ลอยกระทงปีนี้ เจอกันที่สวนสราญรมย์นะคั้บ

Sunday, November 21, 2010

ไม่ได้โผล่มาตั้งนาน แทบจะจำยูสเซอร์กับพาสเวิดร์เข้าบล็อคไม่ได้ซะงั้น อันที่จริงก็เข้ามาดูบ่อยคั้บ แต่ไม่ได้อับเดทหน้าบล็อคเท่านั้นเอง ทั้งบล็ิอคทั้งบอร์ด นิ่งสนิท ไม่มีการเคลื่อนไหว

อ่อ แล้ววันนี้ วันที่ 21 พฤศจิกายน 2553 เป็นวันลอยกระทงนะคั้บ ใครที่ยังไม่มีที่ลอย ไม่รู้จะไปลอยที่ไหน ขอเชิญไปร่วมงานลอยกระืทงที่สวนสราญรมย์ ขากลับจะได้แวะรับน้องๆกลับบ้านซักคนสองคน คืนนี้ กรุงเทพมหานคร เปิดให้ประชาชนเข้าใช้สวนสาธารณะทุกแห่งทั่วกรุงเทพ จนถึงเวลา 24.00 น  หัวค่ำก็ลอยกระทง หลังเที่ยงคืนก็ลอยกระเทย จัดไปคร้าบบ   มีความสุขกันมากๆ ที่สำคัญ พลุ ตะไล ดอกไม้ไฟ งดเล่นนะคร้าบ เดี๋ยวหัวปิงปองมารวบตัวไป อย่าหาว่าไม่เตือน




รับคูปองส่วนลดมากที่สุด 50% ร้านสนามหลวงออนไลน์

Thursday, November 11, 2010

โปรโมชั่นประจำ เดือน พฤศจิกายนCool

ซื้อ สินค้า ครบ 500 บาท ฟรีค่่าจัดส่ง  EMS

เตรียมพบกับมหกรรมลดกระหน่ำ ประจำปี ในวัน Black Friday ประจำปี 2553  ซึ่งปีนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน  รับคูปองส่วนลดมากที่สุด 50% ภายใต้เงื่อนไข ทำรายการสั่งซื้อวันที่ 26 และโอนเงินภายในวันที่ 26 เท่านั้น

www.sanamluangonline.com



www.sanamluangonline.com
 
สนามหลวงออนไลน์  ขายซีดี ดีวีดีเบื้องหลังการถ่ายแบบ หนังอาร์ คลิปหลุด
 


ของฝากจากร้านสนามหลวงออนไลน์ค้าบ

Tuesday, November 2, 2010









 








นายแบบ Dday vol 14 มาริโอ้ เมาแล้วเด้อ มันเพื่อนตูนี้หว่า

Monday, October 11, 2010

ตอนแรกก็ไม่รู้จะเขียนอะำไรดี  แต่สายตาดันเหลือบไปเห็นหนังสือปลุกใจที่ซื้อมานานแล้ว แต่ไม่ได้ดู ไม่ว่าง มัวแต่บ้าแก้ไขเว็บอยู่ ทำไมนานแบบหน้ามันคุ้นๆหว่า ไอ้โครงหน้าแบบนี้ ตูว่าตูเคยเห็นที่ไหนมาก่อน นั่งนึกอยุ่ตั้งนาน มันคนไกล้ตัวเรานี้เอง เคยทำที่บาร์ร้านเดียวกัน ไม่คิดว่ามันจะกล้าถ่ายนะ้เนี่ย  เพราะตอนอยู่ร้านให้โชว์มันยังไม่กล้าโชว์เลย เพิ่งจะได้เห็นกระเจี่ยวมันก็วันนี้เอง ไอ้นี่นิสัยดีคั้บ ถ้าตัด เรื่อง ม้า ออก คริคริ ไม่แน่ใจตอนนี้มันยังทำร้านเดิมอยู่รึป่าวนะ  แต่มันก็ไม่ไปไหนหรอก วนอยู่ในร้านซอยประตูชัยนั่นละค้าบ



 

พบซีดี เบื้องหลังการถ่ายแบบเล่มนี้ได้ที่ ร้านสนามหลวงออนไลน์  เร็วๆนี้

ฆ่านางแบบ FHM หมกคอนโดกลางกรุง!

 
พบศพนางแบบ FHM ถูกยิงเสียชีวิตในห้องพัก คอนโดฯ ดัง บนถ.รัชดา ขณะที่ตำรวจรอตรวจรวบรวมพยานหลักฐาน ตรวจกล้องวงจรปิดอีกครั้ง คาดถูกจัดฉากฆาตกรรม พบพิรุธผ้าคลุมศพมีร่องรอยคล้ายเขม่าดินปืนเปื้อนอยู่
       
       วันนี้ (11 ต.ค.) พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เดินทางเข้าตรวจสอบเหตุผู้เสียชีวิตภายในห้องพัก แห่งหนึ่งในซอยรัชดาภิเษก 7 แขวงและเขตดินแดง โดยที่เกิดเหตุเป็นคอนโดมิเนียม พบผู้เสียชีวิตทราบชื่อ คือ น.ส.ศศิธร อ่อนวิมล หรือปิ๊ก อายุ 28 ปี ซึ่งเป็นนางแบบ FHM ปี 2008 นอนเสียชีวิตอยู่บนที่นอน มีบาดแผลบริเวณขมับขวา และบริเวณใกล้กับมือขวามีอาวุธปืนขนาด .38 ตกอยู่
       
       จากการสอบสวน นางรัตนา แคว้นบ้านเจ้า ซึ่งเป็นแม่บ้านของคอนโดฯ บอกว่า เมื่อช่วงเช้าผู้ที่อาศัยอยู่บริเวณห้องใกล้กับที่เกิดเหตุพบว่ามีกลิ่นออก มาจากห้อง แม่บ้านจึงประสานช่างทำกุญแจมาเปิดห้อง พบว่าผู้ตายนอนเสียชีวิตอยู่บนเตียงนอน จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ
       
       ขณะที่ พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า ดูจากสภาพศพลักษณะการเสียชีวิตไม่ปกติ จึงน่าเชื่อว่าอาจถูกจัดฉากฆาตกรรม เนื่องจากบริเวณผ้าห่มที่คลุมศพมีร่องรอยคล้ายเขม่าดินปืนเปื้อนอยู่
       
       ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์เป็นหลัก ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบกล้องวงจรปิดของทางคอนโดมิเนียม ด้วย
       
       อย่างไรก็ตาม ในชั้นการสอบสวนนี้ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน ซึ่งคงจะขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบพยาน และหลักฐานต่างๆ อย่างละเอียดเสียก่อน รวมทั้งกล้องวงจรปิดด้วย ซึ่งคาดว่า ถ้าเป็นการฆาตกรรมจริง กล้องวงจรปิดก็จะสามารถจับภาพของคนร้ายเอาไว้ได้

"ผจก.วง 4minute" หล่อขั้นเทพ

Friday, October 8, 2010

ภาพ "ผจก.วง 4minute" ถูกแพร่ว่อนเน็ต สาวๆ กรี๊ด "หล่อขั้นเทพ" !!



วงสาวเปรี้ยว "4minute" นอกจากจะเป็นขวัญใจหนุ่มๆ แล้ว ปรากฏว่าความฮ็อตของ "ผู้จัดการวง" ก็ส่งอิทธิพลมาถึงกลุ่มแฟนเพลงสาวๆ ด้วย


ทั้งนี้ ภาพของ "ผู้จัดการวง" 4minute รูปหล่อ ถูกเผยแพร่ต่อกันภายในสังคมออนไลน์เป็นที่เกรียวกราวกันอย่างมาก โดนชาวเน็ตกิมจิต่างลงความเห็นว่า รูปหล่อไม่แพ้บรรดาไอดอลชายกันเลยทีเดียว

 

 


โดยชาวเน็ตบางรายคอมเม้นท์ว่า "ว้าว! ไม่เลวเลยนะเนี่ย" หรือ "ถ้าบอกว่า เค้าเป็นดาราชั้นก็เชื่อเลยนะ" หรือ "แหม...หวัง ว่าพวกสาวๆ คงไม่ตกหลุมรักเค้านะ"

"วิลเบอร์ แพน" เคยเปลื้องผ้าถ่ายโฆษณาในอดีต

"วิลเบอร์ แพน" กล่าวเสียใจเคยเปลื้องผ้าถ่ายโฆษณาในอดีต เผยค่าตัวรับแค่ 3 พันเหรียญ

"วิลเบอร์ แพน" หรือ "พานเหว่ยป๋อ" นักแสดงนักร้องแร็พชื่อดังชาวไต้หวัน เป็นคนรุ่นใหม่อีกคนหนึ่งที่ปฏิเสธจะไม่ถ่ายฉากหวีอหวา เปิดเผยเนื้อหนัง พูดง่ายๆ ว่ามีหลักการยืนยันจะไม่ขายเซ็กซ์แน่นอน ออกมากล่าวแสดงความเสียใจเหตุการณ์ในอดีตที่เคยเกือบเปลื้องผ้าถ่ายโฆษณา


ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่ "แพน" อายุเพียงแค่ 19 ปี ซึ่งตอนนั้นเป็นเพียงเด็กหนุ่มหน้าตาดีที่ยังไม่มีใครรู้จัก มีโอกาสได้ไปถ่ายโฆษณาน้ำดื่มยี่ห้อหนึ่ง โดย ให้สวมเพียงแค่ "จี สตริง" ตัวเดียว และมีเพียงแค่ใบไม้หนึ่งใบปิดกั้นของสงวนเอาไว้เท่านั้น !!


ส่วนสนนราคาค่าตัวนั้นเทียบไม่ได้กับตอนนี้ แน่นอน โดยเค้ารับค่าเหนื่อยค่าเปลื้องผ้าครั้งนี้เพียงแค่ 3 พันดอลลาร์สิงคโปร์ แต่แล้วความผิดพลาดในอดีตก็ถูกขุดขึ้นมาโดยมือดีชาวเน็ตนั่นเอง และไม่พลาดที่จะส่งต่อเผยแพร่ฉีกบาดแผลให้มันขยายกว้างออกไป


"แพน" ยอมรับว่าภาพดังกล่าวเป็นภาพของเค้าจริง และเป็นงานที่เค้าเองก็ไม่ได้เต็มใจนัก พร้อมกับกล่าวว่าเสียใจและสาบานว่าจะไม่ถ่ายแบบในลักษณะนั้นอีกต่อไปเด็ดขาด


สำหรับ "แพน" แล้วนับว่าเป็นนักแสดงที่ค่อนข้างหวงเนื้อตัว ก่อนหน้านี้ เค้าเคยปฏิเสธที่จะถอดเสื้อในฉากชกมวย จากเรื่อง Endless Love หรือแม้แต่กรณีที่ ผู้กำกับลิน ฮี หลง เคยขอถ่ายฉากอาบน้ำ แต่ก็ถูกปฏิเสธไป สุดท้ายต้องใช้สตั๊นท์มาถ่ายแทน ซึ่งที่จริงแล้วก็แค่เก็บภาพท่อนขาเท่านั้น นอกจากนี้ เค้ายังเคยขอร้องให้ไม่ต้องถอดเสื้อผ้าในฉากเลิฟซีนกับนักแสดงสาว ซูมิยะ เนมิ อีกด้วย

 

“เมธี ” ฉะ “แอนนี่” เล่นละครตบตาสังคม

Tuesday, October 5, 2010

   "เมธี เสื้อแดง" เห็นใจ "ฟิล์ม" ออกโรงแฉ "แอนนี่" เมื่อ 11 ปีก่อนตอนคบกันก็กุข่าวท้องกับตน แต่ไม่เชื่อ เพราะป้องกันอย่างดี จับได้คบผู้ชายอีก 2 คนซ้อน ดาราสาวสารภาพเลยบอกเลิก ฉะเป็นผู้หญิงร้ายกาจ เล่นละครตบตาสังคม ควรหยุดการกระทำ และยอมรับ อย่าทำมาหากินบนความทุกข์ของคนอื่น ไม่หวั่นถูกอีกฝ่ายฟ้อง เพราะเป็นเรื่องจริง ทั้งยังแนะสังคมมองปัญหาด้วยความจริง
       
       เคยเป็นผู้ชายเบอร์ต้นๆ ที่คบหากับดาราสาว "แอนนี่ รุ่งนภา บรู๊ค" เมื่อ 11 ปีก่อน สำหรับดาราเสื้อแดง "เมธี อมรวุฒิกุล" ดังนั้น พอเกิดกรณีฉาวของดาราสาวกับนักร้องหนุ่ม "ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์" ที่บานปลายกลายเป็นปัญหาระดับสังคม "เมธี เสื้อแดง" เลยไม่พลาดถูกถามถึงกรณีดังกล่าว ซึ่งเจ้าตัวก็กล่าวว่า การออกมาพูดครั้งนี้ ไม่ได้ต้องการเกาะกระแสข่าว "ฟิล์ม-แอนนี่" แต่อย่างใด แต่เป็นเพราะเห็นใจนักร้องหนุ่มที่ตกอยู่ในภาวะเดียวกันกับที่ตนเคยเป็นมา ก่อน และอยากให้ "แอนนี่" เลิกเล่นละครตบตาสังคมได้แล้ว เนื่องจากเมื่อ 11 ปีก่อน ตอนที่ยังคบหากัน "แอนนี่" ก็ เคยกุเรื่องหลอกลวงว่าท้องกับตนหลังคบหากันได้เพียง 2 เดือน แต่ตนไม่เชื่อเพราะเป็นผู้ใหญ่แล้ว และมีการป้องกันมาตลอด และตนก็มาจับได้ในเวลาต่อมาว่า "แอนนี่" คบดาราชายอื่น ซ้อนอีก 2 คน ซึ่งดาราสาวก็ยอมสารภาพว่าโกหก ตนจึงได้บอกศาลาเลิกแยกทางใครทางมัน
       
       "พูดด้วยความสัตย์จริงเขาคบอยู่อีก 2 คน แล้วผมได้คุยกับผู้ชายคนนั้นด้วย ผมก็พูดกับผู้ชายทั้งสองคน เพราะเป็นคนตรงไปตรงมา แล้วน้องเขาก็นั่งอยู่ข้างๆ ผม ก็เฉลยให้ฟังทั้งหมดว่า เขาโกหกยังไงบ้าง ทุกอย่างเลยกระจ่าง ผมถึงทนไม่ไหวก็เลยโอเค งั้นแยกทางดีกว่า"
       
       "แต่วันนี้มัน 10 ปีผ่านมาแล้ว ผมอยากจะแสดงให้เห็นว่า ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจยังไง ผู้หญิงคนนี้ไปสืบประวัติดีๆ และผมเห็นว่า ไม่ยุติธรรม คุณกำลังจะสร้างอนาคตตัวเอง แต่คุณไปทำลายครอบครัวๆ หนึ่ง ซึ่งผมเห็นว่า ตัวของฟิล์มก็รับผิดชอบพอสมควร เงิน 2-3 แสนก็ไม่ใช่น้อย ก็รับผิดชอบเต็มที่ และรับผิดชอบถึงลูกเกิดด้วยซ้ำ ก็อยากให้สังคมมองปัญหาด้วยความเป็นจริง และก้าวข้ามไปเลย ไม่ต้องไปประณามผู้หญิงคนนี้ก็ได้ ก็แล้วแต่ เขาจะมีทางทำมาหากินต่อไปก็ทำต่อไป แต่ผมอยากให้ฟิล์มแข็งแรงเท่านั้น"
       
       นอกจากนี้ "เมธี" ยังกล่าวต่อว่า การออกมาพูดครั้งนี้ไม่หวั่นจะถูก "แอนนี่" ฟ้อง เพราะตนพูดเรื่องจริง ทั้งยังยินดีไปเป็นพยานให้หากมีเรื่องราวฟ้องร้องระหว่าง "ฟิล์ม-แอนนี่" เชื่ออย่างไรเสียดาราสาวคงไม่ยอมตรวจดีเอ็นเอ เพราะจะเอาเรื่องการเป็นซิงเกิ้ลมัมไปอ้างในการทำมาหากินต่อ บอกคนฉลาดเท่านั้นถึงจะเข้าใจเรื่องนี้ ดังนั้น กลุ่มสตรีทั้งหลายที่หนุนหลัง "แอนนี่" ในเรื่องนี้อยู่ อยากให้คิดก่อนทำอะไร ทั้งยังฝากบอก "แอนนี่" ให้รับผิด ชอบการกระทำของตัวเอง อย่าทำมาหากินบนความทุกข์ของคนอื่น
       
