น้องๆ เวียดนามทันสมัย ทำมาร์เก็ตติ้งทางอินเทอร์เน็ต-มือถือ

Thursday, September 30, 2010

ภาพโดยสำนักข่าวซเวินจี๊ การบุกเข้าตรวจต้นซ่องแห่งหนึ่งในนครโฮจิมินห์สามารถจับกุมหญิงสาวขายบริการ ทางเพศ กับผู้เกี่ยวข้องได้จำนวนมาก เจ้าหน้าที่ยอมรับ ปัจจุบันมีการขายบริการผ่านโทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ตมากขึ้น ทำให้ธุรกิจนี้ขยายตัวรวดเร็ว
 
ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- ความก้าวหน้าของโทรศัพท์มือถือกับอินเทอร์เน็ต ทำให้กิจการค้าประเวณีในเวียดนามเติบใหญ่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว และการปราบปรามทำได้ยากขึ้น มีการกล่าวถึงเรื่องนี้ในการประชุมที่จัดโดยกระทรวงแรงงาน ผู้ทุพลภาพและสวัสดิการสังคม ในสัปดาห์นี้ที่ จ.เถือะเทียนเหว (Thua Thien Hue)
       
       การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อสรุปแผนงานการป้องกันการค้าประเวณี ระหว่างปี 2006-2010 ทั้งนี้ เป็นรายงานของสำนักข่าวซเวินจี๊ (Dan Tri)
       
       นายเหวียนวันมีง (Nguyen Van Minh) อธิบดีกรมป้องกันความชั่วร้ายทางสังคม ซึ่งอยู่ภายใต้กระทรวงแรงงานฯ กล่าวว่า ธุรกิจการค้าประเวณีในเวียดนาม กำลังทำกันแพร่หลายผ่านโทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ต เว็บไซต์ที่มีการเสนอบริการทางเพศ หรือให้ข่าวสารเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็มีจำนวนมากขึ้น มีการระบุที่ตั้งของซ่องโสเภณีนับร้อยๆ แห่ง
       
       ปัจจุบันหญิงโสเภณีสามารถเสนอขายบริการของพวกเธอ หรือทำการตลาดโดยตรงผ่านอินเทอร์เน็ต มีการลงโฆษณาเบอร์โทรศัพท์มือ เพื่อให้ลูกค้าสามารถติดต่อกลับได้โดยสะดวก
       "มีการจัดตั้งเครือข่ายโสเภณีระหว่างจังหวัดตั้งแต่เหนือจรดใต้ วิธีการเหล่านี้ทำให้การค้นหาและการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจทำได้ ยากยิ่งขึ้น" เจ้าหน้าที่คนเดียวกันกล่าว
       
       ตามรายงานที่นำเสนอต่อที่ประชุม กรมป้องกันความชั่วร้ายฯ กล่าวว่า โสเภณีกลุ่มใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน เป็นกลุ่มหญิงที่มีอายุระหว่าง 18-25 ปี คิดเป็นประมาณ 42% ของทั้งหมดประมาณ 31,000 คนทั่วประเทศ
       
       อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมีแนวโน้มว่า โสเภณีเริ่มมีอายุน้อยลงเรื่อยๆ ขณะนี้ราว 15% ของทั้งหมดอายุ ระหว่าง 16-18 ปีส่วนอีกกลุ่มหนึ่งอายุ 25-35 ปี คิดเป็น 35% ซเวินจี๊กล่าว
       
       ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สามารถจัดการกับซ่องโสเภณีได้กว่า 4,200 แห่ง มีผู้เกี่ยวข้องเกือบ 18,000 ราย รวมทั้งเจ้าของซ่อง ผู้ติดต่อ/จัดหา หญิงโสเภณีและบรรดาลูกค้า ในจำนวนนี้มี 2,812 กรณี และ ผู้เกี่ยวข้อง 3,682 คน ถูกดำเนินคดีอาญา 1,407 คน ถูกปรับตามกฎหมาย และ กว่า 5,000 คน ถูกนำส่งศูนย์บริการดูแลสุขภาพ
       
       ในช่วงเดียวกัน เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมแก๊งค้ามนุษย์ระหว่างประเทศได้จำนวนมาก เกี่ยวข้องกับการค้าหญิงสาวตั้งแต่เวียดนามถึงมาเก๊า จีน ฮ่องกง ไต้หวัน หรือ กัมพูชา นอกจากนั้น ยังทะลายกระบวนการโสเภณีชั้นสูงในนครโฮจิมินห์ได้หลายครั้ง
 
 
 
เป็นงัยหละ  นึกว่าเด็กวังออนคอล ทางโทรศัพท์อย่างเดียว ที่อื่นก็มีนะคร้าบ

เซ็กซ์ทัวร์/ซ้อ 7

Wednesday, September 29, 2010

เป็นไงล่ะ บอกแล้วว่า วีรกรรมตำไข่ของ “น้อง anywhere” นั้นไม่ธรรมดา ทีนี้ก็รอดูก็แล้วกัน เพราะตอนนี้ก็เริ่มมีรายชื่อเปิดเผยออกมาแล้วว่าเจ้าของสเปิร์มที่มุดเข้ามดลูกหล่อนจนมีผลผลิตจะเป็นของใคร
       
        ในฐานะแม่คนหนึ่ง ซ้อก็ขอเอาใจช่วย ถึงจะมีคนซวย (ที่ได้น้อง anywhere เป็นเมีย) แต่ก็คิดซะว่าเห็นแก่เด็กตาดำๆ อย่างน้อยๆ โตขึ้นจะได้ไม่มีปมด้อยว่าหาพ่อไม่เจอ!!
       
