พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทาน ส.ค.ส. ปีพุทธศักราช 2552 แก่ประชาชนชาวไทย
Wednesday, December 31, 2008
Labels:
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทาน ส.ค.ส. 2552
Posted by
เด็กวังสราญรมย์
at
5:59 PM
0
comments
“ในหลวง” พระราชทานพรปีใหม่ ทรงขอให้คนไทยมีสติทำให้บ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุข
1 เพลง สวัสดีปีใหม่.mp3 3.76 MB.
2 เพลง ไชโยปีใหม่.mp3 5.31 MB.
3 เพลงรำวงปีใหม่.mp3 2.65 MB.
4 เพลงรื่นเริงเถลิงศก.mp3 7.31 MB.
Labels:
“ในหลวง” พระราชทานพรปีใหม่
Posted by
เด็กวังสราญรมย์
at
5:54 PM
0
comments
ท่วงท่าที่ถึงจุดสุดยอด
Monday, December 22, 2008
Labels:
ท่วงท่าที่ถึงจุดสุดยอด
Posted by
เด็กวังสราญรมย์
at
2:25 PM
0
comments
“อ้น” ขอ พอได้แล้วกระแสข่าวคลิปคู่ “นาธาน”
Thursday, December 18, 2008
Labels:
นาธาน โอมาน,
อ้น สราวุฒิ
Posted by
เด็กวังสราญรมย์
at
3:42 PM
1 comments
Faghag เธอรักเกย์
Wednesday, December 17, 2008
Labels:
Faghag
Posted by
เด็กวังสราญรมย์
at
6:14 PM
0
comments
หนุ่มเซเว่น
Monday, December 15, 2008
ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ขอบเด็กหนุ่มรุ่นๆ เห็นที่ไหนไม่ได้ต้องคอยแอบมองเป้ากางเกงเขาเรื่อยไป ใจก็นึกว่ามันจะขนาดไหนกันหนอ บางทีก็เจอของดี แบบว่าพาดลำขึ้นบนจนล้นออกมา บ้างก็นุ่งกางเกงฟิตจนน่าอึดอัด อยากจะเอามือไปปลดปล่อยให้มันหายใจได้บ้าง แต่หนุ่มหนึ่งที่ผมเห็นเป็นประจำ ก็เป็นหนุ่มรุ่นๆ หน้าตาตี๋ๆ ออกเชยๆด้วยซ้ำ เพราะแว่นหนาๆที่ใส่กับผมเผ้ารุงรัง ทำให้เขาดูเป็นเด็กปอนๆมากกว่า แต่ผมไม่สนใจหน้าตา เสื้อผ้าเก่าๆที่เขาใส่ ผมสนใจแต่รูปร่างของเขา ก็สูงชลูด ไหล่กว้าง เอวคอด แถมเป้ายังแกว่งกวัดล่อตาผมทุกเช้าที่เราเดินสวนทางกัน เขาไม่เคยใส่กางเกงในเลย กางเกงสแล็คหลวมๆที่เขานุ่ง ทำให้ผมเห็นมันแกว่งหัวถนัดตา ผมเดาว่าเขาคงทำงานในหมู่บ้านผม คงเป็นออฟฟิตเล็กๆ ในขณะที่ผมต้องออกทำงานข้างนอก เราเลยสวนทางกันทุกเช้า
ผมเริ่มต้นด้วยการยิ้ม แล้วเหลือบตามองเป้า เขาคงรู้ตัว เพราะเวลาเขาเห็นผม เขาจะเอามือล้วงกระเป๋าทันที แต่ผมก็ไม่อาย ที่จะมองบ้างยิ้มบ้าง จนช่วงหลังเขาคงชิน เลยไม่ปิดป้องอีกต่อไป
มีวันหนึ่ง ผมว่าเขาคงคิดอะไรเพลินๆ หรือคงเห็นอะไรตื่นเต้น เขาเลยตื่นตัว ก็ท่อนเนื้อในกางเกงเก่าๆนั้นมันโป่งพองออกมา ผมเห็นทีเดียวก็แทบช็อค เพราะมันไม่เล็กเลย ยั่วตาผมมาก จนของผมเองก็โป่งตามจนอึดอัดมาก ผมเดาในใจด้วยสายตาและประสพการคร่าวๆว่า อย่างน้อยต้องหกนิ้วกว่าๆ วันนั้น เขารู้ตัวว่าผมมอง เขาก็เดินก้มหน้าอายๆ แล้วเอามือกดหัวโด่ให้ราบไป ผมเองก็ต้องแอบชักว่าวบำบัดตัวเองทันที ที่ห้องน้ำสาธารณะตรงอนุเสาวรีย์ชัย ตอนที่ไปต่อรถ เพราะมันทนไม่ไหว
จนวันหนึ่งผมเห็นเขาเดินสวนมา แบบว่าคงคลั่งถ้าไม่ได้พูดจาด้วย ผมเดินปรี่ไปหาเขาทันทีที่เห็น น้องเขาดูเก้อเขิน และตกใจมาก แต่เราก็เริ่มต้นคุยกันด้วยดี ผมถามว่า เขาทำงานที่ไหน บ้านอยู่ไหน และอีกหลายๆอย่าง พอที่จะรู้ว่า เขาเลิกงานตอน 5.30น. ผมเลยลางานครึ่งวันเพื่อไปดักรอเขา เขาก็ดูแปลกใจที่เห็นผมป้วนเปี้ยนตรงแถวออฟฟิต แต่เราเคยคุยกันแล้ว ก็ไม่ยากที่ผมจะเดินไปทัก และเอ่ยปากชวนเขาไปบ้านผม เพราะมันห่างกันไม่มากเลย เขาตอบตกลง
