปอ้างในการทำมาหากินต่อ บอกคนฉลาดเท่านั้นถึงจะเข้าใจเรื่องนี้ ดังนั้น กลุ่มสตรีทั้งหลายที่หนุนหลัง "แอนนี่" ในเรื่องนี้อยู่ อยากให้คิดก่อนทำอะไร ทั้งยังฝากบอก "แอนนี่" ให้รับผิด ชอบการกระทำของตัวเอง อย่าทำมาหากินบนความทุกข์ของคนอื่น
       
       สำหรับความคืบหน้าอาการป่วยของ "ฟิล์ม รัฐภูมิ" หลัง กินยาแก้เครียดเกินขนาดเข้าไปจนถูกหามเข้าห้องไอซียู เมื่อคืน (4 ต.ค.) เวลาประมาณ 21.00 น.นักร้องหนุ่มได้ย้ายออกจากห้องไอซียู มาพักรักษาตัวที่หอพักผู้ป่วยในแล้ว และเช้าวันนี้ (5 ต.ค.) เวลาประมาณ 09.00 น.แอร์ ภูริทัต โตคงทรัพย์ (พี่ชาย) ซึ่งนอนเฝ้าดูอาการอยู่ตลอดทั้งคืน ได้เผยถึงอาการของฟิล์ม ว่า ฟิล์มได้ตื่นขึ้นมาด้วยอาการมึนงง สลึมสลือ และหลับเป็นช่วงๆ และถามว่าอยู่ที่ไหน ตนก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังทั้งหมด โดยมีทีมแพทย์ และพยาบาลดูแลอาการอย่างใกล้ชิด โดยเช้านี้ทีมพยาบาลได้มีการวัดความดัน ตรวจวัดไข้ และทานยาตามที่แพทย์สั่ง สำหรับการรับประทานอาหาร ฟิล์มสามารถรับประทานอาหารอ่อนๆ ได้เล็กน้อย และอาการดีขึ้นเป็นลำดับ ทั้งนี้ ทางแพทย์อยากให้พักผ่อนมากๆ

“พจน์” รับไล่ “ฟิล์ม” ไปตายเหตุ

Monday, October 4, 2010

"พจน์ อานนท์" เปิดแถลงข่าวยอมรับทะเลาะกับ "ฟิล์ม รัฐภูมิ" ก่อนที่ซูเปอร์สตาร์คนดังจะซัดยานอนหลับ เหตุเพราะแนะนำให้ฟ้อง "แอนนี่" ก็ไม่ทำกลัวสังคมประณามและสงสารเด็ก บอกให้ไปบวชก็ไม่ทำกลัวสังคมหาว่าหนีไปบวช สุดฉุนไล่ให้ไปตายก่อนทราบข่าวฟิล์มเข้าโรงพยาบาลเมื่อเช้านี้ วอนสังคมให้ฟังฝ่ายชายบ้างไม่ใช่เห็นใจแต่แม่กับลูก ส่วนผู้ชาย 4 คนที่ "เฮียฮ้อ" พูดถึงไม่ต้องไปพูดถึง เพราะคงไม่มีหมาตัวไหนออกมายอมรับ วอนไม่ต้องไปหาพ่อของลูกให้แอนนี่แล้ว ให้รอพิสูจน์ความจริงจากทั้งคู่ดีกว่า
       
       หลังจากที่โดน "เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์" ดับเครื่องชนเปิดปูมว่า "แอนนี่ บรู๊ค" เกี่ยวข้องกับ ผู้ชาย 4 คนและเรียกร้องเงินขณะตนเองท้อง โดย 2 ใน 4 ก็คือ "ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์" และ "จุ๊น กิตติคุณ สัมฤทธิ์พันธุ์สุข" โดยมี "สมรักษ์ ณรงค์วิชัย" ผู้บริหารช่อง 3 ต้นสังกัดจุ๊นเป็นผู้คอนเฟิร์มว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความจริง จนกลายเป็นประเด็นร้อนแรงโดนด่าว่า "รังแกผู้หญิง" ส่งผลให้หน่วยงานองค์กรต่างๆ ดาหน้าออกมาปกป้องแอนนี่ แม้ว่าภายหลังสมรักษ์จะออกมายอมรับข้อมูลที่เฮียฮ้อพูดนั้นจะเป็นความจริงก็ ตาม
       