        ที่พูดแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะดูถูกลูกผู้หญิงด้วยกัน เพียงแต่จะบอกให้จำใส่กะลาหัวไว้ …ผลของการอ้ามั่วมันก็เลยไม่มีใครอยากเป็น “ผัว” แบบนี้แหละ
       
        ป่านนี้แนวร่วมทะลวงรูคงนอนเอาตีนก่ายหน้าผาก อยากจะผ่าตัดเปลี่ยนหน้าให้รู้แล้วรู้รอด เพราะไหนๆ น้อง anywhere ก็ชิ่งไม่ยอมพิสูจน์แล้ว ทางเดียวที่จะรอด ก็คือ ทำหน้าให้ไม่เหมือนเด็กนี่ล่ะวะ…
       
        หายใจโล่งขึ้นมาหน่อยคงจะหนีไม่พ้น “ซูเปอร์สตาร์หน้าเกาหลี” ที่งานนี้คงจำไปจนวันตาย ทีหน้าทีหลังอย่ามักง่าย หัดหดไข่ซะมั่ง ไม่อย่างนั้นอนาคตมันจะหมดไม่ทันตั้งตัว โอกาสแก้ตัวไม่ได้มีบ่อยๆ นะว้อย
       
        อีกคนที่ชอบก่อเรื่องซ้ำซากก็ “น้องแตงเน่า” เด็กสร้างวิกหลายสี รายนี้แม้ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปีๆ หล่อนก็เอี้ยรักษาระดับ ไม่เรื่องผู้ชายก็เรื่องสันดานส่วนตัว ล่าสุดไม่รู้ว่าเป็นเพราะเก็บกดที่ไม่มีใครคบ หรือเครียดที่ไม่มีงานหรือเปล่า ถึงได้ไปอาละวาด “ผัวหน้าอ่อน” ซะจนผู้คนแตกตื่น
       
        ก็เข้าใจอ่ะนะ ว่า น้องแตงเน่า เป็นประเภทชอบทำอะไรประจานสันดานตัวเองอยู่บ่อยๆ เอากับใครก็ถ่ายรูปเป็นหลักฐาน แม้กระทั่งคั่วอยู่กับใครหล่อนก็จะกอดจะจกให้เห็นต่อหน้า อย่างครั้งนี้ก็เช่นกัน อยู่ดีๆ ก็ไปทะเลาะกับผัวต่อหน้าสาธารณชน ขุดกู-มึง ด่าสารพัดสัตว์ แต่ที่ทำเอาอึ้งไปตามๆ กัน ก็เรื่องที่น้องแตงเน่า ตบะแตกตบผัวซะหน้าคว่ำ ดีนะที่ผัวหน้าอ่อนหน้าบางกว่า ก็เลยได้แต่ก้มหน้าให้เมียด่าอย่างเดียว
       
        สะเออะจะเป็นดารา แต่ทำตัวแย่ยิ่งกว่ากอหรี่แบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน ถ้าไม่รีบเปลี่ยนนิสัย อย่าว่าแต่คนในวงการเลย ผัวหน้าอ่อนที่ว่าหลงหลุมขนาดไหน มันก็คงทนไม่ไหวในซักวัน
       
        ทีนี้จะไปร้องแร่แห่กระเชอ ตู่ว่าคนโน้นคนนี้รังแก มันคงทุเรศไปหน่อย เพราะที่ผ่านมาก็ชัดเจนแล้วว่าเมิงทำตัวเมิงเองทั้งน้านนนน ชิ
       
        ได้เป็นดารามีต้นทุนดีกว่าคนอื่นเป็นไหนๆ แต่ก็มีไม่น้อยที่ใช้เส้นทางนี้ไปในทางผิดๆ อย่างที่รู้กันวงการนี้มันมีสิ่งล่อตาล่อใจเยอะ ยิ่งถ้าเป็นเรื่องอย่างว่าละก็ มั่วกันยิ่งกว่า “ซ่อง” ซะอีก เรียกว่า มีทุกรูปแบบ ทั้งล่อกันเอง ทั้งมีนายหน้าจัดหาให้ ที่แย่ไปว่านั้น บางคนใช้งานบังหน้า ที่พวกดาราขยันซอยทั้งหลายรู้กันเลย ก็คือ “กิจกรรมพบปะแฟนๆ” ของช่องน้อยสี พูดง่ายๆ ว่า ใครที่ไปร่วมกิจกรรมบันเทิงนี้ แล้วอยากทำกิจกรรมเข้าจังหวะ บ๊วบๆ รับรองมีสนองถึงโคน
       
        จริงๆ แล้วกิจกรรมนี้ทางต้นสังกัดจัดขึ้นมาเพื่อเอาใจแฟนๆ ที่ให้การสนับสนุน โดยจะตระเวนไปตามต่างจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งเป็นทริปที่บรรดาดาราขาเอาชอบอกชอบใจเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะได้ไปมอบความสุขให้คนอื่นแล้ว ยังได้หาความสุขใส่ตัวอีกด้วย
       
        คนไหนที่มั่วอยู่แล้วเป็นนิจ ก็จกกันเองตามอัธยาศัย ส่วนใครที่ยังกระดากอายก็จะมีนายหน้าจัดส่งให้ถึงขอบเตียง อย่างรายล่าสุดที่เพิ่งความแตก ก็คือ “อดีตพระเอกหน้าจืด” ที่ตอนนี้ตกกระป๋องก็เลยผันตัวเองไปเป็นพิธีกรคู่กับ “คุณป้าปากกว้าง” ที่เคยมีคดีขี้โกงติดตัว
       
        ถ้าพระเอกหน้าจืดขยี้ชะนีก็คงไม่มีใครสนใจ เพราะมันเป็นเรื่องปกติของคนมีจู๋ แต่นี่เจ้าตัวดันออเดอร์ KRADOOR คนมันก็เลยโจษจันกันทั้งทริป!!
       