พอเขาเข้าบ้านผม ผมเองก็หน้ามืด ผมลงมือลวนลามเขาทันที เขาก็คงรู้ตัวบ้าง แต่ก็ขัขืนเล็กน้อย เพราะผมเอามือตะปบเป้าทันทีที่เขานั่งลง มือที่คลำตรงเป้านั้น ผมคลึงเบาบ้างแรงบ้าง มันเต็มมือผมจนล้น พอเริ่มได้ที่ เขาก็ตื่นตัว และลำก็ตั้งขึ้น ผมเลยได้ใจ จับเขาถอดกางเกง เขาอายหลับตาปี๋ แต่ภาพที่ผมเห็นผิดคาดมาก พวงทั้งพวงใหญ่โตเกินตัว ลำเคขาวตรง แต่หัวไม่เปิดมากแบบเด็กรุ่นๆ ส่วนที่พ้นหนังหุ้มก็แดงน่าเอ็นดู ผมเลยก้มหน้าลงดูดเอ็นนั้นเต็มปาก ลิ้นผมค่อยๆแตะเบาๆตรงส่วนหัว เขาสะดุ้งเฮือก แอ่นเอว แล้วเอามือกดหัวผม ผมใช้มือถอกเบาๆให้เขาเสียว พักเดียวหนังก็เปิดออกมาจนหมด กลิ่นอับกลิ่นฉี่แบบคนไม่ได้ล้างมาตั้งแต่เช้า นี่ถ้าเขาดำ หรืออายุมากกว่านี้ผมคงจับไปฟอกสบู่แล้วครับ แต่คราวนี้มันได้อารมย์อย่างประหลาด ผมดูดเอาขี้เปียกที่รอบคอหยักไปหมด เขาถึงกลับครางเสียวเบาๆแบบสะอื้น มือข้างหนึ่งก็เล่นไข่ให้มันหยุ่นมือ พวงไข่ใหญ่ไม่น้อย แถมขาวมากๆ ผมเลยขอดูให้เต็มตา ผมถอดแว่น ถอดเสื้อออกจนหมด เขาน่ารักทีเดียวครับ ตี๋แบบสเป็คผมเลย ผมตะโบมเขาทั้งตัว แล้วก็ดูดเลียจนเขาร้องดังลั่นบ้านผม ก่อนพ้นน้ำออกมาทะลักทะลายเยอะมากๆเข้าปากผม ผมเพิ่งเริ่มต้นได้ไม่เท่าไหร่เขาก็เสร็จแล้ว เขาบอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่มีประสพการณ์ ผมอยากให้เขาติดใจ เลยลงมืออีกครั้ง และอีกครั้ง วันนั้นผมสนุกมากครับ แม้เขาไม่ช่วยทำอะไรเลย นอกจากดูดปากกับผมตอนผมชักว่าวให้ตัวเองเท่านั้น
Labels:
กระดอ,
ควย,
ควยตำรวจ,
ควยทหาร,
ควยใหญ่,
ดูดควย,
เย็ดตูด,
เรื่องเล่าชายรักชาย
Posted by
เด็กวังสราญรมย์
at
5:21 PM
1 comments
ความต่างระหว่างเกย์ไทยกับเกย์ฝรั่ง
Sunday, December 14, 2008
Labels:
บทความ เกย์
Posted by
เด็กวังสราญรมย์
at
1:11 PM
1 comments
เกย์ไทยบนถนนโลกีย์
Labels:
บทความ เกย์
Posted by
เด็กวังสราญรมย์
at
1:08 PM
1 comments
เลือกท่าให้เหมาะกับเจ้าโลก
Friday, December 12, 2008
This summary is not available. Please click here to view the post.
Labels:
เจ้าโลก,
เจี้ยว
Posted by
เด็กวังสราญรมย์
at
12:19 PM
0
comments
ผู้ชายคิดถึงเซ็กซ์ทุกๆ 5 นาที จริงหรือไม่?
แหม... ตอบยาก...บอกได้แค่...ผู้ชายทุกคนต้องเคยช่วยตัวเองแน่นอน ถ้าเคยเห็นใครที่บอกว่าเกิดมาไม่เคยช่วยตัวเอง รบกวนบอกผมด้วย อยากเจอ ทั้งนี้ก็เพราะการช่วยตัวเองของผู้ชายนั้น มันเกิดขึ้นได้ง่ายดายมาก ด้วยเงื่อนไข 2 ประการหลักๆ คือ วัตถุดิบ และสถานที่เท่านั้น
Posted by
เด็กวังสราญรมย์
at
12:16 PM
0
comments
นักร้องอมนกเขา แหลสุดโต่งแอบอึ๊บ ‘พิธีกร’ หมาเน่า
รักแท้ไม่มีในหมู่โจร ใกล้เทศกาลปีใหม่อีกแล้ว ใครที่ยังไม่มีโปรแกรมไปเที่ยวไหน ก็เตรียมจัดแจงเก็บเสื้อผ้าไปพักผ่อนกันได้เลย ปีนี้ได้หยุดยาวกันหลายวัน ถือว่าอย่างน้อยจะได้ชาร์ตแบตกัน มันส์สุดลิ่ม เสียที แต่ก่อนที่จะหยุดพักผ่อนยาว ขยับเข้ามาอัพเดทเรื่องคาวๆ ของคนในวงการบันเทิงกันเหมือนเคยดีกว่า จะได้ไม่ตกยุค คราวนี้ นังชะนีหน้าดำ ได้มีโอกาสไป คลุกวงในกับแวดวงศิลปินนักร้องของค่ายยักษ์ใหญ่กันบ้าง แล้วเรื่องชั่ว กลิ่นตุๆ โชยมา เข้าหูจนได้ ถึงคิวของ นักร้องชะนีเสียงทรงพลัง ที่เคยโด่งดังมาจากเพลงเชือดเฉือนอารมณ์สะเทือนความรู้สึก เล่นเอาสาวน้อยสาวใหญ่อินจัดร้องห่มร้องไห้กับเพลงของเธอ ส่งให้เพลงฮิตกันทั้งบ้านทั้งเมือง เพลงดังส่งผลให้นักร้องมีชื่อเสียงคุ้นหูไปด้วย แต่หน้าตาของชีกลับ บัดสีบัดเถลิง ยิ่งนัก มันช่าง บ้านนอกคอกนา อย่าบอกใคร แต่ถึงหน้าเน่าแค่ไหนก็ดังกับเขาได้เหมือนกัน
Posted by