       สำหรับความคืบหน้าอาการป่วยของ "ฟิล์ม รัฐภูมิ" หลัง กินยาแก้เครียดเกินขนาดเข้าไปจนถูกหามเข้าห้องไอซียู เมื่อคืน (4 ต.ค.) เวลาประมาณ 21.00 น.นักร้องหนุ่มได้ย้ายออกจากห้องไอซียู มาพักรักษาตัวที่หอพักผู้ป่วยในแล้ว และเช้าวันนี้ (5 ต.ค.) เวลาประมาณ 09.00 น.แอร์ ภูริทัต โตคงทรัพย์ (พี่ชาย) ซึ่งนอนเฝ้าดูอาการอยู่ตลอดทั้งคืน ได้เผยถึงอาการของฟิล์ม ว่า ฟิล์มได้ตื่นขึ้นมาด้วยอาการมึนงง สลึมสลือ และหลับเป็นช่วงๆ และถามว่าอยู่ที่ไหน ตนก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังทั้งหมด โดยมีทีมแพทย์ และพยาบาลดูแลอาการอย่างใกล้ชิด โดยเช้านี้ทีมพยาบาลได้มีการวัดความดัน ตรวจวัดไข้ และทานยาตามที่แพทย์สั่ง สำหรับการรับประทานอาหาร ฟิล์มสามารถรับประทานอาหารอ่อนๆ ได้เล็กน้อย และอาการดีขึ้นเป็นลำดับ ทั้งนี้ ทางแพทย์อยากให้พักผ่อนมากๆ

“พจน์” รับไล่ “ฟิล์ม” ไปตายเหตุ

Monday, October 4, 2010

"พจน์ อานนท์" เปิดแถลงข่าวยอมรับทะเลาะกับ "ฟิล์ม รัฐภูมิ" ก่อนที่ซูเปอร์สตาร์คนดังจะซัดยานอนหลับ เหตุเพราะแนะนำให้ฟ้อง "แอนนี่" ก็ไม่ทำกลัวสังคมประณามและสงสารเด็ก บอกให้ไปบวชก็ไม่ทำกลัวสังคมหาว่าหนีไปบวช สุดฉุนไล่ให้ไปตายก่อนทราบข่าวฟิล์มเข้าโรงพยาบาลเมื่อเช้านี้ วอนสังคมให้ฟังฝ่ายชายบ้างไม่ใช่เห็นใจแต่แม่กับลูก ส่วนผู้ชาย 4 คนที่ "เฮียฮ้อ" พูดถึงไม่ต้องไปพูดถึง เพราะคงไม่มีหมาตัวไหนออกมายอมรับ วอนไม่ต้องไปหาพ่อของลูกให้แอนนี่แล้ว ให้รอพิสูจน์ความจริงจากทั้งคู่ดีกว่า
       
       หลังจากที่โดน "เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์" ดับเครื่องชนเปิดปูมว่า "แอนนี่ บรู๊ค" เกี่ยวข้องกับ ผู้ชาย 4 คนและเรียกร้องเงินขณะตนเองท้อง โดย 2 ใน 4 ก็คือ "ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์" และ "จุ๊น กิตติคุณ สัมฤทธิ์พันธุ์สุข" โดยมี "สมรักษ์ ณรงค์วิชัย" ผู้บริหารช่อง 3 ต้นสังกัดจุ๊นเป็นผู้คอนเฟิร์มว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความจริง จนกลายเป็นประเด็นร้อนแรงโดนด่าว่า "รังแกผู้หญิง" ส่งผลให้หน่วยงานองค์กรต่างๆ ดาหน้าออกมาปกป้องแอนนี่ แม้ว่าภายหลังสมรักษ์จะออกมายอมรับข้อมูลที่เฮียฮ้อพูดนั้นจะเป็นความจริงก็ ตาม
       
       ด้านแอนนี่หลังจากถูกแฉก็เก็บตัวเงียบ ท่ามกลางกระแสข่าวว่า เจ้าตัวกำลังจะออกหนังสือแฉฟิล์มโดยได้ค่าตัวนับแสน นี่ยังไม่รวมค่าตัวพรีเซ็นเตอร์อีกหลายล้านที่มูลนิธิเพื่อนหญิงเปิดเผยว่า แอนนี่กำลังจะเซ็นสัญญาณเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสินค้ายี่ห้อหนึ่ง ทางด้านฟิล์มนั้นก็เก็บตัวเงียบเช่นกันมีแต่ "นางโคมมนต์ ทองมั่ง" แม่ ของฟิล์มออกมาแถลงข่าวเปิดเผยความในใจวอนให้แอนนี่ยอมตรวจดีเอ็นเอเพื่อความ กระจ่างของสังคม อย่าทำให้เกิดตราบาปกับฟิล์มและลูกไปตลอดชีวิต
       
       หลังจากนั้นเมื่อเช้าวันที่ 4 ตุลาคมก็มีข่าวว่า ฟิล์มทานยานอนหลับเกินขนาดจนต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล BNH ย่านสาธร ท่ามกลางกระแสข่าวว่า ซูเปอร์สตาร์คนดังอาจจะฆ่าตัวตายเพราะกลุ้มใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยผู้จัดการของฟิล์มได้เปิดเผยผ่านรายการ "เช้าดูวู๊ดดี้" คืนก่อนเกิดเหตุฟิล์มได้พูดคุยกับ "พจน์ อานนท์" เป็นคนสุดท้าย
       
       เวลา 11.30 น.ที่ผ่านมาพจน์ อานนท์ก็ได้เดินทางมาเยี่ยมฟิล์มที่โรงพยาบาลและได้เปิดแถลงข่าวอย่างอัด อั้นตันใจว่า สังคมไม่ฟังฟิล์มเลยมีแต่เห็นใจแม่กับลูก พร้อมกับเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังว่า....
       
       "จริงๆ ผมคุยกับฟิล์มตั้งแต่ตอนทุ่มก็คุยวางคุยวางพอประมาณ 5 ทุ่ม ฟิล์มก็บอกว่าพี่ผมจะทำยังไงดีตอนนี้มันเป็นเรื่องใหญ่โตไปใหญ่แล้ว ผมก็บอกว่ามึงก็ไอ้นั่นเอง ดูสิขนาดเฮียผู้บริหารองค์กรใหญ่ๆ สองคนออกมาเละหมดแล้ว รวมทั้งผมเอง ผมก็บอกว่า ผมไม่ช่วยฟิล์มแล้วไม่เสนอดีกว่า ฟิล์มก็บอกว่าแล้วผมจะทำยังไง ตอนนี้เฮียตัดงานผมหมดแล้วผมจะทำยังไงอีกต่อไป ผมก็ยังพูดเล่นกับมันว่า ก็ไปช่วยแม่ทำผมก็แล้วกัน คุยไปคุยมาผมก็เลยบอกว่า ฟิล์มพี่มีวิธีพี่เคยคุยกับทนายความมาแล้ว"
       
       "คือฟิล์มเนี่ยสามารถฟ้องหมิ่นประมาทแอนนี่ได้กรณีที่มาว่า ฟิล์มเป็นพ่อของเด็กในท้อง แต่ความจริงมันยังไม่ใช่อย่างนั้น ต้องตรวจดีเอ็นเอให้ศาลบังคับให้ตรวจดีเอ็นเอ ฟิล์มก็จะบอกว่าไม่เอาหรอกพี่เดี๋ยวสังคมก็จะบอกว่า ผมรังแกผู้หญิงอีก หาว่าผมทำร้ายผู้หญิงอีก อีกอย่างหนึ่งผมสงสารเด็ก"
       
       "ผมก็เลยบอกว่างั้น มึงก็ไปบวช ฟิล์มก็บอกว่า ถ้าผมบวชมันก็เหมือนกับว่าผมหนีความจริง เดี๋ยวคนก็จะหาว่าเอาผ้าเหลืองมาปิดบังความจริงอีก ผมก็เลยโมโหก็เลยบอกว่า งั้นมึงก็ตายมึงก็ไปตายมันจะได้จบๆ เพราะตอนนี้มันเละไปหมด แล้ว ขนาดเฮียฮ้อกับพี่สมรักษ์ผู้บริหารระดับใหญ่คนยังไม่เชื่อเลย"
       
       "ผมไม่เข้าใจว่าสังคมนี้ทำไมห่วงแต่แม่ทำไมไม่ห่วงพ่อกันบ้าง ก็ออกมาอ้างว่าผู้หญิงเป็นแม่ท้อง 9 เดือนอุ้มท้องเหนื่อย แล้วพ่อล่ะอันนี้ผมหมายถึงคนทั่วไปนะครับ พ่อทำงานเหนื่อยแทบตายเพื่อจะต้องเลี้ยงลูกตลอดชีวิต ผมก็บอกว่าสังคมมันเป็นอะไรไปผมก็บอกกับฟิล์ม ผมก็คุยไปคุยมาหลายเรื่องและก็วางหูไป"
       
       "แล้วเขาก็โทรกลับมาอีก ผมก็ถามว่ามึงจะเอายังไง มันก็บอกว่า ผมทำอะไรไม่ถูก ผมก็บอกว่าฟิล์มตั้งสติให้ดีๆ นะเพราะตอนนี้สังคมเขามองว่า มึงเป็นคนผิด ผมก็เล่าให้มันฟังว่า ขนาดเฮียเขาออกมาพูดว่ามี 4 คนน่ะ ขนาดเฮียเขาออกมาพูดสังคมยังไม่เชื่อเลยหาว่าใส่ร้าย หาว่าพ่อให้หาแพะ ผม ก็อยากจะวอนสังคมวอนพี่ๆ นักข่าวว่า ไอ้ 4 คนที่ตามหากันอยู่ไม่ต้องออกไปตามหาแล้ว เพราะมันไม่มีหมาตัวไหนออกมารับหรอก ไม่มีหมาตัวไหนออกมารับว่าทำหรอก มีแต่ไอ้ฟิล์มคนเดียวนี่แหละที่รับว่าทำ ผมว่าไปหาความจริงดีกว่าอันไหนโกหกอันไหนจริง เฮียโกหกหรืออีกฝ่ายโกหก"
       
       เผยถึงภาวะของ "ฟิล์ม" ก่อนจะกินยานอนหลับและถูกส่งไปยังโรงพยาบาล
       "เมื่อตอนบ่ายมันโทรมาถามหายานอนหลับก่อน มันถามพี่พจน์มียานอนหลับไหม ผมบอกกูไม่ใช่หมอจะไปมีได้ยังไง พอบอกไม่มีซักพักก็โทรมาอีก คือมันซึมน่ะลักษณะที่เราได้ยินคือมันทำอะไรไม่ถูก คือไอ้ฟิล์มมันกลายเป็นไอ้ฟักไปแล้ว มันถูกคำพิพากษาของสังคมว่าเป็นคนชั่วไปแล้ว"
       
       "ตอนนั้นผมก็บอกว่า งั้นมึงก็ไปตายซะ ถ้ามึงไม่ทำมึงก็ตายทั้งเป็นแบบนี่แหละไอ้ฟิล์ม ลูกมึงก็จะเป็นตราบาปติดตัวตลอดไปเพราะผู้หญิงไม่ยอมตรวจดีเอ็นเอ ฟิล์มมันก็เงียบไปและสุดท้ายมันก็บอกว่า พี่พจน์ครับ ผมรักพี่พจน์นะครับแล้วมันก็วางหู กูก็เอ๊ะมันจะมารักอะไรกู มันไม่เคยพูดกับเราแบบนี้มันจะมารักอะไรกูตอนนี้ กูพึ่งด่ามันหยกๆ เสียงมันเศร้าๆ ก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้"
       
       "คือผมโมโหนะครับสังคมมันเอาซะผมเละ เอาซะเฮียฮ้อเละ ผู้บริหารช่อง 3 อีกคนก็เละ จริงๆ เรื่องทั้งหมดเนี่ยมันไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริงไง ถ้ามันไม่มีกะเทยปากเป็นอัมพาตสองตัวออกมา เรื่องมันก็คงไม่ถึงขนาดนี้ไง ผมคิดว่าพวกเรา(สื่อมวลชน)ช่วยกันหาดีกว่าว่าใครโกหก เพราะว่าที่ผมพูดความจริงออกไปไม่รู้ใครจะเชื่อไหม แต่เวลาคนอื่นพูดโกหกทำไมสังคมเชื่อ"
       
       "คือเราอย่าไปมองสิว่า เพศแม่เป็นเพศที่อ่อนแอ เพศพ่อก็สำคัญด้วยถ้าไม่มีเพศพ่อเนี่ยลูกจะออกมาได้ไหม ก็ต้องเห็นใจพ่อด้วย จริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องของคนสองคน องค์กรสตรีอะไรเนี่ยคำก็จะฟ้องสองคำก็จะฟ้อง ผมว่าคุณเอาทั้งสองมาประสานกันให้เขาคุยกันมันไม่ดีกว่าเหรอ ไม่ใช่เดี๋ยวจะฟ้องเฮียฮ้อเดี๋ยวจะฟ้องคนโน้น คุณไม่คิดเหรอว่า เมื่อความจริงมันเปิดเผยออกมาหน้าแหกนะ"
       
       "ความจริงมันอยู่ที่ศาลตัดสินและเขาต้องมีหลักฐานแล้วเขาถึงกล้าออก มาพูด เฮียฮ้อไม่ใช่เด็กๆ นะ ที่ผมสงสารมันเพราะว่าเฮียฮ้อไม่เอามันแล้ว ซึ่งตรงนี้เฮียฮ้อเขามีสิทธิ์เพราะฟิล์มเป็นเด็กในสังกัด แต่ไอ้พวกที่ออกมาว่าเด็กผมสำส่อนพวกนี้ไม่มีสิทธิ์ เฮียฮ้อเขาไม่ช่วยฟิล์มหรอก เพราะขายเทปฟิล์มก็รู้ๆ กันอยู่ว่ามันไม่ได้ขายดีหรอก ก็ยังมาว่าช่วยเพราะผลประโยชน์"
       
       "ผมไม่เข้าใจว่าผู้หญิงมันทำผิดทำเลวไม่ได้หรือไง อัน นี้ผมยกตัวอย่างให้ฟังนะ สมมติมีผู้หญิงคนหนึ่งขายตัวอยู่ 3 หมื่นบาท แล้วเราไปเที่ยวแล้วอยู่ๆ ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าท้องแล้วคุณต้องรับผิดชอบ เขาก็ต้องพิสูจน์ดีเอ็นเอถูกต้องไหมว่าใช่ลูกของเขาหรือเปล่า ถ้ามันไม่ใช่เขาก็ต้องเลี้ยงเด็กคนนี้ไปตลอดชีวิตเหรอ อันนี้คือการสมมติขึ้นมานะ"
       
       "ฟิล์มมันก็ต้องตรวจดีเอ็นเอ ไง ผมไม่เข้าใจว่าทำไมสังคมถึงไม่เข้าใจฝ่ายชายบ้าง ผู้หญิงทำอะไรก็ถูกเหรอ ผู้หญิงทำผิดทำเลวก็มีนะ เพราะฉะนั้นก็ต้องเห็นใจฝ่ายชายด้วย คงเป็นเพราะบ้านเรามันไม่มีมูลนิธิผู้ชายหรือยังไงก็ไม่รู้เนอะ"
       
       "แล้วที่เขาบอกว่า ผู้ใหญ่รังแกเด็กมันไม่ใช่ ตอนที่เขาออกรายการตีสิบเขาก็บอกว่า เขาอายุ 30 แล้วนะ เขาพร้อมที่จะมีลูก แต่ตอนนี้คนที่ถูกรังแกคือไอ้ฟิล์ม ไอ้ฟิล์มมันอายุ 25 เอง มันเด็กที่สุดแล้วในจำนวนที่ออกมาเป็นข่าวทั้งหมด แล้วที่ผมออกมา พูดเนี่ย ผมพูดในฐานะที่เป็นคนเอามันเข้ามาในวงการและผมก็คุยกับมันตลอด คุยๆ จนมันจะฆ่าตัวตาย คุยแบบไม่รู้จะคุยยังไงแล้ว คุยจนผมไม่ได้ทำงานเลย หนังเหนิงก็ไม่ได้กำกับเป็นห่วงแต่มัน"
       