        นี่ละมั้งที่เค้าว่า ความคันมันไม่เข้าใครออกใคร ยิ่งถ้าคันไม่ถูกที่ ชีวิตก็อัปรีย์ได้เหมือนกัน
       
        จะว่าไปแล้ว เรื่องที่พระเอกหน้าจืด ชอบเข้าข้างหลัง ก็ไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์อะไรมากนัก เพราะปกติก็เป็นประเภทได้หน้าไม่ลืมหลังอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะเปิดตัวว่ามีแฟนเป็นชะนีมีรู แต่รสนิยมที่เป็นอยู่ก็ขาด “จู๋” ไม่ได้เช่นกัน งานนี้พระเอกหน้าจืดก็เลยเต็มที่กับชีวิต ว่างเป็นไม่ได้ ถ้าไม่จี่หอยก็ตระเวนสอยตูด!
       
        นี่ถ้าคิดจะเอาดีทำเป็นอาชีพคงรวยแข่งกับ “พระเอกปากแดง” ผัวใหม่ “ม่ายตาโปน” ไปแล้ว (ถึงไม่เกี่ยวกันแต่ตูอยากพาดพิง 555555) เพราะรายนี้หน้าเงิน นี่ขนาดลงทุนหลอกม่ายตาโปนจนหลงเชื่อสนิทใจแล้วนะเนี่ย ไม่รู้เวรกรรมอะไรของสาวตาโปน มีผัวแต่ละคนก็มีแต่เรื่องขายหน้า คนแรกก็นักเลงหัวไม้ ผัวคนล่าสุดก็ดันมีประวัติจี่หอยสอยตูด พูดแล้วก็อดสูแทน
       
        อย่างว่าวัวเคยค้าม้าเคยขย่ม ถือซะว่าเป็นการบริหาร “ตอ” ให้เกิดประโยชน์สูงสุดก็แล้วกัน
       
        แต่อย่างหนึ่งที่พระเอกหน้าจืด กับพระเอกปากแดง เหมือนกัน ก็คือ ทั้งคู่เป็นขวัญใจกะเทยไฮโซ เพราะดูสะอาดน่าฟาด โดยไม่ต้องกลัวว่าจะติดโรค
       
        หนึ่งในกะเทยที่เคยด๊วบไข่ของพระเอกหน้าจืด ก็ “ขี้ข้าตาเหล่” สมุนปล้นชาติของไอ้ซินาอ้านั่นแหละ
       
        ก็อย่างที่รู้กันว่า นอกจากไอ้ตาเหล่จะเลวระดับชาติแล้วยังขี้เอาสุดๆ ยิ่งถ้าเป็นหนุ่มในวงการ บั้นเอวจะทำงานดีมาก กว้างคูณยาวเท่าไหร่ไม่วอร์รี่ แค่จัดถี่ๆ หนักๆ รับรองจ่ายไม่อั้น ครั้งนั้นพระเอกหน้าจืด ก็เลยได้ไปไม่น้อย แม่ง…เงินที่โกงแผ่นดินทั้งนั้น
       
        ส่วนหนึ่งเป็นเพราะช่วงนี้งานแสดงไม่มี ก็เลยไม่ต้องสร้างภาพมาก บวกกับยังไม่มีใครเป็นตัวเป็นตน ว่าแล้วพระเอกหน้าจืดก็เลยปลดปล่อยตัวเองเต็มที่ ล่าสุด พอต้องเดินทางไปร่วมทำกิจกรรมพบปะแฟนๆ กับดาราช่องน้อยสี พระเอกหน้าจืดก็เลยพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส อยากจะ “ล่อเป้า” นอกสถานที่ดูจั๊กดอก
       
        ว่าแล้วก็สั่งการให้ทีมงานหาตะบองมาถองดากให้หายอยาก ตกดึกถึงเวลานัดหมาย หนุ่มนิรนามก็ไปตามนัด แถมไม่พูดพร่ำทำเพลง ดิ่งเข้าไปเคาะประตูก๊อกๆ พร้อมปฏิบัติการเชิงรุก แต่ทันทีที่พระเอกหน้าจืดเปิดประตูออกมารับถึงกับผงะ เพราะไม่คิดว่านายหน้าจะจัดคนในวงการเดียวกันมาให้ ทำเอาพระเอกหน้าจืดม้วนไข่เก็บแทบไม่ทัน
       
        …นอกจากจะหน้าแตกแล้วยังอดแหกไข่คู่อีกต่างหาก
       
        แต่ใช่ว่าพระเอกหน้าจืด จะกลับไปไปนอนเจี๊ยวแห้งซะเมื่อไหร่ กลับโทร.ไปสั่งนายหน้าคนเดิมให้หาคนใหม่ให้ พร้อมระบุขอเป็นชาวบ้านที่ไม่มีพิษสง แต่งานนี้เหมือนจู๋ดวงตก เพราะอสุจิไม่ทันจะตกถึงท้อง คู่ขาหน้าละอ่อนเจือกตามมาเฝ้าไข่ถึงที่ สุดท้ายก็เลยต้องกลับไปล่อของเก่าด๊วบๆ
       