เด็กวังสราญรมย์
at
12:14 PM
1 comments
เมียน้อย2008
ถูก "หวย" กันมั้ยคะ คุณขา.. ที่ถามอย่างนี้ก็เพราะวันนี้(ที่ปิดต้นฉบับ) ตรงกับวันหวยออกพอดิบพอดี เฮ้อ...บรรดาญาติโยม หน้าเหี่ยวไปตามๆ กัลล์ ไม่บอกก็รู้ว่า โดน.. รับประทานไปตามระเบียบ รวมทั้งธิดาซาตาน ก็ไม่เว้น อิอิ ที่เดินทางดั้นด้นไปขูด ไปขัด ไปหา สำนักใด ต้นไม้ต้นไหน เค้าว่าแม่น ก็ไม่เข้าวินสักตัว เซ็งเป็ด!!ทีเรื่องบนเตียงเรื่องนี้ละแม้นแม่น ก็เรื่องยัยนักร้องตกเวที "ชะนีไม้เสียบผี" กับวีรกรรม-วีรกาม ชอบหายใจรดต้นคอผัว.. เอิ่ม..สามีชาวบ้านนั่นยังไงดูรึ เดี๊ยนอุตส่าห์เปิดประเด็นนิยายรักสะท้านเสาเรือนสะเทือนเตียง "เสียงประหารตามสาย" ไปเมื่อคราวก่อน นึกว่าเจ้าหล่อนจะหยุด เลิกข้องแวะกับสามี "คุณพี่จ๊ะจ๋า" ให้เป็นกาลกิณี นี่มันเอาอีกแระ งั้นเดี๊ยนก็เลยต้องมีนิยายสะท้านเสาเรือนสะเทือนเตียง ภาค 2 มาฝาก "เมียน้อย 2008"
Posted by
เด็กวังสราญรมย์
at
12:10 PM
1 comments
ตบ"มาริโอ้"หัวทิ่มในผับ
ลือกันให้สนั่นในหมู่นักท่องราตรีย่านทองหล่อ
ว่าพระเอกดาวรุ่งขวัญใจสาวๆ ทุกรุ่น"มาริโอ้ เมาเร่อ" ที่พกพาความหล่อที่สาวๆ เห็นแล้วต้องกรี๊ดมองเหลียวหลังกันเลย ซึ่งหนุ่มโอ้ไปพักผ่อนหย่อนใจกับกลุ่มเพื่อนแถวนั้น
โดยแหล่งข่าวเล่าว่า ขณะที่หนุ่มโอ้ กําลังเฮฮาปาร์ตี้กับเพื่อน ก็มีสาวๆ แวะเวียนมากรี๊ดกร๊าดให้กับหนุ่มโอ้เป็นระยะๆ ทําเอาหนุ่มๆ คนอื่นออกอาการเซ็ง เพราะสาวๆ ต่างหันมาให้ความสนใจกับหนุ่มโอ้กันทั้งผับ
แล้วจู่ๆ ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินไปตบหัวตบหน้าหนุ่มโอ้ แล้วก็เดินจากไป ทําเอาผู้คนงงว่า เกิดอะไรขึ้น ซึ่งแหล่งข่าวสันนิษฐานว่า ชายหนุ่มที่เดินมาตบหนุ่มโอ้น่าจะทําเพราะความหมั่นไส้รึเปล่า
มีข่าวลือออกมาแบบนี้ ทางดาราเดลี่จึงติดต่อไปยัง "โกโก้" ผู้จัด การส่วนตัวของหนุ่มโอ้ เพื่อสอบถามเกี่ยวกับข้อเท็จจริงของข่าวลือหนนี้ซึ่งได้คําตอบว่า
"ข่าวลือไม่เป็นความจริง ถามโอ้แล้ว โอ้ก็บอกว่าเขาไม่ได้ไปเที่ยว เพราะเขาไม่ใช่คนเที่ยวกลางคืนอยู่แล้ว และเท่าที่รู้จักกับโอ้มา ก็เห็นว่าเขาเป็นคนที่ไม่ชอบเที่ยวกลางคืน และก็ไม่ใช่คนที่พูดโกหก เป็นคนที่พูดตรงๆ ถ้าทําเขาก็บอกว่าเขาทํา ถ้าไม่ใช่ก็บอกไม่ใช่
คิดว่าถ้ามีเรื่องซีเรียสแบบนี้เกิดขึ้นจริง เขาก็น่าจะเล่าให้ฟัง แต่นี่ไม่มี และดูจากหน้าตา ร่างกายของโอ้ ก็ไม่เห็นมีร่องรอยการต่อสู้ การถูกทําร้ายอะไรเลย น่าจะเป็นข่าวมั่วซะมากกว่า"
Labels:
มาริโอ้
Posted by
เด็กวังสราญรมย์
at
12:05 PM
0
comments
ความหลากหลายทางเพศกับหนุ่มอังกฤษคนนั้น
Sunday, December 7, 2008
เขาเป็นผู้ชายคนแรกๆ ในประวัติศาสตร์ด้านสิทธิมนุษยชนของเมืองผู้ดีก็ว่าได้ที่ “เลิกแอบ” ต่อหน้าสาธารณชน เขาเป็นคนที่ถูกคนรักทรยศ แต่กลับยืนขึ้นเชิดหน้า และใช้ชีวิตที่เหลืออย่างกล้าหาญสง่างาม ปีเตอร์ ไวล์ดบลัด คือ “โฮโมเซ็กช่วล” แห่งเกาะอังกฤษที่ชีวิตเปิดเผยของเขากลายเป็นใบเบิกทาง ช่วยให้อีกหลายๆ ชีวิตผ่านพ้นคุกตารางด้วยข้อหารักเพศเดียวกัน
ราวทศวรรษที่ 1950 ในประเทศนี้ ชายสองคนจะมีเซ็กซ์กันไม่ได้ และถ้าโดนตำรวจจับ จะต้องไปขึ้นศาล ยืนให้การ ตอบคำถามต่างๆ นานา รวมไปถึง “ทำอะไรกันบ้างบนเตียง” และส่วนใหญ่มักจะไม่รอด ต้องเข้าไปนอนในคุก ปีเตอร์ ไวล์ดบลัด ก็เป็นคนหนึ่งในนั้น
ปีเตอร์ (ภาพจากหนังด้านบน คนที่สองจากหน้าจอ) ทำงานเป็นนักหนังสือพิมพ์หนุ่มที่กำลังรุ่งแห่งหนังสือพิมพ์เดลิเมล์ตอนโดนตำรวจจับ พ่อกับแม่ภูมิใจมากในตัวเขา เพื่อนๆ ที่ทำงานต่างรักเขา และเชื่อในฝีมือ หัวหน้างานชื่นชมความสามารถของเขา ทุกๆ คนช็อคที่รู้ความจริง