       ด้านแอนนี่หลังจากถูกแฉก็เก็บตัวเงียบ ท่ามกลางกระแสข่าวว่า เจ้าตัวกำลังจะออกหนังสือแฉฟิล์มโดยได้ค่าตัวนับแสน นี่ยังไม่รวมค่าตัวพรีเซ็นเตอร์อีกหลายล้านที่มูลนิธิเพื่อนหญิงเปิดเผยว่า แอนนี่กำลังจะเซ็นสัญญาณเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสินค้ายี่ห้อหนึ่ง ทางด้านฟิล์มนั้นก็เก็บตัวเงียบเช่นกันมีแต่ "นางโคมมนต์ ทองมั่ง" แม่ ของฟิล์มออกมาแถลงข่าวเปิดเผยความในใจวอนให้แอนนี่ยอมตรวจดีเอ็นเอเพื่อความ กระจ่างของสังคม อย่าทำให้เกิดตราบาปกับฟิล์มและลูกไปตลอดชีวิต
       
       หลังจากนั้นเมื่อเช้าวันที่ 4 ตุลาคมก็มีข่าวว่า ฟิล์มทานยานอนหลับเกินขนาดจนต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล BNH ย่านสาธร ท่ามกลางกระแสข่าวว่า ซูเปอร์สตาร์คนดังอาจจะฆ่าตัวตายเพราะกลุ้มใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยผู้จัดการของฟิล์มได้เปิดเผยผ่านรายการ "เช้าดูวู๊ดดี้" คืนก่อนเกิดเหตุฟิล์มได้พูดคุยกับ "พจน์ อานนท์" เป็นคนสุดท้าย
       
       เวลา 11.30 น.ที่ผ่านมาพจน์ อานนท์ก็ได้เดินทางมาเยี่ยมฟิล์มที่โรงพยาบาลและได้เปิดแถลงข่าวอย่างอัด อั้นตันใจว่า สังคมไม่ฟังฟิล์มเลยมีแต่เห็นใจแม่กับลูก พร้อมกับเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังว่า....
       
       "จริงๆ ผมคุยกับฟิล์มตั้งแต่ตอนทุ่มก็คุยวางคุยวางพอประมาณ 5 ทุ่ม ฟิล์มก็บอกว่าพี่ผมจะทำยังไงดีตอนนี้มันเป็นเรื่องใหญ่โตไปใหญ่แล้ว ผมก็บอกว่ามึงก็ไอ้นั่นเอง ดูสิขนาดเฮียผู้บริหารองค์กรใหญ่ๆ สองคนออกมาเละหมดแล้ว รวมทั้งผมเอง ผมก็บอกว่า ผมไม่ช่วยฟิล์มแล้วไม่เสนอดีกว่า ฟิล์มก็บอกว่าแล้วผมจะทำยังไง ตอนนี้เฮียตัดงานผมหมดแล้วผมจะทำยังไงอีกต่อไป ผมก็ยังพูดเล่นกับมันว่า ก็ไปช่วยแม่ทำผมก็แล้วกัน คุยไปคุยมาผมก็เลยบอกว่า ฟิล์มพี่มีวิธีพี่เคยคุยกับทนายความมาแล้ว"
       
       "คือฟิล์มเนี่ยสามารถฟ้องหมิ่นประมาทแอนนี่ได้กรณีที่มาว่า ฟิล์มเป็นพ่อของเด็กในท้อง แต่ความจริงมันยังไม่ใช่อย่างนั้น ต้องตรวจดีเอ็นเอให้ศาลบังคับให้ตรวจดีเอ็นเอ ฟิล์มก็จะบอกว่าไม่เอาหรอกพี่เดี๋ยวสังคมก็จะบอกว่า ผมรังแกผู้หญิงอีก หาว่าผมทำร้ายผู้หญิงอีก อีกอย่างหนึ่งผมสงสารเด็ก"
       
       "ผมก็เลยบอกว่างั้น มึงก็ไปบวช ฟิล์มก็บอกว่า ถ้าผมบวชมันก็เหมือนกับว่าผมหนีความจริง เดี๋ยวคนก็จะหาว่าเอาผ้าเหลืองมาปิดบังความจริงอีก ผมก็เลยโมโหก็เลยบอกว่า งั้นมึงก็ตายมึงก็ไปตายมันจะได้จบๆ เพราะตอนนี้มันเละไปหมด แล้ว ขนาดเฮียฮ้อกับพี่สมรักษ์ผู้บริหารระดับใหญ่คนยังไม่เชื่อเลย"
       