       "ผมอยากให้สังคมเข้าใจมันบ้าง มันก็พูดแต่ส่งสารผู้หญิงสงสารเด็ก ผมก็เอ้าฟิล์มแล้วมึงจะยังไง ถ้าไปตรวจดีเอ็นเอแล้วเป็นลูกมึงล่ะ ถ้าใช่ลูกผมก็จะเลี้ยงเป็นอย่างดีเลย เพราะเด็กน่ารักมาก แต่ถ้าไม่ใช่ลูกฟิล์มเขาก็บอกว่า เขาก็จะเลี้ยง คือมันก็จะเลี้ยงอ่ะ ผู้ชาย 4 คนที่เฮียพูดมีมันคนเดียวนี่แหละออกมายอมรับ คนอื่นไม่มีใครยอมรับเลย เต๋า(สมชาย เข็มกลัด) ไม่ต้องไปสัมภาษณ์กันหรอกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร ไปหาความจริงกับสองคนนี้ดีกว่าใครพูดความจริงใครพูดโกหก ลองไปดูอีกะเทยปากเป็นอัมพาตว่ามันพูดอะไร เราก็ไม่อยากพูดเพราะเคยได้ยินมาบ้าง"
       
       เผย "จิ๊ก เนาวรัตน์" ผู้ที่ให้ยาคลายเครียดกับ "ฟิล์ม" เป็นห่วงฟิล์มมาก
       "พี่จิ๊กเขาเป็นห่วงฟิล์มและเขาก็โทรมาคุยกับผมบ่อยว่าจะช่วยฟิล์ม ยังไงได้บ้าง ผมก็บอกว่า เฮียฮ้อยังช่วยอะไรไม่ได้เลยขนาดเขามีหลักฐานอยู่แล้วเขายังทำอะไรไม่ได้เลย เพราะว่าคนเราถ้าไม่ยอมรับอะไรซักอย่างเนี่ย จะไปบีบคอมันก็ไม่ได้จะให้มันมารับก็ไม่ได้ มีแต่ไอ้ฟิล์มนี่แหละที่ออกมารับคนเดียว ตอนนี้ผมก็อยากให้มันไปแจ้งความ ถ้ามันตื่นขึ้นมาเนี่ยจะลากมันไปแจ้งความ ถ้ามันไม่ไปก็จะลากมันไปเอง"
       
       "ฟิล์มต้องฟ้อง ถ้าเขาไม่ตรวจดีเอ็นเอสังคมก็ยังคิดว่าเป็นลูกฟิล์มอยู่ เป็นจนตายไปเลยเหรอ เพราะเขาไม่ยอมตรวจ ลองคิดดูสิทำไมไม่ยอมตรวจ ถ้ามีความมั่นใจมากทำไมไม่ตรวจ แล้วก็บอกว่าดีเอ็นเออยู่บนหน้าน้องแล้ว หน้าอะไรแล้วเด็กคนที่หน้าเหมือนทักษิณล่ะ ต้องเป็นลูกทักษิณเหรอ"
       
       "ผมก็อยากจะบอกสังคมว่า เห็นใจมันเถอะครับฟิล์มมันพึ่งอายุ 25 เอง อย่าสงสารแต่เพศแม่เพราะเพศพ่อก็ลำบากต้องหาเลี้ยง แม่คลอดลูกออกมาก็เลี้ยงลูกแต่พ่อก็ลำบากต้องหาเงินเลี้ยงเมียเลี้ยงลูก เหมือนกัน มันก็ต้องเห็นใจเพศพ่อด้วยไม่ใช่เห็นใจแต่เพศแม่ ระหว่างเรื่องสองคนเนี่ยเขามีอะไรกันเนี่ยมันก็เป็นเรื่องของทั้สองคน ผมก็ยังพูดกับฟิล์มเลยว่า ไอ้ฟิล์มถ้ากูอยู่วันที่มึงมีอะไรกันน่ะ กูจะไปห้ามเลย จะได้ไม่ต้องมาปวดหัวแบบนี้"
       
       "แล้วหนังสือพิมพ์ก็มาบอกอีกว่า พจน์ อานนท์เป็นกุนซือเฮียฮ้อ กูเนี่ยนะเป็นกุนซือ ผมไม่เคยคุยกับเฮียฮ้อพึ่งจะเคยคุยครั้งเดียวว่า ให้เฮียทำใจดีๆ ไว้สังคมมันก็เป็นแบบนี้ความจริงมันต้องอยู่ได้ ตอนนี้ผมก็ไม่รู้ว่าจะยังไง ถามว่าฟิล์มตั้งใจจะฆ่าตัวตายหรือเปล่า คงต้องไปถามเขาเอง แต่ผมว่าเขาคงทำอะไรไม่ถูกเพราะสังคม ก็รุมอัด เฮียฮ้อก็ไม่ให้งาน ผมก็บอกว่าผมไม่เอาแล้ว คือไปรุมมันคนเดียว คือเห็นใจแต่ฝ่ายหญิง ทำไมไม่เห็นใจทั้งสองฝ่าย เพราะตอนที่เขามีอะไรกันพวกเราไม่รู้เรื่องเลยนะ"

ด่วน! หาม “ฟิล์ม รัฐภูมิ” เข้าไอซียู หลังเครียดจัดกินยาเกินขนาด

     เจอมรสุมข่าวโจมตีกระหน่ำอย่างหนักมาช่วงตลอดเกือบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา สำหรับนักร้องหนุ่ม "ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์" เกี่ยว กับกรณีทำดาราสาวเซ็กซี่ "แอนนี่ บรู๊ค" ท้องจนมีลูกชาย วัย 3 เดือน "น้องทีฆายุ" ด้วยกัน ซึ่งทีแรกจากที่เป็นปัญหาส่วนตัว เป็นเรื่องของคนสองคน ตอนนี้ได้บานปลายลุกลามใหญ่โตกลายเป็นปัญหาระดับสังคมไปแล้ว หลัง "เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์" บิ๊กบอสอาร์เอส ได้แถลงข่าวแฉ "แอ นนี่" คบผู้ชาย 4 คนในเวลาเดียวกัน พอตั้งท้องก็โทรไปขู่รีดเงิน 2.5 แสนบาทจากผู้ชายทุกคน จากนั้น "เฮียฮ้อ" ก็โดนหลาย หน่วยงานและหลายองค์กรจวกรุมประณามการกระทำว่า เป็นผู้ใหญ่รังแกเด็ก และพูดจาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีลูกผู้หญิง พร้อมยื่นมือเข้าช่วยเหลือ "แอ นนี่" กันยกใหญ่
       
       ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ "ฟิล์ม" ถึงกับกลัดกลุ้มกินไม่ ได้นอนไม่หลับ น้ำหนักลดฮวบไปถึง 12 กิโลกรัม เพราะโทษตัวเองที่เป็นต้นเหตุทำให้ผู้ใหญ่หลายๆ ฝ่ายเดือดร้อน โดยก่อนหน้านี้ "คุณแม่โคมมนต์ ทองมั่ง" ซึ่งเป็นแม่ของ นักร้องหนุ่มเผยว่า สุขภาพและสภาพจิตใจของลูกชายย่ำแย่มาก ตนต้องดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะหวั่นลูกชายจะเครียดเกินไปและคิดทำอะไรขึ้นมา
       
       โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (4 ต.ค.) มีกระแสข่าวออกมาว่า "ฟิล์ม รัฐภูมิ" ถูกหามส่งเข้าไอซียู ที่โรงพยาบาล BNH ย่านสาทร เป็นการด่วน เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังประชาสัมพันธ์บริษัทอาร์เอสฯ ก็ได้รับการยืนยันมาว่าเป็นเรื่องจริง โดยนักร้องหนุ่มได้กินยาเกินขนาด หลังเกิดอาการเครียดจัดจากข่าวฉาวที่รุมกระหน่ำอยู่ในขณะนี้
       
       ล่าสุด ปณต ชัยจินดา ผจก.ส่วนตัวฟิล์ม ให้สัมภาษณ์ในรายการ เช้าดูวูดดี้ ทางโมเดิร์น ไนน์ทีวี ถึงอาการล่าสุดของฟิล์ม ว่า ขณะนี้ ยังอยู่ในห้อง ICU อาการไม่ถึงกับโคม่า แต่หมอบอกว่าต้องล้างท้อง ซึ่งคาดว่าน่าจะมีผลต่อระบบการหายใจ ทราบจากแอร์พี่ชายของฟิล์มว่า เมื่อคืนฟิล์มได้มีการพูดคุยกับ พจน์ อานนท์ จากนั้นกินยาคลายเครียดก่อนนอน คาดว่ายังเครียดอยู่จึงกินยาเพิ่ม จึงเกินขนาด
       
       ความคืบหน้าในเรื่องอาการของ "ฟิล์ม" จะเป็นอย่างไร ทางทีมข่าว ASTV บันเทิง ผู้จัดการออนไลน์ จะนำมารายงานให้ทราบกันต่อไป

คนดังฮอลลีวูดร่วมเรียกร้อง หยุด!!กลั่นแกล้งเกย์ในโรงเรียน

Saturday, October 2, 2010

กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวไปทั่วสังคมสหรัฐฯ เมื่อมีเหตุเด็กหนุ่มผู้มีแนวโน้มไปในทางรักร่วมเพศหลายคน ปลิดชีพตนเองติด ๆ กัน จากปัญหาถูกกลั่นแกล้งในโรงเรียน จนคนดังในแวดวงบันเทิง ได้ออกมาเรียกร้องต่อประชาชนชาวสหรัฐฯ ให้หยุดและต่อต้านการกระทำรุนแรงดังกล่าวต่อกลุ่มนักเรียน ทั้ง เกย์, เลสเบี้ยน หรือแปลงเพศ ในทุกพื้นที่ของประเทศ
       
       ไทเลอร์ คลีเมนติ เด็กหนุ่มวัย 18 ปีนักศึกษาปี 1 ของมหาวิทยาลัยรุตเกอร์ส ในนิวเจอร์ซี ที่ตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง กลายเป็นเหยื่อแห่งการถูกกลั่นแกล้งจากเพื่อนในสถานศึกษาด้วยกันเอง ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในระยะหลังของสังคมเมืองลุงแซม ซึ่งกลุ่มคนรักร่วมเพศกลายเป็นเป้าที่ถูกรังเกียจ และหาเรื่องจากกลุ่มอันธพาลในสถานศึกษามากที่สุด รวมถึงตัวของหนุ่มน้อยคลีเมนติด้วยเช่นเดียวกัน
       
       เอลเลน เดอเจนเนอเรส พิธีกรรายการโทรทัศน์คนดัง เป็นอีกผู้หนึ่งที่รู้สึกสะเทือนใจต่อเรื่องดังกล่าว จนต้องออกมาแสดงความคิดเห็นต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ ในฐานะที่เธอเองก็เป็นหญิงรักร่วมเพศคนหนึ่ง "เขาถูกเปิดโปงว่าเป็นเกย์ จนฆ่าตัวตายไปในที่สุด เราต้องทำอะไรกันบ้างแล้ว" พิธีกรวัย 52 ปีกล่าว พร้อมชี้ให้เห็นว่านี้กำลังเป็นสัญญาณอันตราย และเป็นกำลังเป็นปัญหาระดับประเทศ "เราต้องปลุกให้ทุกคนตื่นขึ้น ว่ามีเด็กวัยรุ่นที่ถูกกลั่นแกล้ง และล้อเลียน มากมายในประเทศนี้ อัตราการเสียชีวิตก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ"
       
       เอลเลน ยังพูดชื่อดังวัยรุ่นอีกหลายคนที่จบชีวิตด้วยชะตากรรมเดียวกัน ในรอบเพียงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา รวมถึง เซ็ธ วอล์ช, อัสเชอร์ บราวน์ และบิลลี่ ลูคัส ที่ต่างเป็นเหยื่อของพฤติกรรมอันธพาลในโรงเรียนแบบเดียวกันนี้ ... "หนึ่ง ชีวิตจากไปด้วยเหตุน่าเศร้าเช่นนี้ ถือเป็นเรื่องน่าสลดใจ แต่เมื่อมีถึง 4 ชีวิตที่ต้องสิ้นสุดลง มันคือวิกฤติแล้ว"
       
       "เมื่อนึกถึงเพื่อนและครอบครัวของพวกเขา ฉันแทบหัวใจแตกสลาย โดยเฉพาะเมื่อสังคมของเราปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเรื่อย ๆ เราไม่สามารถทเพิกเฉยหรือเย็นชา ต่อชีวิตของเด็กคนต่อไปได้อีกแล้ว" เอลเลน กล่าวต่อไปว่า "ฉันอยากให้ใครสักคนที่รู้สึกว่าตัวเองแตกต่าง และโดดเดี่ยว ได้รู้ว่าฉันรู้ถึงความรู้สึกของพวกคุณ ยังมีคนในสังคมที่จะให้ความช่วยเหลือได้ ถ้าคุณต้องการใครที่จะพูดคุยด้วย หรือต้องการมีส่วนร่วมช่วยเหลือผู้อื่น มีองค์กรมากมายที่ทำงานในด้านนี้" พิธีกรคนดังยังให้รายชื่อของมูลนิธิที่ช่วยเหลือในปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ในเว็บไซต์ของเธอ
       
       ใช่เพียงเอลเลนเท่านั้น ยังมีคนดังอีกมากมายที่ออกมาร่วมเคลื่อนไหว รวมถึงนักข่าวซุบซิบคนดัง เปเรซ ฮิลตัน ที่รวบรวมกลุ่มนักแสดงและคนดัง อาทิ ไมเคิล ยูรี่ จาก Ugly Betty, เจย์ มานูเอล จากรายการ America's Next Top Model และนักร้องชื่อดัง เซียร่า เพื่อรวมตัวต่อต้านพฤติกรรมอันธพาลในโรงเรียน ... "ผมคิดว่ามันสำคัญมากที่วัยรุ่นจะต้องได้รับรู้เรื่องพวกนี้ จากคนอื่นที่เคยผ่านประสบการณ์เดียวกันมาแล้ว" เขากล่าว
       

รวบ 2 หนุ่มอะโกโก้บาร์เกย์พัทยาเอเย่นต์ยาไอซ์

Friday, October 1, 2010

2 ตค. 2553 03:01 น.