ย้อนกลับไปในวัยเด็ก จริงๆ แล้ว เขาเกิดที่อิตาลี แต่ย้ายมาอยู่ลอนดอนตอนอายุสามขวบ ช่วงเรียนหนังสือก็ได้ทุนเรียนดีตลอด ได้ไปเรียนต่อที่อ็อกฟอร์ด แต่โชคร้าย หนุ่มน้อยเกิดป่วยหนัก จนต้องขอลาเรียนชั่วคราวหลังจากเปิดเรียนไปแค่ 11 วัน พอหายป่วยดีแล้ว เป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เขาเลยไปเป็นนักบิน ด้วยเหตุที่เขาขับเครื่องบินไม่เก่ง หรืออาจจะมีสาเหตุอื่น เลยโดนย้ายมาประจำการในตำแหน่งเล็กๆ ภาคพื้นดิน กระทั่งสงครามโลกสิ้นสุดลง
ปีเตอร์กลับไปเรียนต่อที่อ็อกฟอร์ดสองปี ขณะที่ข้าวยากหมากแพง เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นจากสงคราม จบอ็อกฟอร์ดแล้ว ก็พยายามหางานทำ แต่ก็ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เลยไปเป็นพนักงานเสิร์ฟอาหาร
ช่วงเวลาว่าง เขาหมั่นเพียรเขียนบทความ เขียนเรื่องราวส่งนิตยสาร รวมถึงเขียนบทละคร ต่อมาเขาได้ทำงานกับเดลิเมล์ เริ่มต้นด้วยรายงานข่าวซุบซิบต่างๆ ตรงจุดนั้นเอง เขาได้พบกับคนดังประจำวงการไฮโซของอังกฤษที่ชื่อว่า “ลอร์ด ม็องตะกู” (Lord Montagu)
ปีเตอร์ได้รับมอบหมายให้รายงานข่าวเกี่ยวกับงานราชพิธีหลังจากพระเจ้าจอร์จที่ 6 (พระราชบิดาของควีนอลิซาเบธ องค์ปัจจุบัน) เสด็จสวรรคต ในปี 1953 เขาได้รับการโปรโมทเป็นว่าที่ผู้สื่อข่าวสายการต่างประเทศ
ในหนังสารคดี-ดราม่าเรื่องดังเรื่องหนึ่งทางทีวีของบีบีซี ออกฉายในปี 2007 ถ้าคุณผู้อ่านได้เห็นเหตุการณ์ในนั้น จะต้องถามตัวเองว่า อะไรวะ! นอนอยู่กับแฟนบนเตียงดีๆ ก็จะมีตำรวจมาเคาะประตูบ้าน แล้วลากออกไปจากเตียง ส่งฟ้อง ขึ้นศาล แล้วก็โดนจับยัดเข้าคุก นี่มันเรื่องจริงเหรอเนี่ย?
ก่อนนั่งดูหนังเรื่องนี้ ผมก็ได้แค่อ่าน และรับรู้ตามหนังสือ ตามข่าว เห็นบ้างบางฉากในหนัง หรือสารคดีที่พูดถึงการกวาดล้างและกำจัด โฮโมเซ็กช่วลออกไปในสังคม ไม่ว่าจะด้วยการเอากฎหมายและกฎหมู่เข้าบังคับ แต่ไม่เคยรู้สึก แต่พอมาดูหนังทีวีเรื่องนี้ คงไม่ใช่เพราะนักแสดงที่รับบท ปีเตอร์ ไวล์ดบลัด (Marin Hutson) ที่หล่อน่ารักหรอก เป็นเพราะเนื้อเรื่อง การนำเสนอภาพ ตัดสลับระหว่างเหตุการณ์ในชีวิตของปีเตอร์ กับการประชุมของคณะกรรมการที่ทำเรื่องเสนอให้แก้กฎหมาย มันสะเทือนใจมากๆ
ในยุค 1950 คนเป็นโฮโมเซ็กช่วล ในอังกฤษต้องหลบๆ ซ่อนๆ (สมัยนั้นยังไม่ได้เรียกว่า เกย์) มีผับ มีที่เที่ยว มีคลับส่วนตัว มีการสื่อภาษาที่รู้กันเฉพาะในหมู่ แต่จะเหมือนใช้ชีวิตอยู่ในโลกใต้ดิน ซึ่งบางคนก็สนุกสนานไปกับชีวิตแบบนี้ มีความเป็นส่วนตัวดี แต่ขณะเดียวกัน ต้องถามว่า แล้วคุณภาพชีวิตที่ดีคืออะไร จะรักใครชอบใคร ต้องคอยปิดบังไว้ และลึกๆ ทุกคนใช้ชีวิตอยู่บนความหวาดกลัว โดยเฉพาะกลัวกฎหมายบ้านเมืองที่บอกว่า การมีเซ็กซ์ระหว่างเพศเดียวกัน เป็นเรื่องผิดกฎหมาย น่าแปลกนะครับ ในยุคนี้ หลายๆ ประเทศ อย่างบ้านเรา ไม่มีกฎหมายกดขี่มนุษย์แบบนั้น แต่เราหลายๆ คนก็ยังคงต้องขังตัวเองอยู่
สำหรับปีเตอร์แล้ว ถึงแม้เขาจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่ชีวิตส่วนตัวของเขา กลับอ้างว้างเดียวดาย วันหนึ่ง เขาไปพบกับหนุ่มหล่อคนหนึ่งที่สถานีรถไฟ “เอ็ดเวิร์ด” ทำงานรับราชการอยู่ ทั้งสองปิ๊งทันที เหมือน “หากันจนเจอ” ปีเตอร์ก็เลยชวนเอ็ดเวิร์ดไปพักที่บ้านซะเลย