        ถือว่าชะตาจู๋ยังแข็ง ไม่งั้นมีหวังโดนจับตอนสดเป็นแน่ บรื๋อ…
       
        นี่ถ้ามีใครท้องโย้ขึ้นมาอีกซักคน ทริปนี้คงได้ตรวจดีเอ็นเอกันมัน ถ้าไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ทริปหน้านายใหญ่ก็ลงทุนซื้อถุงยางให้พกติดตัวไปเลย จะได้ไม่ต้องมาคอยตามแก้ปัญหาเหมือนใครบางคน

 

 
น้อง anywhere คือ...แอนนี่

ซูเปอร์สตาร์หน้าเกาหลี(พลีประตูหลังจนได้ดี ล่าสุดมีภรรยาลับๆนามว่า"เฮี้ยฮ้อ") คือ... ฟิล์ม(เสือไบ)

น้องแตงเน่า(พฤติกรรมเลวๆทำไมไม่ไปตอนรถคว่ำครั้งนั้น..) คือ...แตงโม

ผัวหน้าอ่อน(ลูกท่านกร) คือ...แต๊งค์

อดีตพระเอกหน้าจืด(เพิ่งจบจากกับหมอไคโร...) คือ...สาวพอล ภัทรพล

คุณป้าปากกว้าง(พิซซ่าใกล้เจ๊แล้วป้าเอ๊ย!!! รสชาติศุนัขไม่รับประทาน) คือ...เจ๊ตุ๊ก ญาณี

พระเอกปากแดง(ผมเคยเห็นหนุ่มคนนี้ไปลักลอบกินกับดาราชาย ท. ณ ฟิตเนสชื่อดัง) คือ...อั้ม อธิชาติ

ม่ายตาโปน(เจ๊ครับถ้าชายแท้มันหายากอยู่คนเดียวบ้างอะไรบ้างก็ได้นะครับ) คือ...นัท มีเรีย

ขี้ข้าตาเหล่(ทนายซึ่งคนกว่าครึ่งประเทศอยากเจอหน้าและฝากของไปให้นายเหลี่ยม) คือ...สุนัขรับใช้ ณพดล ปัถมะ

"องค์กรสตรี" รุมถล่ม "เฮียฮ้อ" เหยียดหยาม-ดูถูกเพศหญิง

Tuesday, September 28, 2010

"องค์กรสตรี" รุมถล่ม "เฮียฮ้อ" เหยียดหยาม-ดูถูกเพศหญิง ปลุกแบนศิลปิน-ผลงาน"อาร์เอส"

ศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็กและสตรีจ.ชุมพร ซัด"เฮียฮ้อ"ดูถูกเพศหญิงปลุกต้านศิลปิน-ผลงานค่าย"อาร์เอส"


จาก กรณีที่ นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ หรือ เฮียฮ้อ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทอาร์เอสฯ   แถลงอ้างว่า ได้ข้อมูลหลักฐานที่ระบุว่า เมื่อปี 2552 ที่ผ่านมา  แอนนี่ บรู๊ค นักแสดงสาว เคยคบกับเพื่อนชาย  4 คน ในเวลาเดียวกัน   และ บอกผู้ชาย 4 คนนี้ว่า ท้องด้วย ว่ พร้อมขอเงินแต่ละคน เป็นจำนวนคนละ  250,000  บาท ซึ่ง  2ใน4 คน  นั้น คือ  ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัย์ นักร้องนักแสดงชื่อดังในสังกัด และ จุ๊น-กิตติคุณ สัมฤทธิ์พันธ์สุข  นักแสดงหนุ่ม นั้น

 

เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 28 กันยายน  ที่ศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็กและสตรี รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ นางปทุมพร ทองภูเบศร์ เลขานุการศูนย์ฯ กล่าว ว่า การพูดดังกล่าวเป็นการดูถูกเหยียดหยามเกียรติของผู้หญิงมากที่สุดเท่าที่เคย พบมา และถือว่ามีความผิดทางหมิ่นประมาทซึ่งเป็นความผิดอาญาที่กฎหมายห้ามไม่ให้ พิสูจน์ข้อเท็จจริง เพราะถือว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคลที่กฎหมายห้ามไม่ให้นำไปพูดต่อบุคคลที่สาม หรือ ที่สาธารณะ ยิ่งการพูดผ่านสื่อมวลชนและนำไปโฆษณาเผยแพร่ทางสื่อต่างๆ ยิ่งเป็นความผิดที่ต้องรับโทษหนักขึ้น และถ้าเป็นความจริงก็ยิ่งมีความผิดมากขึ้น

 

นางปทุมพร กล่าวว่า ส่วนประเด็นทางจริยธรรม ผู้พูดมีอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการแสดง หรือ นักร้อง ที่สมควรมีภาพพจน์ที่ดีต่อประชาชน โดยเฉพาะเยาวชนของชาติ ดังนั้น การแถลงข่าวดังกล่าวถือว่าไม่เหมาะสม เป็นการเหยียดหยามดูหมิ่นเพศหญิง ต้องการเพียงรักษาผลประโยชน์ทางธุรกิจเท่านั้น ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้ต่อต้านผลงานของศิลปินสังกัดค่ายดังกล่าวทั้งหมด โดยเฉพาะนักร้องนักแสดงที่กำลังเป็นข่าว จะรณรงค์ไม่ให้ซื้อ หรือ บริโภคผลงานอีกต่อไปแม้แต่ชิ้นเดียว

 

"ศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็กและสตรี จ.ชุมพรเพิ่งกลับจากการไปเยี่ยมให้กำลังใจน้องแอนนี่ที่กรุงเทพฯ เมื่อถึงชุมพรได้ยินคำแถลงข่าวดังกล่าว จึงคิดว่าจะรวบรวมสมาชิกของศูนย์ฯเดินทางไปให้กำลังใจแก่แอนนี่อีกครั้ง และหากแอนนี่ต้องการทนายความก็จะช่วยหาให้ด้วย" นางปทุมพร กล่าว

 

มูลนิธิเพื่อนหญิงให้สังคมรุมประณาม"เฮีย ฮ้อ ยุ"แอนนี่" ฟ้องหมิ่นทำลายชื่อเสียงผู้หญิง ให้นึกถึงเด็ก

 

นางสาวสุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สตรี มูลนิธิเพื่อนหญิง กล่าวถึงกรณีที่นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ หรือ เฮียฮ้อ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทอาร์เอสฯ ออกมาอ้างว่า "แอนนี่" คบผู้ชายรวดเดียว 4 คนนั้น ว่า เป็นคำพูดหมิ่นประมาท การออกมากล่าวหาอย่างนี้มีแต่ทำให้ผู้หญิงเสียหาย เพราะการเอาเรื่องผู้หญิงคบผู้ชายออกมาพูด สังคมคงไม่ชื่นชม ตรงกันข้ามกลับ ตำหนิผู้หญิงมากกว่า
 

"ได้ให้คำแนะนำแอนนี่ไปว่า ถ้ามีใครออกมาสัมภาษณ์แล้วทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ก็ควรฟ้องคนที่ให้สัมภาษณ์กลับไปบ้าง หรือมีใครมาแสดงตัวเป็นพ่อแต่ไม่ใช่พ่อก็ควรฟ้องกลับไปเช่นกัน สำหรับกรณีการตรวจดีเอ็นเอ ตอนนี้สังคมเคลือบแคลงสงสัย ถ้าฝ่ายชายอยากตรวจจริงก็ควรไปทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย ให้ไปใช้สิทธิทางศาล เพราะเรื่องจะจบง่ายขึ้นถ้าเรื่องดำเนินการอย่างถูกต้อง การเอาแต่ออกมาพูดแถลงข่าวเป็นการเพิ่มปัญหาให้บานปลาย ไม่เป็นประโยชน์กับใคร สังคมฟังเรื่องนี้ต้องไตรตรองด้วย"
 

นางสาวสุเพ็ญศรี กล่าวอีกว่า เดือนหน้าเป็นเดือนยุติความรุนแรงต่อสตรี สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างแอนนี่กับฟิล์มเป็นความรุนแรงอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าเรื่องนี้จะจบอย่างไร แต่ที่สำคัญที่สุดอยากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของเด็ก เคารพสิทธิเด็กด้วย เรื่องนี้ไม่ใช่การตลาด
 

"ได้บอกกับแอนนี่ไปว่า สิ่งที่เกิดขึ้น กรณีนี้ไม่ใช้กรณีแรกที่เจอ จากประสบการณ์ คนที่ชอบทิ้งลูก ไม่รับผิดชอบลูก ไม่เห็นได้ดีสักคน อยากให้อดทน ใครพูดอะไรก็ให้นิ่งเสียอย่าไปให้ความสำคัญ ให้อยู่กับลูกและใช้สติยั้งคิด"

“ผกก.GTH” โต้ข่าวเมาแล้วรั่วฟูมฟายหวั่นเป็นพ่อลูก “แอนนี่”

"บอล วิทยา" ผู้กำกับ GTH โต้ข่าวเมาแล้วรั่วฟูมฟายหวั่นเป็นพ่อลูก "แอนนี่" เผยแค่มุกตลกในวงเหล้า รับรู้จักกันจริงแต่แค่ไปปาร์ตี้กินเหล้าด้วยกัน ยันไม่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง ยินดีให้ตรวจดีเอ็นเอ
       
       มีรายชื่อหนุ่มๆ ที่เกี่ยวข้องกับ "แอนนี่ บรู๊ค" ต้อง สงสัยว่าจะเป็นพ่อของ "ทีฆายุ" โผล่ขึ้นทุกวันเลยทีเดียว หลังจากที่ "เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์" ผู้บริหาร ค่ายอาร์เอสออกตัวแรงแถลงข่าวเองว่า แอนนี่มีการเรียกร้องเงินผู้ชายถึง 4 คนเพื่อให้รับผิดชอบเรื่องตนเองท้องนั้น ล่าสุดก็มีกระแสข่าวว่า "บอล วิทยา ทองอยู่ยง" ผู้กำกับค่าย GTH ที่เคยมีผลงานกำกับหนังแฟนฉัน , เก๋าเก๋า , บ้านฉันตลกไว้ก่อนพ่อสอนไว้ฯลฯ นั้นไปกินเหล้ากับเพื่อนผู้กำกับ และมีการร้องไห้ฟูมฟายด้วยความเครียดหวั่นว่า ตนเองอาจจะเป็นพ่อของลูกแอนนี่ และมีการหยิบรูปในหนังสือพิมพ์ของลูกชายแอนนี่เอามาเปรียบเทียบว่า หน้าเหมือนตนหรือไม่ จนกลายเป็นที่เม้าท์กระจายในหมู่ผู้กำกับ
       