       "ผมไม่เข้าใจว่าสังคมนี้ทำไมห่วงแต่แม่ทำไมไม่ห่วงพ่อกันบ้าง ก็ออกมาอ้างว่าผู้หญิงเป็นแม่ท้อง 9 เดือนอุ้มท้องเหนื่อย แล้วพ่อล่ะอันนี้ผมหมายถึงคนทั่วไปนะครับ พ่อทำงานเหนื่อยแทบตายเพื่อจะต้องเลี้ยงลูกตลอดชีวิต ผมก็บอกว่าสังคมมันเป็นอะไรไปผมก็บอกกับฟิล์ม ผมก็คุยไปคุยมาหลายเรื่องและก็วางหูไป"
       
       "แล้วเขาก็โทรกลับมาอีก ผมก็ถามว่ามึงจะเอายังไง มันก็บอกว่า ผมทำอะไรไม่ถูก ผมก็บอกว่าฟิล์มตั้งสติให้ดีๆ นะเพราะตอนนี้สังคมเขามองว่า มึงเป็นคนผิด ผมก็เล่าให้มันฟังว่า ขนาดเฮียเขาออกมาพูดว่ามี 4 คนน่ะ ขนาดเฮียเขาออกมาพูดสังคมยังไม่เชื่อเลยหาว่าใส่ร้าย หาว่าพ่อให้หาแพะ ผม ก็อยากจะวอนสังคมวอนพี่ๆ นักข่าวว่า ไอ้ 4 คนที่ตามหากันอยู่ไม่ต้องออกไปตามหาแล้ว เพราะมันไม่มีหมาตัวไหนออกมารับหรอก ไม่มีหมาตัวไหนออกมารับว่าทำหรอก มีแต่ไอ้ฟิล์มคนเดียวนี่แหละที่รับว่าทำ ผมว่าไปหาความจริงดีกว่าอันไหนโกหกอันไหนจริง เฮียโกหกหรืออีกฝ่ายโกหก"
       
       เผยถึงภาวะของ "ฟิล์ม" ก่อนจะกินยานอนหลับและถูกส่งไปยังโรงพยาบาล
       "เมื่อตอนบ่ายมันโทรมาถามหายานอนหลับก่อน มันถามพี่พจน์มียานอนหลับไหม ผมบอกกูไม่ใช่หมอจะไปมีได้ยังไง พอบอกไม่มีซักพักก็โทรมาอีก คือมันซึมน่ะลักษณะที่เราได้ยินคือมันทำอะไรไม่ถูก คือไอ้ฟิล์มมันกลายเป็นไอ้ฟักไปแล้ว มันถูกคำพิพากษาของสังคมว่าเป็นคนชั่วไปแล้ว"
       
       "ตอนนั้นผมก็บอกว่า งั้นมึงก็ไปตายซะ ถ้ามึงไม่ทำมึงก็ตายทั้งเป็นแบบนี่แหละไอ้ฟิล์ม ลูกมึงก็จะเป็นตราบาปติดตัวตลอดไปเพราะผู้หญิงไม่ยอมตรวจดีเอ็นเอ ฟิล์มมันก็เงียบไปและสุดท้ายมันก็บอกว่า พี่พจน์ครับ ผมรักพี่พจน์นะครับแล้วมันก็วางหู กูก็เอ๊ะมันจะมารักอะไรกู มันไม่เคยพูดกับเราแบบนี้มันจะมารักอะไรกูตอนนี้ กูพึ่งด่ามันหยกๆ เสียงมันเศร้าๆ ก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้"
       
       "คือผมโมโหนะครับสังคมมันเอาซะผมเละ เอาซะเฮียฮ้อเละ ผู้บริหารช่อง 3 อีกคนก็เละ จริงๆ เรื่องทั้งหมดเนี่ยมันไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริงไง ถ้ามันไม่มีกะเทยปากเป็นอัมพาตสองตัวออกมา เรื่องมันก็คงไม่ถึงขนาดนี้ไง ผมคิดว่าพวกเรา(สื่อมวลชน)ช่วยกันหาดีกว่าว่าใครโกหก เพราะว่าที่ผมพูดความจริงออกไปไม่รู้ใครจะเชื่อไหม แต่เวลาคนอื่นพูดโกหกทำไมสังคมเชื่อ"
       