ความจริงก็เสี่ยงนะครับ ใครจะรู้ เอ็ดเวิร์ดอาจเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบปลอมตัวมาก็ได้ มุกนี้ในยุคนั้นใช้บ่อยเพื่อ “กวาดล้างเหล่าโฮโม” บางครั้ง ในห้องน้ำแหล่งที่มีการรายงานเป็นประจำว่า มีการปฏิบัติกิจ ตำรวจก็จะแกล้งให้ท่า พอได้ที ก็เข้าแสดงตัว ล็อคขึ้นโรงพักเลย
นึกไม่ออกเลยละครับว่า ถ้าตำรวจปฏิบัติการอย่างนี้ในเมืองไทย เกย์ไทยจะเป็นยังไง แล้วเกย์ไทยในห้องน้ำต่างๆ จะเป็นยังไง ย่านไหนในกทม น่าจะเดือดร้อนที่สุด คงไม่ต้องบอก คนนะครับ ไม่ใช่ “วัวควาย” ต้องไปตามจับ แล้วลากออกมา
ความสัมพันธ์ของปีเตอร์กับเอ็ดเวิร์ดงอกงามขึ้น เขาแสดงความรักต่อกันอย่างหวานซึ้ง เขียนจดหมายให้กัน ฟังแล้วแทบละลาย เอ็ดเวิร์ด เดินทางไปกลับ และเข้าเมืองตอนช่วงวันหยุดเสมอเพื่อมาค้างอ้างแรมกับปีเตอร์ ต่อมาทัั้งสองได้รับเชิญจากคนดังไฮโซ ลอร์ดม็องตะกู ให้ไปพักผ่อนที่บ้านพักริมทะเล
รัฐเริ่มออกกวาดล้างอย่างหนัก โดยเฉพาะคนในเครื่องแบบ เอ็ดเวิร์ดถูกค้นจดหมาย และถูกสอบสวนในเวลาต่อมา ทั้งที่ก่อนหน้าปีเตอร์บอกให้เขาเผาจดหมายทั้งหมดทิ้ง เอ็ดเวิร์ดถูกขู่บังคับให้บอกรายชื่อคนที่เขารู้ว่าเป็นเกย์ พร้อมทั้่งยินยอมให้การว่า มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกัน ตำรวจไปบุกค้นบ้านปีเตอร์เพื่อหาหลักฐาน ในที่สุด ก็เจอจดหมายรักที่ปีเตอร์ซ่อนไว้ ปีเตอร์ไม่เคยเผาจดหมายนั่นเช่นกัน
คนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องโดนจับ ตั้งข้อกล่าวหา และขึ้นศาล เป็นที่เรียกกันในยุคนั้นว่า “เดอะ ม็องตะกู เคส” เรียกได้ว่า ดุเด็ดเผ็ดมัน ประชาชนเกาะติดสถานการณ์ทุกขณะ อัยการฝ่ายรัฐพยายามคาดคั้นให้จำเลยพูดความจริง จำเลยก็พยายามบ่ายเบี่ยง เอ็ดเวิร์ดเล่าความจริงทุกอย่าง ต้องบอกว่า คนดูต้องเศร้าไปกับเรื่องราวทั้งหมด ลองคิดดูสิครับ คนที่เราเคยบอกรัก รอคอยให้เขากลับมาหาแทบทุกลมหายใจ ตอนนี้ กำลังจะเอาตัวรอด และกล่าวโทษเราฝ่ายเดียว ในที่สุดปีเตอร์ตัดสินใจพูดความจริง ความจริงที่สั่นสะเทือนประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของอังกฤษ “ผมเป็นโฮโมเซ็กช่วล”เขาถูกศาลสั่งจำคุก 18 เดือน
พอออกจากคุก เขาก็เสียงานที่รักไป ส่วนเอ็ดเวิร์ดหายไปไหนก็ไม่รู้ ปีเตอร์ออกมาทำธุรกิจเล็กๆ และได้เริ่มเขียนหนังสือชื่อ “Against the Law” คงเริ่มเขียนตั้งแต่อยู่ในคุก และเป็นหนังสือที่มีการถกเถียงกันมากที่สุดยุคนั้น
ในช่วงเวลานั้นเองทางการได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งมีประธานชื่อ เซอร์จอห์น โวลเฟนเดน (Sir John Wolfenden) เพื่อพิจารณาเรื่องราวเกี่ยวกับหญิงขายบริการทางเพศ และโฮโมเซ็กช่วล ในหนัง เราจะเห็นท่านเซอร์ เรียกคนโน้น คนนี้มาให้ข้อมูล ทั้งหมด นายทหาร บุคคลที่มีชื่อเสียงในวงสังคม แต่ในที่สุดคณะกรรมการก็มองหน้ากันแล้วถามกันเองว่า นี่เราจะไม่มีโฮโมเซ็กช่วลหน้าไหนมาให้ข้อมูลเหรอ (จริงๆ แล้วกรรมการชุดนี้รู้สึกกระอักกระอ่วนมาก กระทั่งจะเรียกโสเภณีและโฮโมฯ ก็ไม่ใช้ แต่จะตั้งเป็นอีกชื่อที่รู้กันแทน ภายหลังพบว่า ลูกชายของท่านเซอร์ก็เป็นเกย์)
นึกไปนึกมา คงไม่มีใครกล้ามาให้ข้อมูล เลยเปิดทางว่า งั้นใครมาก็ได้ มาแบบนิรนาม ไม่ต้องเปิดเผยอะไร แต่แล้ว ปีเตอร์ก็ตัดสินใจเป็นคนๆ นั้นเอง แต่เขายืนยันว่า เขาต้องการเปิดเผยตัว และมาให้เห็นตัวเป็นๆ กันเลย ช็อตนี้ละครับ ผมคิดว่า เป็นชัยชนะของปีเตอร์ ไวล์ดบลัดอย่างแท้จริง