       สอบถามไปที่ผู้กำกับคนดัง เจ้าตัวยอมรับว่ารู้จักกับแอนนี่จริงในช่วงปีที่แล้วเดือนกันยายน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คาดว่าแอนนี่จะตั้งครรภ์พอดี แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้มีความสัมพันธ์กันลึกซึ้ง เป็นเพียงเพื่อนร่วมวงเหล้าเท่านั้น ส่วนเรื่องที่ตนเองไปกินเหล้าแล้วฟูมฟายเรื่องแอนนี่นั้นเป็นแค่มุกตลกในวง เหล้าเท่านั้น เผยแอนนี่เป็นคนตลกชอบปล่อยมุกทะลึ่ง แต่ตอนหลังชวนไปร่วมปาร์ตี้แล้วไม่มาจนกระทั่งห่างหายกันไป จนกระทั่งทราบข่าวอีกครั้งว่ามีลูกกับ "ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์"
       
       "มีชื่อผมด้วยหรือครับ คือผมรู้จักแอนนี่ครับเคยร่วมวงเหล้าเดียวกันเพราะเป็นแก๊งโปรดักชั่น คือทีม หนังผม(บ้านฉันตลกไว้ก่อนพ่อสอนไว้)ไปรู้จักกับทีมละคร(ปีศาจแสนกล)ของแอ นนี่ เคยกินเหล้าร่วมกัน คือแอนนี่เขาเป็นคนตลกน่ะครับ เวลาอยู่ในวงเหล้าเขาก็ปล่อยมุกโน่นนี่อะไรของเขาไป แต่ผมก็ไม่ได้สนิทกับเขาจนถึงขั้นไปหาที่ห้อง คอนโดอยู่ไหนผมยังไม่รู้เลยครับ"
       
       "ช่วงนั้นที่ผมเจอเขาเป็นช่วงที่ผมถ่ายหนังปีที่แล้วประมาณ กันยา-ตุลา ก็มีโอกาสเจอเขาครั้งสองครั้งก็ไม่ได้เจออีกเลย ช่วงนั้นก็เป็นช่วงที่เขาถ่ายละครกับฟิล์มด้วย พอว่างๆ ทีมโปรดักชั่นเราเป็นทีมเดียวกันก็เลยมาปาร์ตี้กัน"
       
       "ตอนนั้นผมก็ไม่รู้หลอกครับว่าเขาคบใคร เขาก็ไม่ได้พูดอะไรให้ฟัง แต่คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องธรรมดาของดารา ตอนนั้นในวงเหล้าก็เห็นเขาแชตบีบีตลอดเวลา แต่ไม่รู้ว่าแชตกะใคร ผมไม่ได้รู้เรื่องส่วนตัวของเขาไม่ได้รู้ลึก คือไปกินเหล้ากับแก๊งพวกนี้แล้วสนุกครับ"
       
       ยันไม่ได้ปิ๊งหรือมีความสัมพันธ์กับ "แอนนี่"
       "เวลาอยู่ในวงเหล้าก็มีแบบแซวๆ กันแต่ไม่ได้มีอะไรก็แค่นั้นแหละครับ เราก็แค่ปาร์ตี้กินเหล้ากันครับ คนเห็นก็จะพูดกันว่าผมกินเหล้ากับดาราคนก็จะแซวๆ เม้าท์ๆ แค่นี้ ส่วน เรื่องที่บอกว่าผมไปเมาเหล้าเพราะเครียดที่แอนนี่ท้องกลัวว่าจะเป็นลูกผม นั้น คือจริงๆ แล้วมันเป็นบรรยากาศกินเหล้าน่ะครับ ก็จะเม้าท์ๆ กันไปเรา ผมก็แค่เม้าท์เล่นๆ ว่า เดี๋ยวผมไปตรวจดีเอ็นเอด้วยดีกว่า มันเป็นแค่มุกตลกของเรา แต่จริงๆ ผมก็ไม่อยากเล่าเรื่องนี้หรอกนะ เพราะเดี๋ยวคนก็จะว่าเราเอาเรื่องความทุกข์คนอื่นมาพูด แต่มันเป็นแค่การพูดเล่นกันเฉพาะเพื่อนฝูงจริงๆ ผมก็ไม่รู้ว่าเรื่องนี้มันหลุดไปวงนอกได้ยังไง"
       
       "เรื่องของแอนนี่กับฟิล์มตอนนั้นผมไม่รู้เรื่องเขาเลย พึ่งมารู้ตอนที่เป็นข่าวนี่แหละ มีคนโทรมาถามว่าอ่านหนังสือพิมพ์หรือยังเราก็อ้าวเหรอ... แต่ผมก็ไม่เคยเจอฟิล์มในแก๊งนะ เคยเจอแต่กะเทยโปรดักชั่นอยู่กับแอนนี่มากกว่า แอนนี่เขาจะเป็นคนตลกชอบเล่นมุกทะลึ่งๆ หน่อยแบบตลกเลย แล้วผมมี น้องโปรดักชั่นคนหนึ่งที่สนิทกับเขา เราก็เลยได้ไปสังสรรค์กันครั้งหนึ่งก็รู้สึกว่าสนุกดี และผมก็มีร้านอยู่ร้านหนึ่งก็บอกให้เขาตามมาสิ เขาก็มาดื่มมาปาร์ตี้กัน แต่ ตอนหลังเขาไม่มามีคนบอกว่าเขาไปอยู่เมืองนอกแล้ว พอมีข่าวนี้หลุดมาเราก็เลยต่อสตรอรี่ออกมา"
       