       "คือเราอย่าไปมองสิว่า เพศแม่เป็นเพศที่อ่อนแอ เพศพ่อก็สำคัญด้วยถ้าไม่มีเพศพ่อเนี่ยลูกจะออกมาได้ไหม ก็ต้องเห็นใจพ่อด้วย จริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องของคนสองคน องค์กรสตรีอะไรเนี่ยคำก็จะฟ้องสองคำก็จะฟ้อง ผมว่าคุณเอาทั้งสองมาประสานกันให้เขาคุยกันมันไม่ดีกว่าเหรอ ไม่ใช่เดี๋ยวจะฟ้องเฮียฮ้อเดี๋ยวจะฟ้องคนโน้น คุณไม่คิดเหรอว่า เมื่อความจริงมันเปิดเผยออกมาหน้าแหกนะ"
       
       "ความจริงมันอยู่ที่ศาลตัดสินและเขาต้องมีหลักฐานแล้วเขาถึงกล้าออก มาพูด เฮียฮ้อไม่ใช่เด็กๆ นะ ที่ผมสงสารมันเพราะว่าเฮียฮ้อไม่เอามันแล้ว ซึ่งตรงนี้เฮียฮ้อเขามีสิทธิ์เพราะฟิล์มเป็นเด็กในสังกัด แต่ไอ้พวกที่ออกมาว่าเด็กผมสำส่อนพวกนี้ไม่มีสิทธิ์ เฮียฮ้อเขาไม่ช่วยฟิล์มหรอก เพราะขายเทปฟิล์มก็รู้ๆ กันอยู่ว่ามันไม่ได้ขายดีหรอก ก็ยังมาว่าช่วยเพราะผลประโยชน์"
       
       "ผมไม่เข้าใจว่าผู้หญิงมันทำผิดทำเลวไม่ได้หรือไง อัน นี้ผมยกตัวอย่างให้ฟังนะ สมมติมีผู้หญิงคนหนึ่งขายตัวอยู่ 3 หมื่นบาท แล้วเราไปเที่ยวแล้วอยู่ๆ ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าท้องแล้วคุณต้องรับผิดชอบ เขาก็ต้องพิสูจน์ดีเอ็นเอถูกต้องไหมว่าใช่ลูกของเขาหรือเปล่า ถ้ามันไม่ใช่เขาก็ต้องเลี้ยงเด็กคนนี้ไปตลอดชีวิตเหรอ อันนี้คือการสมมติขึ้นมานะ"
       
       "ฟิล์มมันก็ต้องตรวจดีเอ็นเอ ไง ผมไม่เข้าใจว่าทำไมสังคมถึงไม่เข้าใจฝ่ายชายบ้าง ผู้หญิงทำอะไรก็ถูกเหรอ ผู้หญิงทำผิดทำเลวก็มีนะ เพราะฉะนั้นก็ต้องเห็นใจฝ่ายชายด้วย คงเป็นเพราะบ้านเรามันไม่มีมูลนิธิผู้ชายหรือยังไงก็ไม่รู้เนอะ"
       
       "แล้วที่เขาบอกว่า ผู้ใหญ่รังแกเด็กมันไม่ใช่ ตอนที่เขาออกรายการตีสิบเขาก็บอกว่า เขาอายุ 30 แล้วนะ เขาพร้อมที่จะมีลูก แต่ตอนนี้คนที่ถูกรังแกคือไอ้ฟิล์ม ไอ้ฟิล์มมันอายุ 25 เอง มันเด็กที่สุดแล้วในจำนวนที่ออกมาเป็นข่าวทั้งหมด แล้วที่ผมออกมา พูดเนี่ย ผมพูดในฐานะที่เป็นคนเอามันเข้ามาในวงการและผมก็คุยกับมันตลอด คุยๆ จนมันจะฆ่าตัวตาย คุยแบบไม่รู้จะคุยยังไงแล้ว คุยจนผมไม่ได้ทำงานเลย หนังเหนิงก็ไม่ได้กำกับเป็นห่วงแต่มัน"
       