ร.ต.ท.พัลลภ หริ่งรอด รอง สวป.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี นำกำลังตำรวจและตำรวจอาสาจำนวนหนึ่งเข้าจับกุมตัว นายประพงษ์ หาหงส์ หรือแม็ค อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37 ม.7 ต.ตม อ.สังขะ จ.สุรินทร์ และ นายราชัน ศรีจันทร์ หรือโหน่ง อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34/1 ม.5 ต.หนองน้ำใส อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ขณะทั้งสองคนกำลังยืนอยู่บริเวณทางขึ้นอาคารเอ “นิรันดร์แกนด์ คอนโด” ซอยอรุโณทัย พัทยากลาง ม.9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงตัวเพื่อขอตรวจค้นสิ่งของผิดกฎหมาย หลังพบว่าทั้งสองคนมีพฤติกรรมจำหน่ายยาเสพติดประเภทยาไอซ์
จากการตรวจค้นตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนพบยาไอซ์บรรจุในถุงพลาสติกใสแบ่งใส่ถุงขนาดเล็กมาจำนวน 3 ถุง รวมน้ำหนัก 0.92 กรัม ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋ากางเกงของผู้ต้องหาทั้งสองคน จึงยึดไว้เป็นของกลางและจับกุมตัวผู้ต้องหาไว้ จากนั้นคุมตัวผู้ต้องหาไปตรวจสอบหาของกลางเพิ่มเติมที่ห้องพักหมายเลข 520/385 ชั้น5 ก็พบของกลางอุปกรณ์การเสพยาไอซ์และถุงพลาสติกใสสำหรับแบ่งใส่ยาไอซ์ไว้ขายพร้อมเครื่องชั่ง จึงยึดไว้เป็นของกลางเพิ่มเติม
จากการสอบสวนนายประพงษ์ และนายราชัน ให้การรับสารภาพว่า ทำงานเป็นพนักงานเต้นอยู่ที่ รีนบาร์แอนด์ อะโกโก้เกย์ ในซอยบอยทาวน์ ถนนเลียบชายหาดพัทยา ส่วนยาไอซ์ซื้อต่อมาจากเพื่อนชื่อ นายนก ที่เพิ่งถูกตำรวจ สภ.เมืองพัทยา จับไปเมื่อ 2 วันก่อนนี้ โดยซื้อมาเพื่อเอาไว้เสพเองไม่ได้เอาไว้ขาย แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากมีหลักฐานเป็นถุงบรรจุยาไอซ์ที่พบในห้องจำนวนมากเชื่อว่าต้องเป็นเอเย่นต์ที่นำยาไอซ์มาแบ่งใส่ถุงเพื่อไว้ขายให้กับลุกค้ามานานแล้ว ซึ่งในเบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาทั้งสองคนว่า ร่วมกันมียาเสพติดให้ทาประเภท1 (ยาไอซ์) ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย ควบคุมตัวไปขยายผลเพิ่มเติมก่อนดำเนินคดีต่อไป

น้องๆ เวียดนามทันสมัย ทำมาร์เก็ตติ้งทางอินเทอร์เน็ต-มือถือ

Thursday, September 30, 2010

ภาพโดยสำนักข่าวซเวินจี๊ การบุกเข้าตรวจต้นซ่องแห่งหนึ่งในนครโฮจิมินห์สามารถจับกุมหญิงสาวขายบริการ ทางเพศ กับผู้เกี่ยวข้องได้จำนวนมาก เจ้าหน้าที่ยอมรับ ปัจจุบันมีการขายบริการผ่านโทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ตมากขึ้น ทำให้ธุรกิจนี้ขยายตัวรวดเร็ว
 
ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- ความก้าวหน้าของโทรศัพท์มือถือกับอินเทอร์เน็ต ทำให้กิจการค้าประเวณีในเวียดนามเติบใหญ่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว และการปราบปรามทำได้ยากขึ้น มีการกล่าวถึงเรื่องนี้ในการประชุมที่จัดโดยกระทรวงแรงงาน ผู้ทุพลภาพและสวัสดิการสังคม ในสัปดาห์นี้ที่ จ.เถือะเทียนเหว (Thua Thien Hue)
       
       การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อสรุปแผนงานการป้องกันการค้าประเวณี ระหว่างปี 2006-2010 ทั้งนี้ เป็นรายงานของสำนักข่าวซเวินจี๊ (Dan Tri)
       
       นายเหวียนวันมีง (Nguyen Van Minh) อธิบดีกรมป้องกันความชั่วร้ายทางสังคม ซึ่งอยู่ภายใต้กระทรวงแรงงานฯ กล่าวว่า ธุรกิจการค้าประเวณีในเวียดนาม กำลังทำกันแพร่หลายผ่านโทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ต เว็บไซต์ที่มีการเสนอบริการทางเพศ หรือให้ข่าวสารเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็มีจำนวนมากขึ้น มีการระบุที่ตั้งของซ่องโสเภณีนับร้อยๆ แห่ง
       
       ปัจจุบันหญิงโสเภณีสามารถเสนอขายบริการของพวกเธอ หรือทำการตลาดโดยตรงผ่านอินเทอร์เน็ต มีการลงโฆษณาเบอร์โทรศัพท์มือ เพื่อให้ลูกค้าสามารถติดต่อกลับได้โดยสะดวก
       "มีการจัดตั้งเครือข่ายโสเภณีระหว่างจังหวัดตั้งแต่เหนือจรดใต้ วิธีการเหล่านี้ทำให้การค้นหาและการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจทำได้ ยากยิ่งขึ้น" เจ้าหน้าที่คนเดียวกันกล่าว
       
       ตามรายงานที่นำเสนอต่อที่ประชุม กรมป้องกันความชั่วร้ายฯ กล่าวว่า โสเภณีกลุ่มใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน เป็นกลุ่มหญิงที่มีอายุระหว่าง 18-25 ปี คิดเป็นประมาณ 42% ของทั้งหมดประมาณ 31,000 คนทั่วประเทศ
       
       อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมีแนวโน้มว่า โสเภณีเริ่มมีอายุน้อยลงเรื่อยๆ ขณะนี้ราว 15% ของทั้งหมดอายุ ระหว่าง 16-18 ปีส่วนอีกกลุ่มหนึ่งอายุ 25-35 ปี คิดเป็น 35% ซเวินจี๊กล่าว
       
       ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สามารถจัดการกับซ่องโสเภณีได้กว่า 4,200 แห่ง มีผู้เกี่ยวข้องเกือบ 18,000 ราย รวมทั้งเจ้าของซ่อง ผู้ติดต่อ/จัดหา หญิงโสเภณีและบรรดาลูกค้า ในจำนวนนี้มี 2,812 กรณี และ ผู้เกี่ยวข้อง 3,682 คน ถูกดำเนินคดีอาญา 1,407 คน ถูกปรับตามกฎหมาย และ กว่า 5,000 คน ถูกนำส่งศูนย์บริการดูแลสุขภาพ
       
       ในช่วงเดียวกัน เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมแก๊งค้ามนุษย์ระหว่างประเทศได้จำนวนมาก เกี่ยวข้องกับการค้าหญิงสาวตั้งแต่เวียดนามถึงมาเก๊า จีน ฮ่องกง ไต้หวัน หรือ กัมพูชา นอกจากนั้น ยังทะลายกระบวนการโสเภณีชั้นสูงในนครโฮจิมินห์ได้หลายครั้ง
 
 
 
เป็นงัยหละ  นึกว่าเด็กวังออนคอล ทางโทรศัพท์อย่างเดียว ที่อื่นก็มีนะคร้าบ

เซ็กซ์ทัวร์/ซ้อ 7

Wednesday, September 29, 2010

เป็นไงล่ะ บอกแล้วว่า วีรกรรมตำไข่ของ “น้อง anywhere” นั้นไม่ธรรมดา ทีนี้ก็รอดูก็แล้วกัน เพราะตอนนี้ก็เริ่มมีรายชื่อเปิดเผยออกมาแล้วว่าเจ้าของสเปิร์มที่มุดเข้ามดลูกหล่อนจนมีผลผลิตจะเป็นของใคร
       
        ในฐานะแม่คนหนึ่ง ซ้อก็ขอเอาใจช่วย ถึงจะมีคนซวย (ที่ได้น้อง anywhere เป็นเมีย) แต่ก็คิดซะว่าเห็นแก่เด็กตาดำๆ อย่างน้อยๆ โตขึ้นจะได้ไม่มีปมด้อยว่าหาพ่อไม่เจอ!!
       
        ที่พูดแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะดูถูกลูกผู้หญิงด้วยกัน เพียงแต่จะบอกให้จำใส่กะลาหัวไว้ …ผลของการอ้ามั่วมันก็เลยไม่มีใครอยากเป็น “ผัว” แบบนี้แหละ
       
        ป่านนี้แนวร่วมทะลวงรูคงนอนเอาตีนก่ายหน้าผาก อยากจะผ่าตัดเปลี่ยนหน้าให้รู้แล้วรู้รอด เพราะไหนๆ น้อง anywhere ก็ชิ่งไม่ยอมพิสูจน์แล้ว ทางเดียวที่จะรอด ก็คือ ทำหน้าให้ไม่เหมือนเด็กนี่ล่ะวะ…
       
        หายใจโล่งขึ้นมาหน่อยคงจะหนีไม่พ้น “ซูเปอร์สตาร์หน้าเกาหลี” ที่งานนี้คงจำไปจนวันตาย ทีหน้าทีหลังอย่ามักง่าย หัดหดไข่ซะมั่ง ไม่อย่างนั้นอนาคตมันจะหมดไม่ทันตั้งตัว โอกาสแก้ตัวไม่ได้มีบ่อยๆ นะว้อย
       
        อีกคนที่ชอบก่อเรื่องซ้ำซากก็ “น้องแตงเน่า” เด็กสร้างวิกหลายสี รายนี้แม้ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปีๆ หล่อนก็เอี้ยรักษาระดับ ไม่เรื่องผู้ชายก็เรื่องสันดานส่วนตัว ล่าสุดไม่รู้ว่าเป็นเพราะเก็บกดที่ไม่มีใครคบ หรือเครียดที่ไม่มีงานหรือเปล่า ถึงได้ไปอาละวาด “ผัวหน้าอ่อน” ซะจนผู้คนแตกตื่น
       
        ก็เข้าใจอ่ะนะ ว่า น้องแตงเน่า เป็นประเภทชอบทำอะไรประจานสันดานตัวเองอยู่บ่อยๆ เอากับใครก็ถ่ายรูปเป็นหลักฐาน แม้กระทั่งคั่วอยู่กับใครหล่อนก็จะกอดจะจกให้เห็นต่อหน้า อย่างครั้งนี้ก็เช่นกัน อยู่ดีๆ ก็ไปทะเลาะกับผัวต่อหน้าสาธารณชน ขุดกู-มึง ด่าสารพัดสัตว์ แต่ที่ทำเอาอึ้งไปตามๆ กัน ก็เรื่องที่น้องแตงเน่า ตบะแตกตบผัวซะหน้าคว่ำ ดีนะที่ผัวหน้าอ่อนหน้าบางกว่า ก็เลยได้แต่ก้มหน้าให้เมียด่าอย่างเดียว
       
        สะเออะจะเป็นดารา แต่ทำตัวแย่ยิ่งกว่ากอหรี่แบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน ถ้าไม่รีบเปลี่ยนนิสัย อย่าว่าแต่คนในวงการเลย ผัวหน้าอ่อนที่ว่าหลงหลุมขนาดไหน มันก็คงทนไม่ไหวในซักวัน
       
        ทีนี้จะไปร้องแร่แห่กระเชอ ตู่ว่าคนโน้นคนนี้รังแก มันคงทุเรศไปหน่อย เพราะที่ผ่านมาก็ชัดเจนแล้วว่าเมิงทำตัวเมิงเองทั้งน้านนนน ชิ
       
        ได้เป็นดารามีต้นทุนดีกว่าคนอื่นเป็นไหนๆ แต่ก็มีไม่น้อยที่ใช้เส้นทางนี้ไปในทางผิดๆ อย่างที่รู้กันวงการนี้มันมีสิ่งล่อตาล่อใจเยอะ ยิ่งถ้าเป็นเรื่องอย่างว่าละก็ มั่วกันยิ่งกว่า “ซ่อง” ซะอีก เรียกว่า มีทุกรูปแบบ ทั้งล่อกันเอง ทั้งมีนายหน้าจัดหาให้ ที่แย่ไปว่านั้น บางคนใช้งานบังหน้า ที่พวกดาราขยันซอยทั้งหลายรู้กันเลย ก็คือ “กิจกรรมพบปะแฟนๆ” ของช่องน้อยสี พูดง่ายๆ ว่า ใครที่ไปร่วมกิจกรรมบันเทิงนี้ แล้วอยากทำกิจกรรมเข้าจังหวะ บ๊วบๆ รับรองมีสนองถึงโคน
       
        จริงๆ แล้วกิจกรรมนี้ทางต้นสังกัดจัดขึ้นมาเพื่อเอาใจแฟนๆ ที่ให้การสนับสนุน โดยจะตระเวนไปตามต่างจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งเป็นทริปที่บรรดาดาราขาเอาชอบอกชอบใจเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะได้ไปมอบความสุขให้คนอื่นแล้ว ยังได้หาความสุขใส่ตัวอีกด้วย
       
        คนไหนที่มั่วอยู่แล้วเป็นนิจ ก็จกกันเองตามอัธยาศัย ส่วนใครที่ยังกระดากอายก็จะมีนายหน้าจัดส่งให้ถึงขอบเตียง อย่างรายล่าสุดที่เพิ่งความแตก ก็คือ “อดีตพระเอกหน้าจืด” ที่ตอนนี้ตกกระป๋องก็เลยผันตัวเองไปเป็นพิธีกรคู่กับ “คุณป้าปากกว้าง” ที่เคยมีคดีขี้โกงติดตัว
       
        ถ้าพระเอกหน้าจืดขยี้ชะนีก็คงไม่มีใครสนใจ เพราะมันเป็นเรื่องปกติของคนมีจู๋ แต่นี่เจ้าตัวดันออเดอร์ KRADOOR คนมันก็เลยโจษจันกันทั้งทริป!!
       
        นี่ละมั้งที่เค้าว่า ความคันมันไม่เข้าใครออกใคร ยิ่งถ้าคันไม่ถูกที่ ชีวิตก็อัปรีย์ได้เหมือนกัน
       
        จะว่าไปแล้ว เรื่องที่พระเอกหน้าจืด ชอบเข้าข้างหลัง ก็ไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์อะไรมากนัก เพราะปกติก็เป็นประเภทได้หน้าไม่ลืมหลังอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะเปิดตัวว่ามีแฟนเป็นชะนีมีรู แต่รสนิยมที่เป็นอยู่ก็ขาด “จู๋” ไม่ได้เช่นกัน งานนี้พระเอกหน้าจืดก็เลยเต็มที่กับชีวิต ว่างเป็นไม่ได้ ถ้าไม่จี่หอยก็ตระเวนสอยตูด!
       
        นี่ถ้าคิดจะเอาดีทำเป็นอาชีพคงรวยแข่งกับ “พระเอกปากแดง” ผัวใหม่ “ม่ายตาโปน” ไปแล้ว (ถึงไม่เกี่ยวกันแต่ตูอยากพาดพิง 555555) เพราะรายนี้หน้าเงิน นี่ขนาดลงทุนหลอกม่ายตาโปนจนหลงเชื่อสนิทใจแล้วนะเนี่ย ไม่รู้เวรกรรมอะไรของสาวตาโปน มีผัวแต่ละคนก็มีแต่เรื่องขายหน้า คนแรกก็นักเลงหัวไม้ ผัวคนล่าสุดก็ดันมีประวัติจี่หอยสอยตูด พูดแล้วก็อดสูแทน
       
        อย่างว่าวัวเคยค้าม้าเคยขย่ม ถือซะว่าเป็นการบริหาร “ตอ” ให้เกิดประโยชน์สูงสุดก็แล้วกัน
       
        แต่อย่างหนึ่งที่พระเอกหน้าจืด กับพระเอกปากแดง เหมือนกัน ก็คือ ทั้งคู่เป็นขวัญใจกะเทยไฮโซ เพราะดูสะอาดน่าฟาด โดยไม่ต้องกลัวว่าจะติดโรค
       
        หนึ่งในกะเทยที่เคยด๊วบไข่ของพระเอกหน้าจืด ก็ “ขี้ข้าตาเหล่” สมุนปล้นชาติของไอ้ซินาอ้านั่นแหละ
       
        ก็อย่างที่รู้กันว่า นอกจากไอ้ตาเหล่จะเลวระดับชาติแล้วยังขี้เอาสุดๆ ยิ่งถ้าเป็นหนุ่มในวงการ บั้นเอวจะทำงานดีมาก กว้างคูณยาวเท่าไหร่ไม่วอร์รี่ แค่จัดถี่ๆ หนักๆ รับรองจ่ายไม่อั้น ครั้งนั้นพระเอกหน้าจืด ก็เลยได้ไปไม่น้อย แม่ง…เงินที่โกงแผ่นดินทั้งนั้น
       
        ส่วนหนึ่งเป็นเพราะช่วงนี้งานแสดงไม่มี ก็เลยไม่ต้องสร้างภาพมาก บวกกับยังไม่มีใครเป็นตัวเป็นตน ว่าแล้วพระเอกหน้าจืดก็เลยปลดปล่อยตัวเองเต็มที่ ล่าสุด พอต้องเดินทางไปร่วมทำกิจกรรมพบปะแฟนๆ กับดาราช่องน้อยสี พระเอกหน้าจืดก็เลยพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส อยากจะ “ล่อเป้า” นอกสถานที่ดูจั๊กดอก
       
        ว่าแล้วก็สั่งการให้ทีมงานหาตะบองมาถองดากให้หายอยาก ตกดึกถึงเวลานัดหมาย หนุ่มนิรนามก็ไปตามนัด แถมไม่พูดพร่ำทำเพลง ดิ่งเข้าไปเคาะประตูก๊อกๆ พร้อมปฏิบัติการเชิงรุก แต่ทันทีที่พระเอกหน้าจืดเปิดประตูออกมารับถึงกับผงะ เพราะไม่คิดว่านายหน้าจะจัดคนในวงการเดียวกันมาให้ ทำเอาพระเอกหน้าจืดม้วนไข่เก็บแทบไม่ทัน
       