       "กับสิ่งที่เกิดขึ้นผมก็รู้สึกเห็นใจทุกคนนะครับในฐานะเพื่อนมนุษย์ จริงๆ แล้วการตรวจดีเอ็นเอก็ไม่รู้จะจบหรือเปล่า เพราะผลออกมามันต้องมีคนใดคนหนึ่งที่เป็นด้านลบ แต่ถ้าเป็นแบบนี้ก็เสมอตัว ก็อยากให้เขาได้อยู่กับตัวเองได้คิดได้คุยกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมว่าเด็กน่ารักครับ สุดท้ายเรื่องจบยังไงไม่รู้แต่ผมว่าเด็กคนนี้เป็นของขวัญของคนที่เป็นพ่อ เป็นแม่"
       
       "และถ้าแอนนี่มีอะไรให้ช่วยเหลือไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินหรือคำปรึกษา ผมก็ยินดีช่วยเท่าที่กำลังของเราจะมี ก็ยืนยันครับว่าผมไม่ใช่ 1 ใน 4 ที่เป็นข่าวและแอนนี่ก็ไม่ได้มาขู่เอาเงินกับผม ขนาดกินเหล้ายังแชร์กันเลยครับ คือเรื่องผู้หญิงกับผมนี่ผมไม่ได้มีความสามารถด้านนี้ แต่ถ้าจะให้ตรวจดีเอ็นเอก็ได้ครับไม่มีปัญหา"

"จุ๊น"ลั่นไม่มีสัมพันธ์ลึกซึ้ง"แอนนี่" วอนทุกฝ่ายหยุด

"จุ๊น"ลั่นไม่มีสัมพันธ์ลึกซึ้ง"แอนนี่" วอนทุกฝ่ายหยุด ดาราสาวไม่โต้"เฮียฮ้อ"บอกพูดความจริงหมดแล้ว

"จุ๊น"ลั่น ไม่มีสัมพันธ์ลึกซึ้งแอนนี่วอนทุกคนหยุดสงสารนักแสดงสาว-ลูก

 

"จุ๊น" กิตติคุณ สัมฤทธิ์พันธ์สุข นักแสดงหนุ่ม ให้สัมภาษณ์ที่สยามพารากอน เมื่อวันที่ 28 กันยายนถึงกรณีที่นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ หรือเฮียฮ้อ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท อาร์เอสฯ เปิดเผยเป็น 1 ใน 4 ผู้ชายที่มีความสัมพันธ์กับแอนนี่ บรู๊ค นักแสดงสาว ว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแอนนี่ รู้จักกันแต่ไม่สนิท เคยเจอกันแต่นานมาแล้ว ขอยืนยันว่าไม่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งแต่อย่างใด


ผู้สื่อข่าวถามถึงการตรวจดี เอ็นเอพิสูจน์ความเป็นพ่อของลูกแอนนี่ จุ๊น กล่าวว่า ไม่มีความสัมพันธ์กันจะไปตรวจทำไม ส่วนกรณีที่เฮียฮ้อ กล่าวพาดพิงนั้นเป็นเด็กเคารพผู้ใหญ่ ไม่ขอพูดพาดพิงถึงคนที่สาม ทั้งหมดได้ปรึกษาผู้ใหญ่แล้วจึงได้ออกมาอธิบายหลังจากเรื่องแรงขึ้นเรื่อยๆ

 

"ประเด็นที่ว่าไปอเมริกา ไม่ได้ทำอะไรไม่จำเป็นต้องหลบ ไม่รู้ว่าจะไปอเมริกาทำไม"

 

ส่วนที่จะฟ้องเฮียฮ้อหรือไม่นั้นเป็นหน้าที่ของผู้ จัดการส่วนตัว อย่างไรก็ตาม เมื่อเช้าคนสนิทได้ต่อ โทรศัพท์ให้คุยกับแอนนี่ คำแรกที่ตนถามแอนนี่คือ "ป้าเป็นอย่างไรบ้าง"


ผู้สื่อข่าวถามว่าแอนนี่เรียกเงิน 2.5 แสนบาทจริงหรือไม่ จุ๊น ได้ถามนักข่าวกลับว่า "ถ้ามีคนมายืมเงินพวกพี่ๆ 2.5 แสนบาทพี่จะให้หรือเปล่า ยิ่งผมเป็นคนงกด้วย"


กิตติคุณ ยังได้ปฏิเสธข่าวเฮียฮ้อจ้าง 10 ล้านให้เป็นพ่อของลูกแอนนี่ด้วย "ครอบครัวสอนให้ผมเป็นคนที่เงินซื้อไม่ได้ ข่าวมั่ว ถ้าจ้างจริงก็ซื้อไม่ได้"

 

"สงสารแอนนี่และน้อง ทุกคนควรให้กำลังใจมากกว่า ที่มาแถลงข่าวเพราะต้องการเคลียร์ข่าว เป็นผู้ชายไม่เสียหาย แต่แอนนี่เป็นผู้หญิงเสียหายกว่า ขอให้ทุกคนหยุด"

 

"แอนนี่" ไม่ตอบโต้ "เฮียฮ้อ"แฉสัมพันธ์ 4 หนุ่ม ลั่นพูดความจริงหมดแล้ว ไม่รู้จัก"จุ๊น"เครียดสื่อตาม

 

 