       "ผมอยากให้สังคมเข้าใจมันบ้าง มันก็พูดแต่ส่งสารผู้หญิงสงสารเด็ก ผมก็เอ้าฟิล์มแล้วมึงจะยังไง ถ้าไปตรวจดีเอ็นเอแล้วเป็นลูกมึงล่ะ ถ้าใช่ลูกผมก็จะเลี้ยงเป็นอย่างดีเลย เพราะเด็กน่ารักมาก แต่ถ้าไม่ใช่ลูกฟิล์มเขาก็บอกว่า เขาก็จะเลี้ยง คือมันก็จะเลี้ยงอ่ะ ผู้ชาย 4 คนที่เฮียพูดมีมันคนเดียวนี่แหละออกมายอมรับ คนอื่นไม่มีใครยอมรับเลย เต๋า(สมชาย เข็มกลัด) ไม่ต้องไปสัมภาษณ์กันหรอกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร ไปหาความจริงกับสองคนนี้ดีกว่าใครพูดความจริงใครพูดโกหก ลองไปดูอีกะเทยปากเป็นอัมพาตว่ามันพูดอะไร เราก็ไม่อยากพูดเพราะเคยได้ยินมาบ้าง"
       
       เผย "จิ๊ก เนาวรัตน์" ผู้ที่ให้ยาคลายเครียดกับ "ฟิล์ม" เป็นห่วงฟิล์มมาก
       "พี่จิ๊กเขาเป็นห่วงฟิล์มและเขาก็โทรมาคุยกับผมบ่อยว่าจะช่วยฟิล์ม ยังไงได้บ้าง ผมก็บอกว่า เฮียฮ้อยังช่วยอะไรไม่ได้เลยขนาดเขามีหลักฐานอยู่แล้วเขายังทำอะไรไม่ได้เลย เพราะว่าคนเราถ้าไม่ยอมรับอะไรซักอย่างเนี่ย จะไปบีบคอมันก็ไม่ได้จะให้มันมารับก็ไม่ได้ มีแต่ไอ้ฟิล์มนี่แหละที่ออกมารับคนเดียว ตอนนี้ผมก็อยากให้มันไปแจ้งความ ถ้ามันตื่นขึ้นมาเนี่ยจะลากมันไปแจ้งความ ถ้ามันไม่ไปก็จะลากมันไปเอง"
       
       "ฟิล์มต้องฟ้อง ถ้าเขาไม่ตรวจดีเอ็นเอสังคมก็ยังคิดว่าเป็นลูกฟิล์มอยู่ เป็นจนตายไปเลยเหรอ เพราะเขาไม่ยอมตรวจ ลองคิดดูสิทำไมไม่ยอมตรวจ ถ้ามีความมั่นใจมากทำไมไม่ตรวจ แล้วก็บอกว่าดีเอ็นเออยู่บนหน้าน้องแล้ว หน้าอะไรแล้วเด็กคนที่หน้าเหมือนทักษิณล่ะ ต้องเป็นลูกทักษิณเหรอ"
       
       "ผมก็อยากจะบอกสังคมว่า เห็นใจมันเถอะครับฟิล์มมันพึ่งอายุ 25 เอง อย่าสงสารแต่เพศแม่เพราะเพศพ่อก็ลำบากต้องหาเลี้ยง แม่คลอดลูกออกมาก็เลี้ยงลูกแต่พ่อก็ลำบากต้องหาเงินเลี้ยงเมียเลี้ยงลูก เหมือนกัน มันก็ต้องเห็นใจเพศพ่อด้วยไม่ใช่เห็นใจแต่เพศแม่ ระหว่างเรื่องสองคนเนี่ยเขามีอะไรกันเนี่ยมันก็เป็นเรื่องของทั้สองคน ผมก็ยังพูดกับฟิล์มเลยว่า ไอ้ฟิล์มถ้ากูอยู่วันที่มึงมีอะไรกันน่ะ กูจะไปห้ามเลย จะได้ไม่ต้องมาปวดหัวแบบนี้"
       