        …นอกจากจะหน้าแตกแล้วยังอดแหกไข่คู่อีกต่างหาก
       
        แต่ใช่ว่าพระเอกหน้าจืด จะกลับไปไปนอนเจี๊ยวแห้งซะเมื่อไหร่ กลับโทร.ไปสั่งนายหน้าคนเดิมให้หาคนใหม่ให้ พร้อมระบุขอเป็นชาวบ้านที่ไม่มีพิษสง แต่งานนี้เหมือนจู๋ดวงตก เพราะอสุจิไม่ทันจะตกถึงท้อง คู่ขาหน้าละอ่อนเจือกตามมาเฝ้าไข่ถึงที่ สุดท้ายก็เลยต้องกลับไปล่อของเก่าด๊วบๆ
       
        ถือว่าชะตาจู๋ยังแข็ง ไม่งั้นมีหวังโดนจับตอนสดเป็นแน่ บรื๋อ…
       
        นี่ถ้ามีใครท้องโย้ขึ้นมาอีกซักคน ทริปนี้คงได้ตรวจดีเอ็นเอกันมัน ถ้าไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ทริปหน้านายใหญ่ก็ลงทุนซื้อถุงยางให้พกติดตัวไปเลย จะได้ไม่ต้องมาคอยตามแก้ปัญหาเหมือนใครบางคน

 

 
น้อง anywhere คือ...แอนนี่

ซูเปอร์สตาร์หน้าเกาหลี(พลีประตูหลังจนได้ดี ล่าสุดมีภรรยาลับๆนามว่า"เฮี้ยฮ้อ") คือ... ฟิล์ม(เสือไบ)

น้องแตงเน่า(พฤติกรรมเลวๆทำไมไม่ไปตอนรถคว่ำครั้งนั้น..) คือ...แตงโม

ผัวหน้าอ่อน(ลูกท่านกร) คือ...แต๊งค์

อดีตพระเอกหน้าจืด(เพิ่งจบจากกับหมอไคโร...) คือ...สาวพอล ภัทรพล

คุณป้าปากกว้าง(พิซซ่าใกล้เจ๊แล้วป้าเอ๊ย!!! รสชาติศุนัขไม่รับประทาน) คือ...เจ๊ตุ๊ก ญาณี

พระเอกปากแดง(ผมเคยเห็นหนุ่มคนนี้ไปลักลอบกินกับดาราชาย ท. ณ ฟิตเนสชื่อดัง) คือ...อั้ม อธิชาติ

ม่ายตาโปน(เจ๊ครับถ้าชายแท้มันหายากอยู่คนเดียวบ้างอะไรบ้างก็ได้นะครับ) คือ...นัท มีเรีย

ขี้ข้าตาเหล่(ทนายซึ่งคนกว่าครึ่งประเทศอยากเจอหน้าและฝากของไปให้นายเหลี่ยม) คือ...สุนัขรับใช้ ณพดล ปัถมะ

"องค์กรสตรี" รุมถล่ม "เฮียฮ้อ" เหยียดหยาม-ดูถูกเพศหญิง

Tuesday, September 28, 2010

"องค์กรสตรี" รุมถล่ม "เฮียฮ้อ" เหยียดหยาม-ดูถูกเพศหญิง ปลุกแบนศิลปิน-ผลงาน"อาร์เอส"

ศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็กและสตรีจ.ชุมพร ซัด"เฮียฮ้อ"ดูถูกเพศหญิงปลุกต้านศิลปิน-ผลงานค่าย"อาร์เอส"


จาก กรณีที่ นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ หรือ เฮียฮ้อ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทอาร์เอสฯ   แถลงอ้างว่า ได้ข้อมูลหลักฐานที่ระบุว่า เมื่อปี 2552 ที่ผ่านมา  แอนนี่ บรู๊ค นักแสดงสาว เคยคบกับเพื่อนชาย  4 คน ในเวลาเดียวกัน   และ บอกผู้ชาย 4 คนนี้ว่า ท้องด้วย ว่ พร้อมขอเงินแต่ละคน เป็นจำนวนคนละ  250,000  บาท ซึ่ง  2ใน4 คน  นั้น คือ  ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัย์ นักร้องนักแสดงชื่อดังในสังกัด และ จุ๊น-กิตติคุณ สัมฤทธิ์พันธ์สุข  นักแสดงหนุ่ม นั้น

 

เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 28 กันยายน  ที่ศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็กและสตรี รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ นางปทุมพร ทองภูเบศร์ เลขานุการศูนย์ฯ กล่าว ว่า การพูดดังกล่าวเป็นการดูถูกเหยียดหยามเกียรติของผู้หญิงมากที่สุดเท่าที่เคย พบมา และถือว่ามีความผิดทางหมิ่นประมาทซึ่งเป็นความผิดอาญาที่กฎหมายห้ามไม่ให้ พิสูจน์ข้อเท็จจริง เพราะถือว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคลที่กฎหมายห้ามไม่ให้นำไปพูดต่อบุคคลที่สาม หรือ ที่สาธารณะ ยิ่งการพูดผ่านสื่อมวลชนและนำไปโฆษณาเผยแพร่ทางสื่อต่างๆ ยิ่งเป็นความผิดที่ต้องรับโทษหนักขึ้น และถ้าเป็นความจริงก็ยิ่งมีความผิดมากขึ้น

 

นางปทุมพร กล่าวว่า ส่วนประเด็นทางจริยธรรม ผู้พูดมีอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการแสดง หรือ นักร้อง ที่สมควรมีภาพพจน์ที่ดีต่อประชาชน โดยเฉพาะเยาวชนของชาติ ดังนั้น การแถลงข่าวดังกล่าวถือว่าไม่เหมาะสม เป็นการเหยียดหยามดูหมิ่นเพศหญิง ต้องการเพียงรักษาผลประโยชน์ทางธุรกิจเท่านั้น ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้ต่อต้านผลงานของศิลปินสังกัดค่ายดังกล่าวทั้งหมด โดยเฉพาะนักร้องนักแสดงที่กำลังเป็นข่าว จะรณรงค์ไม่ให้ซื้อ หรือ บริโภคผลงานอีกต่อไปแม้แต่ชิ้นเดียว

 

"ศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็กและสตรี จ.ชุมพรเพิ่งกลับจากการไปเยี่ยมให้กำลังใจน้องแอนนี่ที่กรุงเทพฯ เมื่อถึงชุมพรได้ยินคำแถลงข่าวดังกล่าว จึงคิดว่าจะรวบรวมสมาชิกของศูนย์ฯเดินทางไปให้กำลังใจแก่แอนนี่อีกครั้ง และหากแอนนี่ต้องการทนายความก็จะช่วยหาให้ด้วย" นางปทุมพร กล่าว

 

มูลนิธิเพื่อนหญิงให้สังคมรุมประณาม"เฮีย ฮ้อ ยุ"แอนนี่" ฟ้องหมิ่นทำลายชื่อเสียงผู้หญิง ให้นึกถึงเด็ก

 

นางสาวสุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สตรี มูลนิธิเพื่อนหญิง กล่าวถึงกรณีที่นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ หรือ เฮียฮ้อ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทอาร์เอสฯ ออกมาอ้างว่า "แอนนี่" คบผู้ชายรวดเดียว 4 คนนั้น ว่า เป็นคำพูดหมิ่นประมาท การออกมากล่าวหาอย่างนี้มีแต่ทำให้ผู้หญิงเสียหาย เพราะการเอาเรื่องผู้หญิงคบผู้ชายออกมาพูด สังคมคงไม่ชื่นชม ตรงกันข้ามกลับ ตำหนิผู้หญิงมากกว่า
 

"ได้ให้คำแนะนำแอนนี่ไปว่า ถ้ามีใครออกมาสัมภาษณ์แล้วทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ก็ควรฟ้องคนที่ให้สัมภาษณ์กลับไปบ้าง หรือมีใครมาแสดงตัวเป็นพ่อแต่ไม่ใช่พ่อก็ควรฟ้องกลับไปเช่นกัน สำหรับกรณีการตรวจดีเอ็นเอ ตอนนี้สังคมเคลือบแคลงสงสัย ถ้าฝ่ายชายอยากตรวจจริงก็ควรไปทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย ให้ไปใช้สิทธิทางศาล เพราะเรื่องจะจบง่ายขึ้นถ้าเรื่องดำเนินการอย่างถูกต้อง การเอาแต่ออกมาพูดแถลงข่าวเป็นการเพิ่มปัญหาให้บานปลาย ไม่เป็นประโยชน์กับใคร สังคมฟังเรื่องนี้ต้องไตรตรองด้วย"
 

นางสาวสุเพ็ญศรี กล่าวอีกว่า เดือนหน้าเป็นเดือนยุติความรุนแรงต่อสตรี สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างแอนนี่กับฟิล์มเป็นความรุนแรงอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าเรื่องนี้จะจบอย่างไร แต่ที่สำคัญที่สุดอยากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของเด็ก เคารพสิทธิเด็กด้วย เรื่องนี้ไม่ใช่การตลาด
 

"ได้บอกกับแอนนี่ไปว่า สิ่งที่เกิดขึ้น กรณีนี้ไม่ใช้กรณีแรกที่เจอ จากประสบการณ์ คนที่ชอบทิ้งลูก ไม่รับผิดชอบลูก ไม่เห็นได้ดีสักคน อยากให้อดทน ใครพูดอะไรก็ให้นิ่งเสียอย่าไปให้ความสำคัญ ให้อยู่กับลูกและใช้สติยั้งคิด"

“ผกก.GTH” โต้ข่าวเมาแล้วรั่วฟูมฟายหวั่นเป็นพ่อลูก “แอนนี่”

"บอล วิทยา" ผู้กำกับ GTH โต้ข่าวเมาแล้วรั่วฟูมฟายหวั่นเป็นพ่อลูก "แอนนี่" เผยแค่มุกตลกในวงเหล้า รับรู้จักกันจริงแต่แค่ไปปาร์ตี้กินเหล้าด้วยกัน ยันไม่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง ยินดีให้ตรวจดีเอ็นเอ
       
       มีรายชื่อหนุ่มๆ ที่เกี่ยวข้องกับ "แอนนี่ บรู๊ค" ต้อง สงสัยว่าจะเป็นพ่อของ "ทีฆายุ" โผล่ขึ้นทุกวันเลยทีเดียว หลังจากที่ "เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์" ผู้บริหาร ค่ายอาร์เอสออกตัวแรงแถลงข่าวเองว่า แอนนี่มีการเรียกร้องเงินผู้ชายถึง 4 คนเพื่อให้รับผิดชอบเรื่องตนเองท้องนั้น ล่าสุดก็มีกระแสข่าวว่า "บอล วิทยา ทองอยู่ยง" ผู้กำกับค่าย GTH ที่เคยมีผลงานกำกับหนังแฟนฉัน , เก๋าเก๋า , บ้านฉันตลกไว้ก่อนพ่อสอนไว้ฯลฯ นั้นไปกินเหล้ากับเพื่อนผู้กำกับ และมีการร้องไห้ฟูมฟายด้วยความเครียดหวั่นว่า ตนเองอาจจะเป็นพ่อของลูกแอนนี่ และมีการหยิบรูปในหนังสือพิมพ์ของลูกชายแอนนี่เอามาเปรียบเทียบว่า หน้าเหมือนตนหรือไม่ จนกลายเป็นที่เม้าท์กระจายในหมู่ผู้กำกับ
       
       สอบถามไปที่ผู้กำกับคนดัง เจ้าตัวยอมรับว่ารู้จักกับแอนนี่จริงในช่วงปีที่แล้วเดือนกันยายน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คาดว่าแอนนี่จะตั้งครรภ์พอดี แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้มีความสัมพันธ์กันลึกซึ้ง เป็นเพียงเพื่อนร่วมวงเหล้าเท่านั้น ส่วนเรื่องที่ตนเองไปกินเหล้าแล้วฟูมฟายเรื่องแอนนี่นั้นเป็นแค่มุกตลกในวง เหล้าเท่านั้น เผยแอนนี่เป็นคนตลกชอบปล่อยมุกทะลึ่ง แต่ตอนหลังชวนไปร่วมปาร์ตี้แล้วไม่มาจนกระทั่งห่างหายกันไป จนกระทั่งทราบข่าวอีกครั้งว่ามีลูกกับ "ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์"
       
       "มีชื่อผมด้วยหรือครับ คือผมรู้จักแอนนี่ครับเคยร่วมวงเหล้าเดียวกันเพราะเป็นแก๊งโปรดักชั่น คือทีม หนังผม(บ้านฉันตลกไว้ก่อนพ่อสอนไว้)ไปรู้จักกับทีมละคร(ปีศาจแสนกล)ของแอ นนี่ เคยกินเหล้าร่วมกัน คือแอนนี่เขาเป็นคนตลกน่ะครับ เวลาอยู่ในวงเหล้าเขาก็ปล่อยมุกโน่นนี่อะไรของเขาไป แต่ผมก็ไม่ได้สนิทกับเขาจนถึงขั้นไปหาที่ห้อง คอนโดอยู่ไหนผมยังไม่รู้เลยครับ"
       
       "ช่วงนั้นที่ผมเจอเขาเป็นช่วงที่ผมถ่ายหนังปีที่แล้วประมาณ กันยา-ตุลา ก็มีโอกาสเจอเขาครั้งสองครั้งก็ไม่ได้เจออีกเลย ช่วงนั้นก็เป็นช่วงที่เขาถ่ายละครกับฟิล์มด้วย พอว่างๆ ทีมโปรดักชั่นเราเป็นทีมเดียวกันก็เลยมาปาร์ตี้กัน"
       
       "ตอนนั้นผมก็ไม่รู้หลอกครับว่าเขาคบใคร เขาก็ไม่ได้พูดอะไรให้ฟัง แต่คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องธรรมดาของดารา ตอนนั้นในวงเหล้าก็เห็นเขาแชตบีบีตลอดเวลา แต่ไม่รู้ว่าแชตกะใคร ผมไม่ได้รู้เรื่องส่วนตัวของเขาไม่ได้รู้ลึก คือไปกินเหล้ากับแก๊งพวกนี้แล้วสนุกครับ"
       
       ยันไม่ได้ปิ๊งหรือมีความสัมพันธ์กับ "แอนนี่"
       "เวลาอยู่ในวงเหล้าก็มีแบบแซวๆ กันแต่ไม่ได้มีอะไรก็แค่นั้นแหละครับ เราก็แค่ปาร์ตี้กินเหล้ากันครับ คนเห็นก็จะพูดกันว่าผมกินเหล้ากับดาราคนก็จะแซวๆ เม้าท์ๆ แค่นี้ ส่วน เรื่องที่บอกว่าผมไปเมาเหล้าเพราะเครียดที่แอนนี่ท้องกลัวว่าจะเป็นลูกผม นั้น คือจริงๆ แล้วมันเป็นบรรยากาศกินเหล้าน่ะครับ ก็จะเม้าท์ๆ กันไปเรา ผมก็แค่เม้าท์เล่นๆ ว่า เดี๋ยวผมไปตรวจดีเอ็นเอด้วยดีกว่า มันเป็นแค่มุกตลกของเรา แต่จริงๆ ผมก็ไม่อยากเล่าเรื่องนี้หรอกนะ เพราะเดี๋ยวคนก็จะว่าเราเอาเรื่องความทุกข์คนอื่นมาพูด แต่มันเป็นแค่การพูดเล่นกันเฉพาะเพื่อนฝูงจริงๆ ผมก็ไม่รู้ว่าเรื่องนี้มันหลุดไปวงนอกได้ยังไง"
       
       "เรื่องของแอนนี่กับฟิล์มตอนนั้นผมไม่รู้เรื่องเขาเลย พึ่งมารู้ตอนที่เป็นข่าวนี่แหละ มีคนโทรมาถามว่าอ่านหนังสือพิมพ์หรือยังเราก็อ้าวเหรอ... แต่ผมก็ไม่เคยเจอฟิล์มในแก๊งนะ เคยเจอแต่กะเทยโปรดักชั่นอยู่กับแอนนี่มากกว่า แอนนี่เขาจะเป็นคนตลกชอบเล่นมุกทะลึ่งๆ หน่อยแบบตลกเลย แล้วผมมี น้องโปรดักชั่นคนหนึ่งที่สนิทกับเขา เราก็เลยได้ไปสังสรรค์กันครั้งหนึ่งก็รู้สึกว่าสนุกดี และผมก็มีร้านอยู่ร้านหนึ่งก็บอกให้เขาตามมาสิ เขาก็มาดื่มมาปาร์ตี้กัน แต่ ตอนหลังเขาไม่มามีคนบอกว่าเขาไปอยู่เมืองนอกแล้ว พอมีข่าวนี้หลุดมาเราก็เลยต่อสตรอรี่ออกมา"
       