หนังสือของเขา เรื่องราวของเขาตอนศาลตัดสินจำคุก และคำให้การของเขาต่อหน้าคณะกรรมการส่งผลให้รัฐหันมามองกฎหมายล้าหลังเกี่ยวกับโฮโมเซ็กช่วลอย่างจริงจัง และต่อมามีการยกเลิกกฎหมายนี้โดยระบุว่า คนเพศเดียวกันมีเพศสัมพันธ์กันในที่ส่วนตัว สมยอมทั้งสองฝ่าย ไม่ถือว่า ผิดกฎหมายอีกต่อไป
ปีเตอร์เสียชีวิตลงเมื่ออายุ 76 หลังจากเขาย้ายไปเป็นพลเมืองของประเทศแคนาดา และเป็นบุคคลมีชื่อเสียงในวงการโทรทัศน์ หนังสารคดีกึ่งดราม่าเรื่องราวชีวิตของเขาชื่อ “A Very Britsh Sex Scandal” เป็นหนึ่งในสารคดีและรายการโทรทัศน์หลายเรื่อง เป็นซีรี่ย์ที่สร้างขึ้นพิเศษพูดถึงความเปลี่ยนเชิงสังคม กฎหมายและการใช้ชีวิตของคนรักเพศเดียวกันในอังกฤษ น่าดูมากๆ ครับ
Posted by
เด็กวังสราญรมย์
at
4:48 AM
1 comments
ผม ไบ รับ
ผมพยักเพยิดให้ “อรรณพ” มองตามเหล่าแขกต่างชาติที่เพิ่งเข้ามาในร้าน แต่เพื่อนรุ่นน้องตัวดีของผมคนนี้ทำหน้าเฉยๆ เขาคงไม่รู้สึกสะทกสะเทิ้นเขินอายอะไรอีกแล้วที่มีผู้หญิงเข้ามาอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับเขาและกำลังจะทำแบบเดียวกับที่เขากำลังจะทำ ก็แค่เลือกผู้ชายซักคนบนเวที แล้วก็พาออกไปข้างนอก
เขาบอกว่า มาเที่ยวแบบนี้ สนุกดี รวดเร็ว ประหยัดเวลา ไม่ต้องนั่งแชท ไม่ต้องคอยโทรจีบ ไม่ต้องโทรนัดกินข้าว หรือเข้าโรงหนัง เมื่อไหร่ที่อยากขึ้นมา ก็แวะมาสอยเอา อ้อ อีกอย่าง ไม่ต้องรักและผูกพันอะไรหลังกิจกรรมเสร็จสิ้นจังหวะของมันลง
อรรณพอายุสามสิบเศษๆ เขาคิดว่า เขารับผิดชอบตัวเองได้แล้ว และนี่ก็เป็นสิทธิ์ของเขาที่จะมาเที่ยว แต่ที่น่าทึ่งก็คือ เขามีกฎประจำตัวด้วยนะครับ ลูกค้าอย่างเขาจะไม่โทรนัด “เด็ก” ให้มาพบส่วนตัว เขาจะมาหาเองถึงที่ จ่ายเงินให้ทางร้าน เพื่อจะปลดปล่อย “น้อง” สักคน เขาทำตามระบบที่ไม่มีใครกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ราวกับสัตยาบัน อีกอย่าง เขาชอบอะไรที่คุ้นเคย
แต่วันนี้ น้องที่คุ้นเคยไม่อยู่ สงสัย เพราะไม่ได้แวะมาทีนี่ซะตั้งนาน ผมเองก็จำไม่ได้แล้วว่า มาเที่ยวที่ร้านนี้ ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ แต่ผมก็ยังจำหน้าบางคนได้ บนเวที
“น้องเคน กลับต่างจังหวัดน่ะ” มาม่าซังผมแดงใส่เสื้อสูทบอกเเขา อรรณพทำหน้ามู่ทู่เป็นคำตอบ มามาซังคนนี้ คงเพิ่งมาใหม่ แล้ว “โปรโมเตอร์” คนเดิมที่รู้ใจ กัน หายไปไหนแล้ว หรือ หล่อนอำลาวงการ?
“มีตัั้งหลายคนอยู่บนเวที ถูกใจน้องคนไหนบอกได้เลยนะครับ” มาม่าซังหัวแดงคะยั้นคะยอ
“ไม่ถูกใจซักคน” อรรณพตอบตรงๆ พลางกวาดสายตาดูหนุ่มหุ่นปึ้กกับกางเกงขาสั้นจุ๊ดบนเวทีอีกครั้ง เผื่อพลาดอะไรไป แต่นี่เราสองคนส่องกันอยู่ตรงนี้เกือบสองชั่วโมงแล้วนะ
“เอ่อ…ผมชอบน้องที่เป็นเกย์น่ะ ไม่เอาผู้ชาย ไม่เอาสาว ไม่เอาหน้าหวาน อยากได้ แบบรับเก่งๆ คุยเก่งๆ มีเปล่า…?”
มามาซังโพล่งออกมา “มีอยู่คน หุ่นดี เพิ่งเล่นกล้าม บริการดี แต่…มันมีเมีย”
“ไม่ชอบครับ อยากได้เกย์ ไม่อยากได้ผู้ชายไง” อรรณพย้ำ ผมกวาดสายตาไปรอบๆ อีกครั้ง ส่วนใหญ่แล้วคุณผู้อ่าน ในบาร์อะโกโก้ผู้ชาย ไม่ว่าที่ไหน จะมีผู้ชายเป็นพนักงานบริการเกินกว่าครึ่งแทบทั้งนั้น ถึงได้มีลูกค้าผู้หญิงมาร่วมใช้บริการด้วยไง ผมคิดเสมอว่า ผู้ชายไปเที่ยวซ่อง ไปอาบ อบ นวด แล้วก็นาบได้ แต่ผู้หญิงไม่ค่อยมีที่ไป เกย์ยังดีซะกว่า มีที่ให้ปลดปล่อยอารมณ์งุ่นง่านออก
แต่อรรณพ ไม่ค่อยชอบมีอะไรกับผู้ชาย เขาชอบเกย์ด้วยกัน
มาม่าซังเริ่มจับทางได้ “แต่น้องคนนี้ มันชอบมากนะ เวลาโดนเ…็ดน่ะ รับรองถูกใจคุณน้อง” หล่อนพูดพลางหัวเราะชอบใจ
“ไหนล่ะ อยู่ไหนบนเวทีเหรอ?”