       "แล้วหนังสือพิมพ์ก็มาบอกอีกว่า พจน์ อานนท์เป็นกุนซือเฮียฮ้อ กูเนี่ยนะเป็นกุนซือ ผมไม่เคยคุยกับเฮียฮ้อพึ่งจะเคยคุยครั้งเดียวว่า ให้เฮียทำใจดีๆ ไว้สังคมมันก็เป็นแบบนี้ความจริงมันต้องอยู่ได้ ตอนนี้ผมก็ไม่รู้ว่าจะยังไง ถามว่าฟิล์มตั้งใจจะฆ่าตัวตายหรือเปล่า คงต้องไปถามเขาเอง แต่ผมว่าเขาคงทำอะไรไม่ถูกเพราะสังคม ก็รุมอัด เฮียฮ้อก็ไม่ให้งาน ผมก็บอกว่าผมไม่เอาแล้ว คือไปรุมมันคนเดียว คือเห็นใจแต่ฝ่ายหญิง ทำไมไม่เห็นใจทั้งสองฝ่าย เพราะตอนที่เขามีอะไรกันพวกเราไม่รู้เรื่องเลยนะ"

ด่วน! หาม “ฟิล์ม รัฐภูมิ” เข้าไอซียู หลังเครียดจัดกินยาเกินขนาด

     เจอมรสุมข่าวโจมตีกระหน่ำอย่างหนักมาช่วงตลอดเกือบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา สำหรับนักร้องหนุ่ม "ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์" เกี่ยว กับกรณีทำดาราสาวเซ็กซี่ "แอนนี่ บรู๊ค" ท้องจนมีลูกชาย วัย 3 เดือน "น้องทีฆายุ" ด้วยกัน ซึ่งทีแรกจากที่เป็นปัญหาส่วนตัว เป็นเรื่องของคนสองคน ตอนนี้ได้บานปลายลุกลามใหญ่โตกลายเป็นปัญหาระดับสังคมไปแล้ว หลัง "เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์" บิ๊กบอสอาร์เอส ได้แถลงข่าวแฉ "แอ นนี่" คบผู้ชาย 4 คนในเวลาเดียวกัน พอตั้งท้องก็โทรไปขู่รีดเงิน 2.5 แสนบาทจากผู้ชายทุกคน จากนั้น "เฮียฮ้อ" ก็โดนหลาย หน่วยงานและหลายองค์กรจวกรุมประณามการกระทำว่า เป็นผู้ใหญ่รังแกเด็ก และพูดจาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีลูกผู้หญิง พร้อมยื่นมือเข้าช่วยเหลือ "แอ นนี่" กันยกใหญ่
       
       ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ "ฟิล์ม" ถึงกับกลัดกลุ้มกินไม่ ได้นอนไม่หลับ น้ำหนักลดฮวบไปถึง 12 กิโลกรัม เพราะโทษตัวเองที่เป็นต้นเหตุทำให้ผู้ใหญ่หลายๆ ฝ่ายเดือดร้อน โดยก่อนหน้านี้ "คุณแม่โคมมนต์ ทองมั่ง" ซึ่งเป็นแม่ของ นักร้องหนุ่มเผยว่า สุขภาพและสภาพจิตใจของลูกชายย่ำแย่มาก ตนต้องดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะหวั่นลูกชายจะเครียดเกินไปและคิดทำอะไรขึ้นมา
       
       โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (4 ต.ค.) มีกระแสข่าวออกมาว่า "ฟิล์ม รัฐภูมิ" ถูกหามส่งเข้าไอซียู ที่โรงพยาบาล BNH ย่านสาทร เป็นการด่วน เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังประชาสัมพันธ์บริษัทอาร์เอสฯ ก็ได้รับการยืนยันมาว่าเป็นเรื่องจริง โดยนักร้องหนุ่มได้กินยาเกินขนาด หลังเกิดอาการเครียดจัดจากข่าวฉาวที่รุมกระหน่ำอยู่ในขณะนี้
       
       ล่าสุด ปณต ชัยจินดา ผจก.ส่วนตัวฟิล์ม ให้สัมภาษณ์ในรายการ เช้าดูวูดดี้ ทางโมเดิร์น ไนน์ทีวี ถึงอาการล่าสุดของฟิล์ม ว่า ขณะนี้ ยังอยู่ในห้อง ICU อาการไม่ถึงกับโคม่า แต่หมอบอกว่าต้องล้างท้อง ซึ่งคาดว่าน่าจะมีผลต่อระบบการหายใจ ทราบจากแอร์พี่ชายของฟิล์มว่า เมื่อคืนฟิล์มได้มีการพูดคุยกับ พจน์ อานนท์ จากนั้นกินยาคลายเครียดก่อนนอน คาดว่ายังเครียดอยู่จึงกินยาเพิ่ม จึงเกินขนาด
       