       "กับสิ่งที่เกิดขึ้นผมก็รู้สึกเห็นใจทุกคนนะครับในฐานะเพื่อนมนุษย์ จริงๆ แล้วการตรวจดีเอ็นเอก็ไม่รู้จะจบหรือเปล่า เพราะผลออกมามันต้องมีคนใดคนหนึ่งที่เป็นด้านลบ แต่ถ้าเป็นแบบนี้ก็เสมอตัว ก็อยากให้เขาได้อยู่กับตัวเองได้คิดได้คุยกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมว่าเด็กน่ารักครับ สุดท้ายเรื่องจบยังไงไม่รู้แต่ผมว่าเด็กคนนี้เป็นของขวัญของคนที่เป็นพ่อ เป็นแม่"
       
       "และถ้าแอนนี่มีอะไรให้ช่วยเหลือไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินหรือคำปรึกษา ผมก็ยินดีช่วยเท่าที่กำลังของเราจะมี ก็ยืนยันครับว่าผมไม่ใช่ 1 ใน 4 ที่เป็นข่าวและแอนนี่ก็ไม่ได้มาขู่เอาเงินกับผม ขนาดกินเหล้ายังแชร์กันเลยครับ คือเรื่องผู้หญิงกับผมนี่ผมไม่ได้มีความสามารถด้านนี้ แต่ถ้าจะให้ตรวจดีเอ็นเอก็ได้ครับไม่มีปัญหา"

"จุ๊น"ลั่นไม่มีสัมพันธ์ลึกซึ้ง"แอนนี่" วอนทุกฝ่ายหยุด

"จุ๊น"ลั่นไม่มีสัมพันธ์ลึกซึ้ง"แอนนี่" วอนทุกฝ่ายหยุด ดาราสาวไม่โต้"เฮียฮ้อ"บอกพูดความจริงหมดแล้ว

"จุ๊น"ลั่น ไม่มีสัมพันธ์ลึกซึ้งแอนนี่วอนทุกคนหยุดสงสารนักแสดงสาว-ลูก

 

"จุ๊น" กิตติคุณ สัมฤทธิ์พันธ์สุข นักแสดงหนุ่ม ให้สัมภาษณ์ที่สยามพารากอน เมื่อวันที่ 28 กันยายนถึงกรณีที่นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ หรือเฮียฮ้อ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท อาร์เอสฯ เปิดเผยเป็น 1 ใน 4 ผู้ชายที่มีความสัมพันธ์กับแอนนี่ บรู๊ค นักแสดงสาว ว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแอนนี่ รู้จักกันแต่ไม่สนิท เคยเจอกันแต่นานมาแล้ว ขอยืนยันว่าไม่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งแต่อย่างใด


ผู้สื่อข่าวถามถึงการตรวจดี เอ็นเอพิสูจน์ความเป็นพ่อของลูกแอนนี่ จุ๊น กล่าวว่า ไม่มีความสัมพันธ์กันจะไปตรวจทำไม ส่วนกรณีที่เฮียฮ้อ กล่าวพาดพิงนั้นเป็นเด็กเคารพผู้ใหญ่ ไม่ขอพูดพาดพิงถึงคนที่สาม ทั้งหมดได้ปรึกษาผู้ใหญ่แล้วจึงได้ออกมาอธิบายหลังจากเรื่องแรงขึ้นเรื่อยๆ

 

"ประเด็นที่ว่าไปอเมริกา ไม่ได้ทำอะไรไม่จำเป็นต้องหลบ ไม่รู้ว่าจะไปอเมริกาทำไม"

 

ส่วนที่จะฟ้องเฮียฮ้อหรือไม่นั้นเป็นหน้าที่ของผู้ จัดการส่วนตัว อย่างไรก็ตาม เมื่อเช้าคนสนิทได้ต่อ โทรศัพท์ให้คุยกับแอนนี่ คำแรกที่ตนถามแอนนี่คือ "ป้าเป็นอย่างไรบ้าง"


ผู้สื่อข่าวถามว่าแอนนี่เรียกเงิน 2.5 แสนบาทจริงหรือไม่ จุ๊น ได้ถามนักข่าวกลับว่า "ถ้ามีคนมายืมเงินพวกพี่ๆ 2.5 แสนบาทพี่จะให้หรือเปล่า ยิ่งผมเป็นคนงกด้วย"


กิตติคุณ ยังได้ปฏิเสธข่าวเฮียฮ้อจ้าง 10 ล้านให้เป็นพ่อของลูกแอนนี่ด้วย "ครอบครัวสอนให้ผมเป็นคนที่เงินซื้อไม่ได้ ข่าวมั่ว ถ้าจ้างจริงก็ซื้อไม่ได้"

 

"สงสารแอนนี่และน้อง ทุกคนควรให้กำลังใจมากกว่า ที่มาแถลงข่าวเพราะต้องการเคลียร์ข่าว เป็นผู้ชายไม่เสียหาย แต่แอนนี่เป็นผู้หญิงเสียหายกว่า ขอให้ทุกคนหยุด"

 

"แอนนี่" ไม่ตอบโต้ "เฮียฮ้อ"แฉสัมพันธ์ 4 หนุ่ม ลั่นพูดความจริงหมดแล้ว ไม่รู้จัก"จุ๊น"เครียดสื่อตาม

 

 

จากกรณีที่ นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ หรือ เฮียฮ้อ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทอาร์เอสฯ   แถลงอ้างว่า ได้ข้อมูลหลักฐานที่ระบุว่า เมื่อปี 2552 ที่ผ่านมา  แอนนี่ บรู๊ค นักแสดงสาว เคยคบกับเพื่อนชาย  4 คน   และ บอกผู้ชาย 4 คนนี้ว่า ท้องด้วยว่า พร้อมขอเงินแต่ละคน เป็นจำนวนคนละ  250,000  บาท ซึ่ง  2ใน4 คน  นั้น คือ  ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัย์ นักร้องนักแสดงชื่อดังในสังกัด และ จุ๊น-กิตติคุณ สัมฤทธิ์พันธ์สุข  นักแสดงหนุ่ม นั้น


แอนนี่ บรู๊ค ให้ สัมภาษณ์ กับ"มติชน" ว่า ไม่ขอออกความเห็นใดๆ เรื่องที่นายสุรชัย แถลง เพราะที่ผ่านมาพูดความจริงไปหมดแล้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเรื่องแบบนี้ออกมาอีก
 


"ไม่สะดวกจะพูดจริงๆ เพราะตอนนี้เครียดมาก นักข่าวตามมาเฝ้าที่บ้านอีกแล้ว อยากขอว่าให้แอนนี่ได้ออกไปนอกบ้านบ้าง ตอนนี้จุกนมลูกพัง อยากออกไปซื้อใหม่" แอนนี่กล่าว

 

 อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ แอนนี่เคยตอบคำถามเรื่องสัมพันธ์กับจุ๊น กิตติคุณว่า รู้ว่าเป็นดารา แต่ไม่รู้จักเป็นส่วนตัว

"แอ นนี่"ลั่นดีเอ็นเออยู่บนหน้าลูก

 

ก่อนหน้านี้ ที่ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัลพระราม 2 เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 27 ก.ย. ที่ผ่านมา  น.ส.รุ่ง นภา แก้วไทรหาญ หรือแอนนี่ บรู๊ค นักแสดงสาว ให้สัมภาษณ์ก่อนบันทึกเทปรายการตีสิบ ถึงการตรวจดีเอ็นเอเพื่อยืนยันฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ นักร้องชื่อดัง เป็นพ่อของลูกชายว่า เลยจุดที่ต้องตรวจดีเอ็นมาแล้ว ถ้าฟิล์มจะตรวจ อยากถามว่าจะตรวจเพื่ออะไร


เมื่อถามว่าที่แอนนี่เคยบอกว่าตรวจหรือไม่ตรวจดี เอ็นเอ มีผลเท่ากัน หมายความอย่างไร นักแสดงสาวกล่าวว่า ตอนอ่อนแอที่สุดอยากได้ใครสักคน ก็ไม่ได้ แต่วันนี้เข้มแข็งที่สุดแล้ว ไม่ต้องการใครทั้งนั้น สามารถยืนด้วยขาด้วยตัวเอง ดูแลลูกได้ ไม่ต้องมาความช่วยเหลือจากใครทั้งสิ้น ทั้งนี้ มีมูลนิธิเพื่อนหญิงต่อติดให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมาย แต่ตนเห็นว่าการขึ้นศาลดูเยอะไปสำหรับผู้หญิงตัวคนเดียว


"ทุกวันนี้ก็เหมือนเดิมตลอด 1 ปีที่ผ่านมา แอนนี่ต้องติดคุกที่เรียกว่าบ้าน แอนนี่อยากออกตีสิบเพื่อเคลียร์ตัวเอง อยากพาลูกออกไปเดินเล่นนอกบ้านบ้าง อยากพาลูกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ที่ไม่ใช่พัดลมบ้าง อยากพาไปสวนสัตว์บ้าง"


เมื่อถามว่า มีคนมองว่าแอนนี่คบผู้ชายหลายคน ลูกอาจไม่ใช่ลูกของฟิล์ม นักแสดงสาวกล่าวว่า เมื่อวานก็คืออดีต 4-5ปีที่ผ่านมาก็คืออดีต ถ้าหนูคบใครก็คงมีข่าวซุบซิบไปแล้ว เพราะความลับไม่มีในโลก


"การพูดให้ตรวจดีเอ็นเอ เป็นคำด่าที่สุภาพมาก ว่าหนูเป็นผู้หญิงไม่ดี ถามว่า 4-5ปีหนูเคยมีประวัติเสียบ้างไหม"


ต่อข้อซักถามว่า มีกระแสข่าวว่าแอนนี่เคยมีความสัมพันธ์กับ จุ๊น กิตติคุณ สัมฤทธิ์พันธุ์สุข นักแสดงหนุ่ม แอนนี่กล่าวว่า "จริงหรือ ไม่เคยรู้จัก เขาเป็นดาราใช่ไหม แอนนี่ก็รู้จักแค่ว่าเขาเป็นดารา ไม่เคยคุยกันเป็นการส่วนตัวเลย เคยเห็นเขามานั่งเล่นที่บ้านชลลัมพีแค่ครั้งเดียว 4-5ปีที่ผ่านมาหลังจากรับบทตลกหญิง แอนนี่ไม่เคยทำตัวเสียหาย ทิ้งภาพเซ็กซี่สตาร์ไปหมด ในกมลสันดานไม่ได้อยากทำแบบนั้น ในเมื่อต้องทำงานเลี้ยงแม่ ภาพที่ออกมา 4-5ปี ก่อน จึงเป็นแบบนั้น แต่ตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา เราคบหาดูใจกับฟิล์มคนเดียว"


"1ปีที่ผ่านมา พิสูจน์ความจริงได้ เมื่อหนูออกมาพูดความจริงก็ทำร้ายเขาอยู่แล้ว ถามว่าตั้งใจไหม ก็ไม่เคยตั้งใจเลย ถ้าเรื่องลูกไม่แดงขึ้นมา หนูไม่รู้ว่าจะต้องปิดอีกกี่ปี หรือต้องปิดไปอีกตลอดชีวิต"


เมื่อถามว่า อะไรเป็นจุดที่แอนนี่ออกมาเปิดเผยความจริง แอนนี่กล่าวว่า เคยบอกกับเขาว่าถ้าวันหนึ่งเรื่องแดงขึ้นมา จะบอกว่านาย ก. นาย ข. เป็นพ่อเด็ก แต่ถ้านักข่าวไปรู้ความจริงว่าใครเป็นพ่อ แล้วมาถามตน ตนจะกลายเป็นคนโกหก ลูกเองก็ต้องรู้ว่าใครเป็นพ่อ จะบอกลูกว่าพ่อเป็นฟิล์ม


"ถ้าเราเคลียร์เรื่องนี้ตั้งนานแล้ว คงไม่มาไกลจนถึงวันนี้ ความรู้สึกของหนูจบนานแล้ว หนูคิดว่าเรื่องทั้งหมดคงจบ ถ้าเราได้คุยกัน แต่มีตัวกลาง ตัวแปรเยอะ คงไม่มีการพูดคุย 2 คนอีกแล้ว"


ถามว่าตัวแปรคือใคร แอนนี่กล่าวว่า บางคนโทรมาบอกว่าฟิล์มพูดถึงเรื่องบนเตียง ตนคิดว่าจริงไม่จริงอย่างไร ผู้หญิงก็เสียหาย ตนก็เสียหายอยู่ดี


เมื่อถามว่า สัญญาที่ฟิล์ม ให้คืออะไร นักแสดงสาวกล่าวว่า "อดทนนะ เพราะคุณคือแม่ของลูกผม เท่านั้นแหละ หนูถวายหัวเลยล่ะ หนูให้ชีวิตหนูได้เลย" อย่างไรก็ตาม ยอมรับไม่เคยคุยเรื่องแต่งงานกัน เพราะตนเชื่อว่าการแต่งงานไม่ใช่เรื่องสำคัญ ใจและความสัมพันธ์สำคัญกว่า


เมื่อถามว่า ยังรักฟิล์มอยู่หรือไม่ แอนนี่อึ้งไปสักครู่ก่อนตอบว่า "ทั้งรักทั้งชัง แต่ไม่ได้แค้น ไม่เหมือนหนังจีน"


ต่อข้อซักถามว่า ในวันที่ 28 ก.ย. ฟิล์มและนายสุรชัย เชษฐ์โชติศักดิ์ ประธานกรรมการบริหารบริษัทอาร์เอส จำกัด (มหาชน) จะแถลงข่าว อยากบอกอะไร นักแสดงสาวกล่าวว่า "ทุกเรื่องไม่ได้จบลงแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง ตัวเขายังต้องไปอีกไกล มีงานโกอินเตอร์อีก แต่อยากให้เขาลองมองเข้าไปในหัวใจตัวเองลึกๆ ว่าลูกคนนี้เป็นลูกของคุณหรือไม่ ถ้าคิดว่าไม่ใช่พ่อเด็กก็ไม่เป็นไร ถ้าคิดว่าใช่ก็ใช่ แต่อยากให้ลองมองลงไปในลึกๆ ก่อน"


"ดีเอ็นเออยู่หน้าลูกของหนู หมดแล้ว ทุกคนเกิดมาไม่ใช่หน้าเหมือนกัน" เมื่อถามว่าโตขึ้นจะพาลูกไปหาพ่อหรือไม่ แอนนี่กล่าวว่า "พ่อจะมาหาเขาไหมล่ะ" ทั้งนี้ แอนนี่กล่าวว่า ฟิล์มได้ตั้งชื่อลูกชายว่า "สตาร์" ในวันแรกที่เห็นหน้าลูก


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า ฟิล์มจะตามไปตอนบันทึกเทปรายการตีสิบ แต่ต่อมาทางอาร์เอสได้ยืนยันว่า นักร้องหนุ่มไม่มาแต่อย่างใด

เฮียฮ้อ"อ้าง"แอนนี่"คบผู้ชาย4คน ขอเงินคลอดลูกคนละ2.5แสน "จุ๊น"โดนด้วย คนใกล้ชิดโต้ไม่จริง

เฮียฮ้อ"อ้าง"แอนนี่"คบผู้ชาย4คน ขอเงินคลอดลูกคนละ2.5แสน "จุ๊น"โดนด้วย คนใกล้ชิดโต้ไม่จริง

ที่อาคารเชษฐโชติศักดิ์ 3  บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ หรือ เฮียฮ้อ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทอาร์เอสฯ  ได้แถลงถึงกรณี ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ นักร้อง นักแสดง ชื่อดังในสังกัด มีความสัมพันธ์กับ แอนนี่ บรู๊ค นักแสดงสาว จนมีลูกด้วยกัน  ว่า สิ่งที่ตนมีข้อมูลและอยากจะเรียนว่าในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ตนได้ทราบว่าแอนนี่คบกับเพื่อนชายจำนวนมากน้อยเท่าไร แต่สิ่งที่ยืนยันได้คือตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนจนถึงธันวาคมปี 52 แอนนี่ได้พูดกับผู้ชาย 4 คน ในลักษณะเดียวกันและรูปแบบเดียวกัน

"โดยการไปบอกผู้ชาย 4 คนนี้ว่าท้องด้วย ว่าเป็นลูกผู้ชายแต่ละคน และขอเงิน 250,000 2ใน4ที่เฮียสามารถเผยแพร่ได้ หนึ่งในนั้นคือฟิล์ม 2.คือคุณจุ๊น (กิตติคุณ สัมฤทธิ์พันธ์สุข  นักแสดงหนุ่ม)"