“เปล่า ไม่ได้ให้ขึ้นเวทีหรอก”
“อ้าว ทำไม”
“มันตัวเตี้ย”
ผมขำแทน ส่วนอรรณพถอนหายใจ พอเห็นลูกค้าออกอาการเซ็งๆ มามาซังรีบส่งเสริมยอดขายทันที
“คุณน้อง คนที่พี่จะแนะนำให้น่ะ รับรองถึงใจ ตัวเล็กๆ อย่างนี้สิดี พลิกคว่ำตะแคงหงาย ได้หมดหมดทุกท่า รับรองสนุก เชื่อพี่สิ”
เขาทำท่าคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดออกไปแบบเสียไม่ได้ “คนไหนล่ะพี่ ไม่ต้องเรียกมานั่งนะ แค่บอกว่าคนไหน”
หล่อนแล่นปรู๊ดไปยังประตูทางเข้าด้านหน้าตรงเคาร์เตอร์บาร์ ณ จุดนั้น พนักงานบริการชายหลายคนนั่งเรียงรายอยู่ หล่อนกวักมือหยอยๆ ทำท่าชี้ๆ ให้ดู โหย คนเยอะจะตาย ผมบอกอรรณพ มองไม่เห็นหรอก มืดอีกต่างหาก
“สงสัยจะเตี้ยจริง” อรรณพบอก แล้วก็ลุกขึ้น พุ่งตรงไปทันที เขาคงค้นพบอะไรเข้าแล้ว เห็นหายไปนาน
ในเวลาต่อมา “น้องศักดิ์” ก็เป็นสมาชิกใหม่ที่โต๊ะของเราด้วยความสูง ไม่น่าจะเกิน 160 ผิวสองสี มัดกล้ามที่แขนของเขาทำเอาเสื้อเชิ้ตตึงเปรียะ ดูแล้ว ภายใต้กระดุม น่าจะมีแผงหน้าอก ริมฝีปาก ใบหน้าคม และท่าทางกระตือรือร้นทำให้เขาดูน่ารักขึ้นเป็นกอง แต่น้องเป็นผู้ชายนะ มีเมียแล้วอีกต่างหาก ผมกระซิบหรอก หลังเขาจ้องน้องตาเป็นมัน
“พี่ชอบรุกน่ะครับ เรารับได้จริงเหรอ?” อรรณนพ ถามผู้มาเยือน
“ครับ ครับ ผมได้หมดครับ แล้วแต่พี่จะชอบ” เขาให้คำตอบ
“มีเมียยัง?” ผมช่วยสัมภาษณ์
“ยังครับ” เขาตอบยิ้มๆ
“ก็เห็นมามาซัง บอกว่า น้องมีเมียแล้วนี่” ผมมองหน้าเขาอย่างคาดคั้น
“อ๋อ แฟนน่ะครับ พอดีเค้าไม่อยู่ ไปต่างจังหวัด”
แล้วผมก็ปล่อยให้เขาสองคนค้นหากันและกันต่อไป เพื่อดับความเขิน แต่เดาว่า เดี๋ยวอีกแป๊บ คงแก้ผ้ากันแล้ว จะคุยนานๆ ไปทำตุ้มอะไร ผมสังเกต อรรณพน่าจะพึงพอใจไม่น้อย และไม่ออกอาการหงุดหงิดใส่ผมหากเขาต้อง”กลับบ้านมือเปล่า”
เขาเล่าให้ผมฟังว่า น้องๆ ส่วนใหญ่ที่เขาเจอจะแนะนำโรงแรมเล็กๆ หรือไม่ก็ม่านรูด จ่ายเงินเป็นรายชั่วโมง พวกเด็กๆ จะไม่ชอบตามแขกกลับไปที่พัก เท่าที่เขาเจอมา ส่วนใหญ่ น้องจะไม่อยากเสียค่ารถขากลับ ถึงแขกให้ค่ารถก็เถอะ แต่ถ้าบ้านแขกไกล ก็ไม่คุ้ม เสียเวลาเดินททาง ผมเดาเอาว่า การไม่คุ้นกับสถานที่น่าจะเป็นอีกปัจจัย ม่านรูดเป็นสิ่งที่พนักงานบริการคุ้นเคยมากกว่า แต่ถ้าไปที่พักของแขก เขาคงไม่รู้สึกว่าเป็นที่ของเขา
นอกจากจะมีเงื่อนไขเรื่องสถานที่แล้ว อรรณพเผยให้ผมฟังว่า น้องศักดิ์สุดหล่อชอบดูหนังโป๊
“ที่ม่านรูด มีหนังโป๊เกย์ด้วยเหรอ” ผมโพล่ง
“บ้าเหรอ หนังโป๊ผู้ชายผู้หญิงโว้ย” อรรณพทำคิ้วขมวด
คืนวันนั้น หลังจากเปิดห้อง จ่ายเงิน และอาบน้ำแล้ว ศักดิ์ก็หยิบรีโมททีวีถึงพบว่า บนจอมีแต่ช่อง 3-5-7-9 ศักดิ์ยกหูโทรศัพท์ “พี่ปล่อยหนังมาให้หน่อย” ไม่นาน หนุ่มตัวเล็กวัยยี่สิบสอง (อายุตามที่่อรรณพถามมา จริงเปล่าไม่รู้) ก็เพลิดเพลินกับเสียงผู้หญิงญี่ปุ่นบนจอ หล่อนครวญครางปานจะขาดใจ มีผู้ชายร่างท้วมกำลังอยู่บนร่างกายหล่อน
“แล้วแก ไม่รำคาญ แกมีอารมณ์เหรอ ดูหนังโป๊แบบนั้น”
“ก็เห็นน้องเค้าแข็งขึ้นมาทันทีเลย คงได้อารมณ์ แต่เราไม่สนอยู่แล้ว ขอคนรับได้เป็นพอ”
ต่อไปนี้ คุณผู้อ่าน เป็นซีนอีโรติค ผู้อ่านอายุต่ำกว่า 18 ควรได้รับคำแนะนำจากผู้ปกครอง
อรรณพสาธยายว่า น้องศักดิ์จูบเก่งมาก เขาจูบอย่างมาราธอน จนอรรณพเคลิ้มลิ้น ตอนที่ผลัดกันซุกไซร้ซอกคอ ไล่มาถึงยอดอก แล้วก็หน้าท้อง ทำเอาเขาซี้ดซ้าด ไม่เป็นส่ำ เสียงครางประสานกับเสียงจากทีวี แผ่นหลังของศักดิ์แน่นมาก ไม่ต้องพูดถึงแผ่นอก มันเป็นแผงนูนกำลังพอดี วิดีโอโป๊ ก็กำลังวทำหน้าที่ของมันไป พร้อมเสียงผู้หญิงญี่ปุ่นครางมาราธอน อรรณพบอกว่า ดูแล้วน่ารำคาญอยู่เหมือนกัน แต่ศักดิ์ออกอาการชอบมากอรรณพหยิบถุงยาง และเจลหล่อลื่นจากหัวเตียงออกมา เขาเตรียมไปเอง แล้วอีกไม่กี่อึดใจ เขาก็ได้ทำในส่ิงที่เขาอยากทำ
“มันส์มั๊ย” ผมว่า
“สุดยอด มามาซังว่าไว้ ไม่มีผิด” อรรณพยิ้มน้อย ยิ้มใหญ่ “แต่แปลกดีว่ะ”
เขาเล่าว่า เขาถามน้องศักดิ์ตอนเสร็จกิจว่า ถามตรงๆว่า ตกลง เราเป็นอะไรกันแน่ “เป็น เกย์ เป็นไบ หรือเป็นผู้ชาย?”
ศักดิ์บอกอย่างรวดเร็ว ผมว่า “ผม เป็น…เกย์ ไบ รับ”
โอ้วแม่เจ้า ผมเกาหัวแกรกๆ เคยได้ยินมาแหละคำนี้ และเคยได้เห็นคนประกาศอย่างนี้เหมือนกันในบอร์ดต่างๆ แต่ผมไม่ค่อยเข้าใจ
อรรณพเล่าต่อว่า “เราว่า น้องมันเป็นเกย์ ไบ รับอย่างว่าแหละ พอตอนเราเอาเค้าอยู่นะ ตาเค้าก็มองที่ทีวี แถมยังบอกอีกว่า ชอบดูหนังโป๊ตอนผู้หญิงโดน ผมชอบดูหน้า ดูหุ่น แล้วจะยิ่งดี ถ้าผมโดนเอาไปด้วย”
อดไม่ได้ ต้องถามแบบนี้ ขออภัยท่านผู้อ่านที่ไม่สุภาพ แต่เรื่องนี้ It’s a must - ต้องถาม
“แล้วน้องมันแตกมั๊ย?”