       ความคืบหน้าในเรื่องอาการของ "ฟิล์ม" จะเป็นอย่างไร ทางทีมข่าว ASTV บันเทิง ผู้จัดการออนไลน์ จะนำมารายงานให้ทราบกันต่อไป

คนดังฮอลลีวูดร่วมเรียกร้อง หยุด!!กลั่นแกล้งเกย์ในโรงเรียน

Saturday, October 2, 2010

กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวไปทั่วสังคมสหรัฐฯ เมื่อมีเหตุเด็กหนุ่มผู้มีแนวโน้มไปในทางรักร่วมเพศหลายคน ปลิดชีพตนเองติด ๆ กัน จากปัญหาถูกกลั่นแกล้งในโรงเรียน จนคนดังในแวดวงบันเทิง ได้ออกมาเรียกร้องต่อประชาชนชาวสหรัฐฯ ให้หยุดและต่อต้านการกระทำรุนแรงดังกล่าวต่อกลุ่มนักเรียน ทั้ง เกย์, เลสเบี้ยน หรือแปลงเพศ ในทุกพื้นที่ของประเทศ
       
       ไทเลอร์ คลีเมนติ เด็กหนุ่มวัย 18 ปีนักศึกษาปี 1 ของมหาวิทยาลัยรุตเกอร์ส ในนิวเจอร์ซี ที่ตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง กลายเป็นเหยื่อแห่งการถูกกลั่นแกล้งจากเพื่อนในสถานศึกษาด้วยกันเอง ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในระยะหลังของสังคมเมืองลุงแซม ซึ่งกลุ่มคนรักร่วมเพศกลายเป็นเป้าที่ถูกรังเกียจ และหาเรื่องจากกลุ่มอันธพาลในสถานศึกษามากที่สุด รวมถึงตัวของหนุ่มน้อยคลีเมนติด้วยเช่นเดียวกัน
       
       เอลเลน เดอเจนเนอเรส พิธีกรรายการโทรทัศน์คนดัง เป็นอีกผู้หนึ่งที่รู้สึกสะเทือนใจต่อเรื่องดังกล่าว จนต้องออกมาแสดงความคิดเห็นต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ ในฐานะที่เธอเองก็เป็นหญิงรักร่วมเพศคนหนึ่ง "เขาถูกเปิดโปงว่าเป็นเกย์ จนฆ่าตัวตายไปในที่สุด เราต้องทำอะไรกันบ้างแล้ว" พิธีกรวัย 52 ปีกล่าว พร้อมชี้ให้เห็นว่านี้กำลังเป็นสัญญาณอันตราย และเป็นกำลังเป็นปัญหาระดับประเทศ "เราต้องปลุกให้ทุกคนตื่นขึ้น ว่ามีเด็กวัยรุ่นที่ถูกกลั่นแกล้ง และล้อเลียน มากมายในประเทศนี้ อัตราการเสียชีวิตก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ"
       
       เอลเลน ยังพูดชื่อดังวัยรุ่นอีกหลายคนที่จบชีวิตด้วยชะตากรรมเดียวกัน ในรอบเพียงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา รวมถึง เซ็ธ วอล์ช, อัสเชอร์ บราวน์ และบิลลี่ ลูคัส ที่ต่างเป็นเหยื่อของพฤติกรรมอันธพาลในโรงเรียนแบบเดียวกันนี้ ... "หนึ่ง ชีวิตจากไปด้วยเหตุน่าเศร้าเช่นนี้ ถือเป็นเรื่องน่าสลดใจ แต่เมื่อมีถึง 4 ชีวิตที่ต้องสิ้นสุดลง มันคือวิกฤติแล้ว"
       
       "เมื่อนึกถึงเพื่อนและครอบครัวของพวกเขา ฉันแทบหัวใจแตกสลาย โดยเฉพาะเมื่อสังคมของเราปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเรื่อย ๆ เราไม่สามารถทเพิกเฉยหรือเย็นชา ต่อชีวิตของเด็กคนต่อไปได้อีกแล้ว" เอลเลน กล่าวต่อไปว่า "ฉันอยากให้ใครสักคนที่รู้สึกว่าตัวเองแตกต่าง และโดดเดี่ยว ได้รู้ว่าฉันรู้ถึงความรู้สึกของพวกคุณ ยังมีคนในสังคมที่จะให้ความช่วยเหลือได้ ถ้าคุณต้องการใครที่จะพูดคุยด้วย หรือต้องการมีส่วนร่วมช่วยเหลือผู้อื่น มีองค์กรมากมายที่ทำงานในด้านนี้" พิธีกรคนดังยังให้รายชื่อของมูลนิธิที่ช่วยเหลือในปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ในเว็บไซต์ของเธอ
       