"ถ้าเรามองในอีกมุมหนึ่ง ถือว่าฟิล์มและจุ๊นเป็นคนที่น่าสงสาร ที่พูดถึงจุ๊น แต่สิ่งที่อยากยืนยันเฮียได้พูดคุยกับผู้บริหารช่อง 3 แล้ว ยืนยันว่าจุ๊นเองได้มาเล่าความจริงทั้งหมดที่เกี่ยวกับตัวเขาให้ผู้บริหาร ฟัง เฮียคิดว่าทั้งจุ๊นและฟิล์มคือเหยื่อ ของการกระทำครั้งนี้ อารมณ์เดียวกันเมื่อครั้งแรกก็ตกใจ กลัวอนาคต กลัวชื่อเสียง แก้ปัญหาในแนวทางคล้ายๆกัน แต่เป็นแนวทางที่ผิดในความคิดผู้ใหญ่ ฟิล์มเองก็ยอมทุกอย่างและเข้าไปช่วยเหลือดูแล ส่วนจุ๊นเองใช้วิธีหนีไปต่างประเทศ และโอนเงินกลับมาให้รวมแล้ว 2 แสนกว่า ข้อมูลที่มีจะสะท้อนพฤติกรรม มีการยืนยันแล้วจากผู้ใหญ่ อีก 2 ละไว้ไม่พูด รอให้เขาพร้อมเปิดเผยตัวก่อน" นายสุรชัย กล่าว


นอกจากนี้ เฮียฮ้อ กล่าวถึงอนาคตทางการทำงานของฟิล์ม ว่า หลังจากสั่งพักงานชั่วคราวเพื่อให้ฟิล์มจัดการปัญหา ซึ่งเขาได้จัดการปัญหาต่างๆ เห็นว่าเขาเข้าใจปัญหาทุกอย่าง และออกมารับผิดแล้ว ถือว่า 10 วันที่ผ่านมาฟิล์มและครอบครัวมีความทุกข์ สิ่งหนึ่งที่เราได้เห็นแล้วว่า ฟิล์มและครอบครัวได้แสดงออกถึงความผิดชอบในทุกกรณีไม่มีเงื่อนไข แต่ปัญหาไม่จบด้วยคนๆ เดียว


"ทางผู้บริหารของอาร์เอส ได้ตันใจว่า เราจะคืนโอกาสให้ฟิล์ม คงเรียกฟิล์มเข้ามาคุย งานที่คิดว่าให้ทำได้ ที่ไม่ส่งผลกระทบไม่ทำให้เสียหายก็ให้ทำ ่ช่วงที่หยุดไป 10 ก็มีงานบางตัวที่หยุดไปแล้ว บางงานเราก็ยกเลิกไปแล้ว ดังนั้นการกลับมาของฟิล์มครั้งนี้ ตัวเขาเองก็ต้องยอมรับมันจะต้องมีเงื่อนไข" นายสุรชัย กล่าว


อย่างไรก็ตาม นายสุรชัยยังได้ฝากข้อความไปยังแอนนี่ ว่า "เฮียว่า ควรจะหยุดพฤติกรรมได้แล้ว และออกมาสารภาพพูดความจริงกับสังคม แม้ว่าวันนี้จะสายเกินไปแล้ว แต่ยังมีโอกาส สิ่งต่างๆ ที่ทำไปไม่ถูกต้อง แก้ไขได้ สุดท้ายแล้วสังคมคงให้อภัย เรื่องนี้มีเด็กคนหนึ่งเกิดขึ้นมา สิ่งที่ต้องรีบจัดการคืออย่าทิ้งปัญหาทุกอย่างไว้ที่เด็ก และให้เด็กคนนี้เติบโตมาพร้อมปัญหา ผู้เกี่ยวข้องเข้ามาพัวพันก็ได้รับผลกระทบตามๆ กัน มากบ้างน้อยบ้าง"

เมื่อผู้สื่อข่าวถามการคืนงานให้ฟิล์มมีเงื่อนไข อย่างไร นายสุรชัย กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับความพอใจของผู้ร่วมงาน ว่าเขาร่วมงานแล้วจะสบายใจไหม ซึ่งทุกงานที่เคยเป็นของฟิล์ม ไม่ใช่ว่าจะกลับมาเป็นของฟิล์มเหมือนเดิม ทั้งนี้ยอมรับว่า ระหว่างการสั่งพักงานฟิล์ม 10 วัน ทำให้เสียรายได้จากการยกเลิกงานแสดงทั้งหมดตั้งแต่กลางเดือนกันยายนจนถึง ตุลาคม มูลค่ากว่าล้านบาท และงานพรีเซนเตอร์สินค้า 3 ตัว เป็นเงิน 5-6 ล้านบาท


อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวใกล้ชิดกับ "จุ๊น" เปิดเผยกับ "มติชน" ว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง

พระเอกนะยะ แอ๊บแมน โดนเกย์คู่ขาแฉแหลก

Monday, September 27, 2010

 ยินดีที่ไม่รู้จัก....ไม่รู้จัก
     เพลงนี้เขาดังเปรี้ยงปร้างเป็นพลุแตก ลูกเด็กเล็กแดงคนไหนก็ต้องร้องเพลงนี้ได้กันทั้งนั้น ขนาด ด็อกเตอร์เห็ด กับ นังชะนีหน้าดำ ยังพร่ำเพ้อร้องเพลงนี้กับเขาด้วย ก็แหม..กระแสเขากำลังอินเลยขอหยิบเพลงนี้มาฮัมซะหน่อย ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแค่คลำดูว่าไม่มีหางจะรู้จักหรือไม่รู้จักก็ผสมพันธ์กัน ได้หมดแล้ว เหมือนกับ ไอ้พระเอกนะยะ คนที่จะเล่าต่อไปนี้ ฮีมีดีกรีเป็นถึง พระเอกแถวหน้าของช่อง กว่าที่ฮีจะมาถึงวันนี้ได้ก็ต้อง ปากกัดตีนถีบ มากโขอยู่

     พระเอกนะยะ คนนี้เข้าวงการมาด้วยการเป็น เด็กบาร์โชว์ของลับ ด้วยความที่หน้าดูเข้มๆ ไม่ออกสาว กระตุ้งกระติ้ง เหมือนเด็กบาร์คนอื่นๆ ทำให้ฮีกลายเป็นดาวของบาร์นี้ไปโดยปริยาย แล้วฮีก็ต้องไปนอนกับเกย์หนุ่มเกย์แก่เพื่อแลกกับเศษเงินอันน้อยนิด           แต่ ฮีก็มีความทะเยอะทะยานพอตัว ด้วยการ หลอกล่อ ลูกค้าให้กินอาหารหรูๆ เพื่อจะได้อัพเกรดตัวเองให้ดูดี แล้วแผนของฮีก็เป็นผลเมื่อได้พบกับลูกค้า กะเทยกระเป๋าหนัก จะต้องบอกว่าลูกค้าคนนี้มาดดีมากๆ เหมือนเป็นเจ๊ใหญ่ของวงการบันเทิงเลยก็ว่าได้ แล้ว เจ๊กะเทย นางนี้ก็ติดใจในรส สากกระเบือ ของไอ้หมอนี่ จนติดงอมแงม เรียกว่าทุกคืนจะต้องแวะมาหาเอาเงินมาให้ใช้เกือบทุกคืน แล้ว พระเอกนะยะ คนนี้ก็ออดอ้อน ทำเอา เจ๊กะเทย ใจอ่อน เอาออกจากบาร์เพื่อเลี้ยงเป็นตัวเป็นตน พาออกงานสังคมต่างๆ มากมาย จนทำให้ พระเอกนะยะ คนนี้ได้เข้าวงการสมใจอยาก

     แต่จะให้บอกทุกคนว่าเป็น เด็กเจ๊ ก็คงจะไม่ได้ เลยต้องแสร้งออกอุบายว่าเป็นเด็กในสังกัดเจ๊เอง จนได้เข้าไปเซ็นสัญญากับทางช่องสมใจ ได้เล่นละครหลายต่อหลายเรื่องจนมีชื่อเสียงโด่งดัง

     เหมือนเส้นทางในวงการบันเทิงจะโรยด้วยกลีบกุหลาบแล้ว แต่เหมือนสวรรค์กลั่นแกล้ง เมื่อ พระเอกนะยะ แอบคบกับ เพื่อนเกย์ คนหนึ่ง ไอ้หมอนี่หน้าตาดีมากๆ ดีกรีเป็นถึงลูกครึ่งญี่ปุ่นผสมฮ่องกง ใครเห็นเป็นต้อง น้ำลายไหล อยากจะได้ ลิ้มรสสาก ของไอ้หมอนี่ แล้ว พระเอกนะยะ กับเด็กบาร์ก็แอบคบหาดูใจกันโดยที่ไม่ให้ เจ๊กะเทย คนนี้รู้ระแคะระคายเลยแม้แต่น้อย

     อย่างว่าความลับมันไม่มีในโลกหรอก ระหว่างที่ พระเอกนะยะ กำลังเริงรัก หักสวาท อยู่กับ เด็กบาร์หน้าญี่ปุ่น คนนี้ บทรักของหนุ่มหล่อกับหนุ่มเท่ห์ก็ ละเลง กันอย่าง ถึงพริกถึงขิง ไม่รู้ไม่ตายอดตายอยากที่ไหนมา ถึงได้ป๊าบๆ กันอย่างสนุกสนาน เสียวซ่าน ได้ถึงเพียงนี้ ระหว่างที่เกย์ 2 คนกำลัง กอดรัดฟัดเหวี่ยง อยู่นั้น ประตูห้องนอนบานใหญ่ก็ถูกแง้มออกมา ร่างควายๆ ของ เจ๊กะเทย คนนี้ก็ปรากฎขึ้น แล้วก็แผดเสียงกรี๊ดเหมือน กะเทยถูกลงแขก แล้วเจ๊คนนี้ก็เข้าไปอาละวาด ทั้งที่คู่เกย์คู่นี้กำลัง ปฏิบัติภารกิจค้างๆ คาๆ เล่นเอาทุกสิ่งทุกอย่างหดไปในพริบตาเพราะเสียงกะเทยของเจ๊คนนี้นั่นแหละ แล้ว พระเอกนะยะ ก็ลุกขึ้นมาเอาหมัดตะบันไปที่หน้า เจ๊กระเทย คนที่มีบุญคุณที่สุดในชีวิต เล่นเอาเกย์คู่ขาถึงกับอึ้งนั่งตัวสั่นอยู่บนเตียง ไม่นึกว่าจะต้องมาเห็น ฉากบู๊ จะจะอย่างนี้

     แล้ว พระเอกนะยะ ก็ลุกขึ้นไปตะโกนด่าทอ เจ๊กะเทย คนนี้อย่างสาดเสียเทเสีย เล่นเอาเจ๊ถึงกับน้ำตาไหลไม่นึกว่าไอ้ผู้ชายที่เคยลากออกมาจากโคลนตม จะมาทำให้เจ็บใจได้ขนาดนี้ เห็นทีแค้นนี้ต้องชำระซะแล้ว พอกลับถึงบ้าน เจ๊กะเทย ก็ได้แต่นั่งร้องห่มร้องไห้ เสียดายผู้ชายที่ตัวเองอุตส่าห์ขุดมาเข้าวงการ แต่คนรักกันก็ต้องยอมได้ทุกอย่างแค่ พระเอกนะยะ เข้ามาง้อขอกลับตัวกลับใจเป็นคนดี และกำชับว่าจะเลิกกับ คู่ขาเกย์ คนนี้ อย่างเด็ดขาด แล้ว เจ๊กะเทย ก็ยอมใจอ่อนกลับมารักกันเหมือนเดิม

     ครบรสจริงๆ หนังชีวิตของดาราคนนี้  

 

“แอนนี่” ย้ำไม่ตรวจดีเอ็นเอจะบอกลูก “ฟิล์ม” เป็นพ่อ ปัด “จุ๊น” มีเอี่ยว

       "แอนนี่" ยันเสียงแข็งไม่ตรวจดีเอ็นเอ แต่จะบอกลูกว่า "ฟิล์ม" เป็นพ่อ ถ้าอีกฝ่ายใช้ศาลมาบังคับ จะหันหน้าพึ่งมูลนิธิเพื่อนหญิง ลั่นไม่เคลียร์นักร้องหนุ่ม สวนอีกฝ่ายโทรหาแค่ครั้งเดียว แฉ "ฟิล์ม" บอกให้อดทนเป็นแม่ของลูก แต่กลับบอกให้ตรวจดีเอ็นเอเท่ากับด่าตนเป็นผู้หญิงไม่ดี ปัด "จุ๊น" มีเอี่ยวเป็นพ่อเด็ก บอกอยากออกจากบ้านที่เป็นเหมือนคุก วอนทุกคนให้โอกาสตน และขอโทษ "เฮียฮ้อ" อยากให้โอกาส "ฟิล์ม" กลับมาทำงาน
       
       หลังเคยออกมาแถลงข่าว และเอาแต่เก็บตัวเงียบอยู่ในคอนโดมานาน ในที่สุด "แอนนี่ รุ่งนภา บรู๊ค" ก็ยอมโผล่ออกมาเปิดใจกับ สื่อมวลชนอีกรอบ โดยเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา (27 ก.ย.) ดาราสาวพร้อมลูกชาย "น้องทีฆายุ" ได้เดินทางไปบันทึกเทปรายการ "ตีสิบ" ที่ ห้างเซ็นทรัล พระราม 2 แต่ก่อนเริ่มอัดรายการ "แอนนี่" ได้เปิดอกกับสื่อมวลชนในทุกประเด็น โดยดาราสาวบอกว่าครั้งนี้จะเป็นการออกมาพูดครั้งสุดท้าย ยันไม่มีเจตนาทำร้าย "ฟิล์ม" ตลอด 1 ปีที่ผ่านมาน่าจะเป็นการพิสูจน์ความจริงได้แล้วว่า ตนคิดทำร้ายนักร้องหนุ่มหรือเปล่า ทั้งยังเผยเคยคิดจะปิดบังว่า "ฟิล์ม" ไม่ใช่พ่อของลูกตน แต่กลัวนักข่าวรู้ความจริง ตนเลยไม่อยากโกหก
       
       นอกจากนี้ดาราสาวยังยืนยันจะไม่มีการตรวจดีเอ็นเอ ถ้านักร้องหนุ่มใช้ศาลมาขู่บังคับให้ตรวจ ก็จะหันหน้าพึ่งมูลนิธิเพื่อนหญิงให้ช่วยจัดการ บอกดีเอ็นเอขณะนี้อยู่บนหน้าลูกหมดแล้ว ดังนั้นไม่จำเป็นต้องตรวจ สักวันความจริงจะพิสูจน์ ถึงไม่ตรวจตนก็จะบอกลูกว่า "ฟิล์ม" เป็น พ่อ และให้รออีก 10 ปีแล้วค่อยมาถาม "น้องทีฆายุ" เองว่าอยากตรวจหรือไม่ พร้อมกันนี้ "แอนนี่" ยังเผยจะไม่เคลียร์กับนักร้องหนุ่มอีก เพราะเคยรอมานาน แต่เป็นแค่หวังลมๆ แล้งๆ ถึงแม้ "เฮียฮ้อ" (สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ บอสอาร์เอสฯ) ยินดีเป็นคนกลางช่วยไกล่เกลี่ย แต่ตนมองว่าสายไปแล้ว และก่อนหน้านี้ก็ได้ฝากบอกผู้จัดการ "ฟิล์ม" ไปหมดแล้วเช่นกัน
       
       "แอนนี่" ยังได้กล่าวยอมรับต่อว่า นักร้องหนุ่มรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเป็นค่าคลอดบุตร ซื้อของ ค่ารักษาตอนลูกป่วย และเคยเอ่ยปากว่าอยากดูแลเด็กจริง แต่นั่นไม่ได้สำคัญเท่ากับกำลังใจ ที่ตนต้องการในช่วงขณะท้องและต้องอยู่คนเดียว ซึ่งการที่ "ฟิล์ม" รับ ผิดชอบในเรื่องค่าใช้จ่าย แต่กลับมาบอกให้ตนตรวจดีเอ็นเอ เหมือนเป็นการด่าด้วยคำสุภาพว่าตนเป็นผู้หญิงไม่ดี ยันตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมาไม่เคยทำอะไรไม่ดี และคำเดียวที่ "ฟิล์ม" ให้ สัญญาไว้คือ "อดทนไว้นะ คุณคือแม่ของลูกผม" ซึ่งนั่นทำให้ตนถึงกับยอมนักร้องหนุ่ม ทุกอย่างแบบถวายหัว
       