“แหงล่ะสิ ก่อนซะอีก ตอนโดนโซ้ยอยู่นั่นแหละ” อรรณพเล่า ไม่มีปิดบัง
ผมขมวดคิ้ว พยายามคิดตามกับคำนิยาม “เกย์ ไบ รับ”
แล้วไงอีก มีไรประทับใจอีกมั๊ย อดไม่ได้ล่ะครับ ถามแล้วถามเลย เดี๋ยวจะหาว่า ไม่สู่รู้
“รายนี้มาแปลกว่ะ เวลาไซร้ๆ กัน น้องมันชอบ…ถุยน้ำลาย”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” อดไม่ได้ครับ “บ้า จริงดิ นายไม่ได้อาบน้ำหรือเปล่า คงเค็มน่ะ”
“อาบโว้ย รู้มะ น้องมันถุยน้ำลายที่พื้่นรอบเตียงเลย ถุยแล้ว ถุยอีก ไอ้เราก็ว่า เฮ้ย ถุยทำไมวะ ถุยจนไม่กล้าเหยียบลงพื้นเดินเข้าห้องน้ำเลย สงสัยมันติดนิสัย หรือไม่ชอบเรา เลยลองถามไปตอนเสร็จเรียบร้อยว่า ตอนโดนพี่เอาอยู่ คิดถึงใคร”
“ไปถามเขาทำไม”
“รู้ปะ ไอ้นี่ปากหวาน น้องตอบว่า ก็คิดถึงพี่สิ ไม่งั้นจะแตกเหรอ”
ผมหัวเราะ น้องน่าจะตอบว่า “คิดถึง กระโถน”
“แล้วทำไม ไม่ให้น้องมันถุยน้ำลายลงบนตัวซะเลยล่ะ”
“ไอ้บ้า”อรรณพหัวเราะชอบใจ
Posted by
เด็กวังสราญรมย์
at
4:43 AM
0
comments
หนูสอนพ่อ...ไม่ใช่พ่อสอนหนู!!
Thursday, December 4, 2008
This summary is not available. Please click here to view the post.
Labels:
บทความวันพ่อ
Posted by
เด็กวังสราญรมย์
at
1:23 PM
0
comments
พ่อ ... ผู้ชายที่ผมเคยเกลียด
This summary is not available. Please click here to view the post.
Posted by
เด็กวังสราญรมย์
at
1:18 PM
0
comments
พ่อครับ......ผมรักพ่อ
คราวนี้ทุกครั้งที่ผมเจอมัน ผมจะนำมันไปเก็บไว้ที่อื่นเสมอ และ ไม่ว่ากี่ครั้งที่ผมเปิดลิ้นชักเดิมก็จะพบว่ามันอยู่ที่เดิมเสมอ ครั้งสุดท้ายที่ผมพบมัน ผมเก็บมันไว้ในที่ที่คิดว่าจะไม่เจอมันอีกเลย และ เรื่องนี้พ่อกับผมไม่เคยพูดถึงมันเลย
จนวันหนึ่งผมเจอปัญหา ในหัวของผมมีแต่เรื่องสับสน อยากหนีปัญหาไปไกลๆ ไม่อยากเจอแม้แต่ผู้คน ผมกลับมาที่บ้านไขกุญแจห้องพ่อแล้วเข้าไปในนั้น ที่ห้องของพ่อทุกอย่างยังเหมือนเดิม ข้าวของทุกชิ้นยังอยู่ครบเหมือนครั้งที่พ่อยังอยู่ ในห้องเงียบมากผมได้ยินแม้แต่เสียงหัวใจของตัวเอง
ผมเดินไปที่โต๊ะบัญชีที่พ่อมักจะนั่งอยู่ที่นั่นเสมอ ตอนนั้นผมคิดว่าถ้าพ่อยังอยู่พ่อจะทำอย่างไร จะแนะนำผมอย่างไร แล้วจะช่วยผมแก้ปัญหาอย่างไร ทันใดนั้นผมคิดถึงเรื่องเก่าๆ เรื่องนึงขึ้นมา ผมรีบเอากุญแจไขลิ้นชักโต๊ะบัญชีด้วยความหวังว่ามันจะยังอยู่ เมื่อเปิดลิ้นชักผมก็พบมัน การ์ดสีฟ้าขลิบทอง ยังดูโดดเด่นอยู่ลิ้นชักของพ่อ มันยังอยู่ที่เดิมเหมือนทุกครั้ง
ผมรู้สึกขึ้นมาทันทีว่าปัญหาที่ผมเจอตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย กำลังใจจากการ์ดใบนั้นเหมือน จะค่อยๆแผ่ซ่านจากมือเข้ามาสู่หัวใจผม ในใจของผมรู้สึกอุ่นขึ้นมาอย่างประหลาดเหมือนกับพ่ออยู่ในนั้น
ผมวางการ์ดเก็บไว้ที่ลิ้นชักตามเดิมและออกมาจากห้องของพ่อด้วยความรู้สึกที่แตกต่าง กับเมื่อตอนที่เข้ามา ก่อนประตูจะปิดลงผมบอกออกไปด้วยความรู้สึกที่พ่อก็มีให้ผมมาตลอดว่า "พ่อครับ ผมรักพ่อ"
Labels:
บทความวันพ่อ
Posted by
เด็กวังสราญรมย์
at
1:05 PM
0
comments
สนามรบ รด.จบ
Tuesday, December 2, 2008
This summary is not available. Please click here to view the post.
Labels:
กระดอ,
ควย,
ควยตำรวจ,
ควยทหาร,
ควยใหญ่,
ดูดควย,
เย็ดตูด,
เรื่องเล่าชายรักชาย
Posted by
เด็กวังสราญรมย์
at
6:56 AM
0
comments
สนามรบ รด.จบ
This summary is not available. Please click here to view the post.
Labels:
กระดอ,
ควย,
ควยตำรวจ,
ควยทหาร,
ควยใหญ่,
ดูดควย,
เย็ดตูด,
เรื่องเล่าชายรักชาย
Posted by
เด็กวังสราญรมย์
at
6:56 AM
0
comments