       ใช่เพียงเอลเลนเท่านั้น ยังมีคนดังอีกมากมายที่ออกมาร่วมเคลื่อนไหว รวมถึงนักข่าวซุบซิบคนดัง เปเรซ ฮิลตัน ที่รวบรวมกลุ่มนักแสดงและคนดัง อาทิ ไมเคิล ยูรี่ จาก Ugly Betty, เจย์ มานูเอล จากรายการ America's Next Top Model และนักร้องชื่อดัง เซียร่า เพื่อรวมตัวต่อต้านพฤติกรรมอันธพาลในโรงเรียน ... "ผมคิดว่ามันสำคัญมากที่วัยรุ่นจะต้องได้รับรู้เรื่องพวกนี้ จากคนอื่นที่เคยผ่านประสบการณ์เดียวกันมาแล้ว" เขากล่าว
       

รวบ 2 หนุ่มอะโกโก้บาร์เกย์พัทยาเอเย่นต์ยาไอซ์

Friday, October 1, 2010

2 ตค. 2553 03:01 น.

ร.ต.ท.พัลลภ หริ่งรอด รอง สวป.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี นำกำลังตำรวจและตำรวจอาสาจำนวนหนึ่งเข้าจับกุมตัว นายประพงษ์ หาหงส์ หรือแม็ค อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37 ม.7 ต.ตม อ.สังขะ จ.สุรินทร์ และ นายราชัน ศรีจันทร์ หรือโหน่ง อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34/1 ม.5 ต.หนองน้ำใส อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ขณะทั้งสองคนกำลังยืนอยู่บริเวณทางขึ้นอาคารเอ “นิรันดร์แกนด์ คอนโด” ซอยอรุโณทัย พัทยากลาง ม.9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงตัวเพื่อขอตรวจค้นสิ่งของผิดกฎหมาย หลังพบว่าทั้งสองคนมีพฤติกรรมจำหน่ายยาเสพติดประเภทยาไอซ์
จากการตรวจค้นตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนพบยาไอซ์บรรจุในถุงพลาสติกใสแบ่งใส่ถุงขนาดเล็กมาจำนวน 3 ถุง รวมน้ำหนัก 0.92 กรัม ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋ากางเกงของผู้ต้องหาทั้งสองคน จึงยึดไว้เป็นของกลางและจับกุมตัวผู้ต้องหาไว้ จากนั้นคุมตัวผู้ต้องหาไปตรวจสอบหาของกลางเพิ่มเติมที่ห้องพักหมายเลข 520/385 ชั้น5 ก็พบของกลางอุปกรณ์การเสพยาไอซ์และถุงพลาสติกใสสำหรับแบ่งใส่ยาไอซ์ไว้ขายพร้อมเครื่องชั่ง จึงยึดไว้เป็นของกลางเพิ่มเติม
จากการสอบสวนนายประพงษ์ และนายราชัน ให้การรับสารภาพว่า ทำงานเป็นพนักงานเต้นอยู่ที่ รีนบาร์แอนด์ อะโกโก้เกย์ ในซอยบอยทาวน์ ถนนเลียบชายหาดพัทยา ส่วนยาไอซ์ซื้อต่อมาจากเพื่อนชื่อ นายนก ที่เพิ่งถูกตำรวจ สภ.เมืองพัทยา จับไปเมื่อ 2 วันก่อนนี้ โดยซื้อมาเพื่อเอาไว้เสพเองไม่ได้เอาไว้ขาย แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากมีหลักฐานเป็นถุงบรรจุยาไอซ์ที่พบในห้องจำนวนมากเชื่อว่าต้องเป็นเอเย่นต์ที่นำยาไอซ์มาแบ่งใส่ถุงเพื่อไว้ขายให้กับลุกค้ามานานแล้ว ซึ่งในเบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาทั้งสองคนว่า ร่วมกันมียาเสพติดให้ทาประเภท1 (ยาไอซ์) ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย ควบคุมตัวไปขยายผลเพิ่มเติมก่อนดำเนินคดีต่อไป

Blog Archive