       แต่พอถูกผู้สื่อข่าวซักถามว่าทำไมช่วงที่คบหากันถึงไม่มีใครรู้ เรื่อง "แอนนี่" ได้บอกปัดที่จะตอบ อ้างเป็นเรื่องส่วนตัว ส่วนเรื่องที่นักร้องหนุ่มบอกว่าได้พยายามโทรติดต่อหาเธอ ถึง 5-6 ครั้งแต่ไม่ยอมรับสาย "แอนนี่" สวนกลับทันทีว่า "ฟิล์ม" ติดต่อมาแค่ครั้งเดียว และไม่มีอีกเลย
       
       สำหรับกรณีของดาราหนุ่ม "จุ๊น กิตติคุณ" ที่ถูกลือหึ่งอยู่ในขณะนี้ว่า อาจจะเป็นพ่อของ "น้องทีฆายุ" ตัว จริง ดาราสาวกล่าวว่าไม่เคยรู้จักหรือคุยเป็นการส่วนตัวกับดาราหนุ่มมาก่อน ยืนยันช่วง 4-5 ปีนี้ไม่เคยยุ่งกับใคร มีแต่เพียง "ฟิล์ม" เท่า นั้น บอกสันดานไม่ใช่คนเช่นนั้น
       
       ทั้งยังไม่รู้เรื่องมีคนติดต่อให้เขียนพ็อกเก็ตบุ๊กเพื่อแฉ "ฟิล์ม" เผยตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมายังไม่เคยมีงานไหนติดต่อมา และยังไม่ได้รับเงินจากใครเลยสักแดง พร้อมยอมรับทางเวิร์คพ้อยท์ให้โอกาสตนกลับไปทำงานจริง แต่ไม่ได้พิเศษไปกว่าคนอื่น
       
       นอกจากนี้ "แอนนี่" ยังกล่าวต่อว่า ช่วงนี้ตนและลูกเก็บตัวอยู่แต่ในคอนโด จนรู้สึกว่าบ้านเป็นเหมือนคุกที่คุมขัง วอนขอโอกาสทุกคนให้ตนและลูกได้ออกไปข้างนอกบ้าง รับแม่ตนทั้งเครียดและเป็นห่วงลูกหลานที่มีข่าวฉาวออกมาไม่หยุดหย่อน ลั่นต่อไปนี้จะยืนหยัดเพื่อลูก จะไม่ให้ใครมายุ่งเกี่ยวอีก เผยอยากให้เรื่องจบด้วยดีมานาน แต่ไม่เป็นดั่งใจ แต่วันนี้อยากให้เรื่องนี้ผ่านไปโดยเร็ว
       
       ปิดท้าย "แอนนี่" ยังได้ฝากขอโทษ "เฮีย ฮ้อ" แทน "ฟิล์ม" ที่ทำให้เรื่องจบอย่างที่ต้อง การไม่ได้ วอนบิ๊กบอสอาร์เอสฯและประชาชนให้โอกาส "ฟิล์ม" ใน การกลับมาทำงาน และขอให้รักนักร้องหนุ่มต่อไป เพราะเป็นคนดีเลี้ยงครอบครัว ส่วนความรู้สึกตนที่มีต่อ "ฟิล์ม" นั้นทั้งรักทั้งชัง!!

“เฮียฮ้อ” หลักฐานแน่นแถลงชี้อนาคต “ฟิล์ม” พรุ่งนี้ หึ่งอีก “จุ๊น” พ่อของลูก “แอนนี่”

"เฮียฮ้อ" ทวีตมีข้อมูลหลักฐานชัดเจน จัดแถลงสรุปกรณี "แอนนี่" พร้อมชี้อนาคต "ฟิล์ม" พรุ่งนี้ (28 ก.ย.) ทั้งลือหึ่ง "จุ๊น กิตติคุณ" มีเอี่ยวเป็นพ่อของลูก "แอนนี่" ให้เงิน 2 แสนปิดปากดาราสาว
       
       เพิ่งจะขอเข้าพบบิ๊กบอสอาร์เอสฯ อย่าง "เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์" เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (27 ก.ย.) เพื่อขอคืนวงการและมีงานทำตามเดิม ทั้งนี้นักร้อง-พระเอกหนุ่ม "ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์" เผยว่าเรื่องของงานทางผู้ใหญ่กำลังพิจารณาอยู่ ยังไม่มีการฟันธงลงมาว่า จะให้ทำตามเดิมหรือไม่
       
       ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ ล่าสุด "เฮียฮ้อ" ได้ไปโพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์หลังคุยกับ "ฟิล์ม" ว่า
       
       "กรณีฟิล์ม-แอนนี่ดำเนินมาถึงวันนี้ เฮียมีความชัดเจนมากด้วยความข้อมูลและหลักฐานต่างๆ พร้อมจะสรุปแต่ละประเด็น รวมถึงอนาคตของฟิล์มแล้ว"
       
       ซึ่งทางฝ่ายประชาสัมพันธ์บริษัทอาร์เอสฯ ก็ได้แจ้งกับทาง ASTV บันเทิงผู้จัดการออนไลน์มาว่า ในวันพรุ่งนี้ (28 ก.ย.) "เฮียฮ้อ" พร้อม "ฟิล์ม" และ "คุณแม่โคมมนต์ ทองมั่ง" จะจัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนกรณี "แอนนี่" และอนาคตเรื่อง งานของ "ฟิล์ม" เวลา 13.00 น. ณ บริษัทอาร์เอสฯ ย่านลาดพร้าวซ.15
       
       อย่างไรก็ตามตลอดช่วงเย็นที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีการพูดถึงกระแสข่าวที่ถูกลือหึ่งออกมาจากโลกไซเบอร์ ด้วยว่า นอกจาก "หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย" ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัย และถูกดึงเอี่ยวเป็นพ่อของลูก "แอนนี่" แล้ว ยังมีดาราหนุ่มจากวิก 3 "จุ๊น กิตติคุณ สัมฤทธิ์พันธ์สุข" อีกราย ที่เจอข้อหาดังกล่าว โดยต้นตอข่าวรายงานว่า ช่วงที่ "แอนนี่" คบ หาอยู่กับ "ฟิล์ม" นั้น มีคนเห็นหนุ่ม "จุ๊น" เทียว ไปเทียวมาที่คอนโดของ "แอนนี่" ด้วย ซึ่งดาราหนุ่มก็รู้ดีว่า "น้องทีฆายุ" เป็นลูกของตัวเอง จึงให้เงิน 2 แสนกับ "แอนนี่" เป็นค่าปิดปากห้ามแพร่งพราย เรื่องนี้ออกไป ซึ่งความจริงในเรื่องนี้เป็นอย่างไร ทางทีมข่าว ASTV บันเทิงผู้จัดการออนไลน์ จะตามติดและนำมารายงานให้ทราบกัน

Samed In Love ขาเม้าธ์ใส่ไฟ ‘ดัง-คูณ’ สวีทเสม็ด

  "เจ้จรวด" ละเบื่อช่วงนี้ไม่ค่อยมีอะไรให้เม้าธ์ โชคดีที่โทรศัพท์เจ้ดังขึ้นโดยมี "เหยินสวย" โทรมา นางเล่าว่า ฯ เกาะเสม็ด "เหยิน" ไปเจอ "ดัง-พันกร" หอบกระเป๋ามาเที่ยวกับเพื่อนผู้ชายกลุ่มใหญ่ (ไม่ใช่เรื่องแปลกนี่หว่า)

     แต่ชายหนุ่มที่เดินตาม "ดัง" มาต้อยๆ ไม่ใช่เพื่อนนอกวงการ หรือ "ตอง-ภัครมัย" เพื่อนซี้ แต่เป็น "คูณ-คณิน" พระเอก "โรบอทยอดรัก" ทางช่อง 7 สี แถม "เหยินสวย" ว่า ถึงจะไปกับเพื่อนกลุ่มใหญ่ แต่ "หนุ่มคูณ" กับ "หนุ่ม ดัง" ก็จะไม่ห่างจากกันเกิน 5 ซม. แถมตกดึกทั้งคู่ยังไปโชว์แดนซ์ ป๊าบๆ ป๊าบๆ กันอีกด้วย เอ๊ะ! แล้ว "คูณ-ดัง" โคจรมาสนิทกันตอนไหนเนี่ย??

     อ่ะอ่ะ แกงค์เพื่อนไปเที่ยวทะเลเนี่ยมันจะแปลกตรงไหน จะมาหาว่า "หนุ่มคูณ" เป็นเก้งกวางกิ๊กกั๊กกับรุ่นพี่ "นายดัง" อันนี้มันก็แรงไป เพราะ "ดัง" ก็ออกตัวแล้วว่าแมนทั้งแท่ง แถม "คูณ" ก็กำลังมีข่าวว่า ตามจีบ "สาวเชียร์-ทิฆัมพร" อยู่ด้วย อะไรๆ ที่เม้าธ์เจ้ว่าอาจจะแค่บังเอิญก็ได้นะคะ

  สรุปที่เขาว่าไปเสม็ดเสร็จทุกราย ทฤษฎีนี้ไม่จริงแล้วค่ะ เนอะๆ "เหยินสวย" มั่วนี่หว่า

‘นาย ร. จอมฉาว’ หวังสร้างข่าวเกาะชะนีดัง!

 

     ชูว์...อย่าเสียงดัง!! วันนี้มี "เทพบุตร" มีสายข่าวสุดไฮโซฯ มาเล่าข่าวแบบเอ็กคลูซีฟสุดๆ ฮะ ซึ่งรู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น แต่เรื่องแบบนี้นี่เข้าตำรา "ช้างตายทั้งตัวเอาใบตองมาปิดไม่มิด เอ้ย... ไม่ใช่! เอาใบบัวมาปิดไม่มิด" ไม่พูดพร่ำทำซาก!! อะไรให้เสียเวลา โทษทีพูดจาไม่สุภาพไปนิดส์นึง มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่านะคร้าบ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องราวฉาวโฉ่ของพระเอกแอนด์นายแบบพอมีชื่อประมาณนึงละ กันนะ...

     เพราะถ้าจะพูดว่าดังเดี๋ยวคนอื่นที่รู้กำพืดของนาย "นาย ร." เค้า จะมองค้อนตากลับประหลับประเหลือกว่า ไอ้นี่มันดังตรงไหนฟะ? หรือว่าดังเพราะบ้านรวย?

     นั่นน่ะสิ! ดังตรงไหน? อาจจะดังตรงมีข่าวฉาวๆ มั้ง เพราะอีตานี่มีข่าวประเภทล้วง ควัก แอนด์นัวเนียสาวเป็นว่าเล่น ซึ่งแต่ละนางที่ "นาย ร." เข้าไปคลุกวงใน ขอบอกว่าไม่ได้เป็นสาวประเภทไก่กาอาราเร่นะ ไม่สวย ไม่เริ่ด กรูไม่กินให้เสียปาก!

     ดังนั้นแต่ละคนล้วนขึ้นหิ้งมีตำหน่งตำแหน่งการันตี เพราะฉะนั้นมั่นใจได้ว่านายคนนี้รสนิยมสูง พวกปลาร้า ปลาจ่อม ปลาหางนกยูง หลบไป! นายคนนี้มีดีที่รูปร่างโดนใจชะนีทั้งป่า มันพกพาหุ่นสูงยาวเข่าดีมาตั้งแต่กำเนิด ฉะนั้นการจะอ่อยชะนีมีตำแหน่งคงไม่ใช่เรื่องยาก

     และแล้วสวรรค์ก็เป็นใจ ดวงดาวที่อยู่บนฟ้าก็พร้อมใจตกลงมาตรงหน้าตัก เมื่อ "นางงามมีดีกรีรายหนึ่ง" หลงใหลได้ปลื้มในรสสัมผัสที่ "นาย ร." คนนี้ประเคนให้ ชีเลยติดหนึบ ถึงขั้นที่ว่า "ปั๋วข้าใครอย่าแตะ!"

     แม้จะไม่บ่อยครั้งที่ทั้งคู่ควงกันออกงานในที่แจ้ง (ส่วนมากจะออกงานในที่ลับ) แต่ก็เรียกกระแสจากสื่อฯ ได้พอประมาณ เพราะแม่สาวคนนี้ก็สวย ฝ่ายชายก็ดูดี พอถามว่า "เป็นไงถึงได้มาคบกัน" ก็จะตอบน่ารักๆ ว่า "เราชอบอะไรที่คล้ายๆ กันค่ะ" ว้าว! ที่คล้ายกันนั่นมีข้อจำกัดว่าเป็นเรื่องเรื่องเซ็กส์หรือเปล่าจ๊ะหนู? อันนี้เป็นคำถามที่ติดอยู่ที่คอหอย เกรงว่าถ้าถามออกไปอาจเสียชีวิตได้ 555

     ครั้นไปถามพ่อตัวดี? ก็ตอบแบบหวานหยดให้ชะนีมีแรง...อยาก? ว่า "ถ้าคบใครตัวเองก็จะคิดถึงอนาคต ว่างั้น?!" แหมๆๆ หวานอะไรจะปานนั่น โอววว "ดาร์ลิ่ง ไอ เลิฟ ยู"

     แต่อย่างว่า! อะไรที่เรากินซ้ำซากจำเจอย่างอาหารยังมีวันเบื่อ นับประสาอะไรกับเรื่องในมุ้ง บ่อยๆ เข้ามันก็เห็นกันทุกซอกทุกมุม สิ่งที่ตามมาคือความ "น่าเบื่อแอนด์เซ็ง" งานนี้ "นาย ร." สงสัยจะเบื่อน้ำพริกถ้วยเก่า เพราะวันดีคืนดีมีคนตาไวเห็นนายคนนี้แอบไปเจ๊าะแจ๊ะสาวใหม่ไฉไลกว่าเดิม

     แต่ สวรรค์ไม่เข้าข้างคนหลายใจ!และสะโพกไว ความบรรลัยมาเยือน เมื่อ "นาย ร." ควงคุณน้องน่าใสไฉไลกว่าเดิมเป็นสิบเท่า ย้ำชัดๆ ว่าไฉไลกว่าเป็นสิบเท่า ไปช้อบปิ้งย่านไฮโซฯเปรี้ยง! ยิ่งกว่า ฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ โชคร้ายดันไปเจอกับหวานใจคนเก่าที่ยังคารู เอ้ย! คาราคาซังอยู่

     เจ้าประคู้ณ เหมือนภูเขาไฟระเบิดอยู่ตรงหน้า ทั้งเสียงร้อง เสียงด่าที่ฟังไม่เป็นภาษามนุษย์หลุดออกมาจากปากชะนีมีตำแหน่ง เล่นเอาน้องนางน่าใสวัยขบเผาะและปั๋วตัวดีแทบแทรกแผ่นดิน หนีไม่ทัน เพราะฝูงชนตรงนั้นหันมามองกันเป็นตาเดียว คู่หวานข้าวใหม่ปลามันเลยต้องรีบจรลีออกจากพื้นที่เป็นการด่วน! เพราะขืนอยู่มีหวังไม่ใครก็ใครสักคนคงได้หน้าแหก ดั้งยุบ! หมอคงต้องรีบมาเย็บแผลสดๆ คาห้างฯ ดังแน่นอน

     แต่อย่าได้แคร์ "นาย ร." จมูกไวยังคงเดินหน้าทำเรื่อง บัดสีต่อไปอีก โดยคราวนี้กลับมาเป็นข่าวอีกครั้งกับสาวคนใหม่ (ใหม่กว่า) ซึ่งแว่วว่า โดนผู้ใหญ่มองค้อนอยู่เหมือนกัน ถ้าน้องนียังไปพัวพันกับนายคนนี้

     ที่พร่ำมาไม่ได้อิจฉาหรือว่าตาร้อน แต่ตามประสาคนอาบน้ำอุ่นมาก่อน อยากจะกระซิบเบาๆ ข้างหูว่า "ความรักเป็นสิ่งสวยงามนะจ๊ะ" แต่รู้จักรักนวลสงวนตัวบ้างก็ดีนะหนู?!!...เพราะผู้ชายคนนี้เจ้าชู้ลื่นไหล ระดับคาสโนว่าเรียกพ่อเชียวล่ะ! 

 

Blog Archive