จากกรณีที่ นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ หรือ เฮียฮ้อ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทอาร์เอสฯ   แถลงอ้างว่า ได้ข้อมูลหลักฐานที่ระบุว่า เมื่อปี 2552 ที่ผ่านมา  แอนนี่ บรู๊ค นักแสดงสาว เคยคบกับเพื่อนชาย  4 คน   และ บอกผู้ชาย 4 คนนี้ว่า ท้องด้วยว่า พร้อมขอเงินแต่ละคน เป็นจำนวนคนละ  250,000  บาท ซึ่ง  2ใน4 คน  นั้น คือ  ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัย์ นักร้องนักแสดงชื่อดังในสังกัด และ จุ๊น-กิตติคุณ สัมฤทธิ์พันธ์สุข  นักแสดงหนุ่ม นั้น


แอนนี่ บรู๊ค ให้ สัมภาษณ์ กับ"มติชน" ว่า ไม่ขอออกความเห็นใดๆ เรื่องที่นายสุรชัย แถลง เพราะที่ผ่านมาพูดความจริงไปหมดแล้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเรื่องแบบนี้ออกมาอีก
 


"ไม่สะดวกจะพูดจริงๆ เพราะตอนนี้เครียดมาก นักข่าวตามมาเฝ้าที่บ้านอีกแล้ว อยากขอว่าให้แอนนี่ได้ออกไปนอกบ้านบ้าง ตอนนี้จุกนมลูกพัง อยากออกไปซื้อใหม่" แอนนี่กล่าว

 

 อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ แอนนี่เคยตอบคำถามเรื่องสัมพันธ์กับจุ๊น กิตติคุณว่า รู้ว่าเป็นดารา แต่ไม่รู้จักเป็นส่วนตัว

"แอ นนี่"ลั่นดีเอ็นเออยู่บนหน้าลูก

 

ก่อนหน้านี้ ที่ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัลพระราม 2 เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 27 ก.ย. ที่ผ่านมา  น.ส.รุ่ง นภา แก้วไทรหาญ หรือแอนนี่ บรู๊ค นักแสดงสาว ให้สัมภาษณ์ก่อนบันทึกเทปรายการตีสิบ ถึงการตรวจดีเอ็นเอเพื่อยืนยันฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ นักร้องชื่อดัง เป็นพ่อของลูกชายว่า เลยจุดที่ต้องตรวจดีเอ็นมาแล้ว ถ้าฟิล์มจะตรวจ อยากถามว่าจะตรวจเพื่ออะไร


เมื่อถามว่าที่แอนนี่เคยบอกว่าตรวจหรือไม่ตรวจดี เอ็นเอ มีผลเท่ากัน หมายความอย่างไร นักแสดงสาวกล่าวว่า ตอนอ่อนแอที่สุดอยากได้ใครสักคน ก็ไม่ได้ แต่วันนี้เข้มแข็งที่สุดแล้ว ไม่ต้องการใครทั้งนั้น สามารถยืนด้วยขาด้วยตัวเอง ดูแลลูกได้ ไม่ต้องมาความช่วยเหลือจากใครทั้งสิ้น ทั้งนี้ มีมูลนิธิเพื่อนหญิงต่อติดให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมาย แต่ตนเห็นว่าการขึ้นศาลดูเยอะไปสำหรับผู้หญิงตัวคนเดียว


"ทุกวันนี้ก็เหมือนเดิมตลอด 1 ปีที่ผ่านมา แอนนี่ต้องติดคุกที่เรียกว่าบ้าน แอนนี่อยากออกตีสิบเพื่อเคลียร์ตัวเอง อยากพาลูกออกไปเดินเล่นนอกบ้านบ้าง อยากพาลูกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ที่ไม่ใช่พัดลมบ้าง อยากพาไปสวนสัตว์บ้าง"


เมื่อถามว่า มีคนมองว่าแอนนี่คบผู้ชายหลายคน ลูกอาจไม่ใช่ลูกของฟิล์ม นักแสดงสาวกล่าวว่า เมื่อวานก็คืออดีต 4-5ปีที่ผ่านมาก็คืออดีต ถ้าหนูคบใครก็คงมีข่าวซุบซิบไปแล้ว เพราะความลับไม่มีในโลก


"การพูดให้ตรวจดีเอ็นเอ เป็นคำด่าที่สุภาพมาก ว่าหนูเป็นผู้หญิงไม่ดี ถามว่า 4-5ปีหนูเคยมีประวัติเสียบ้างไหม"


ต่อข้อซักถามว่า มีกระแสข่าวว่าแอนนี่เคยมีความสัมพันธ์กับ จุ๊น กิตติคุณ สัมฤทธิ์พันธุ์สุข นักแสดงหนุ่ม แอนนี่กล่าวว่า "จริงหรือ ไม่เคยรู้จัก เขาเป็นดาราใช่ไหม แอนนี่ก็รู้จักแค่ว่าเขาเป็นดารา ไม่เคยคุยกันเป็นการส่วนตัวเลย เคยเห็นเขามานั่งเล่นที่บ้านชลลัมพีแค่ครั้งเดียว 4-5ปีที่ผ่านมาหลังจากรับบทตลกหญิง แอนนี่ไม่เคยทำตัวเสียหาย ทิ้งภาพเซ็กซี่สตาร์ไปหมด ในกมลสันดานไม่ได้อยากทำแบบนั้น ในเมื่อต้องทำงานเลี้ยงแม่ ภาพที่ออกมา 4-5ปี ก่อน จึงเป็นแบบนั้น แต่ตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา เราคบหาดูใจกับฟิล์มคนเดียว"


"1ปีที่ผ่านมา พิสูจน์ความจริงได้ เมื่อหนูออกมาพูดความจริงก็ทำร้ายเขาอยู่แล้ว ถามว่าตั้งใจไหม ก็ไม่เคยตั้งใจเลย ถ้าเรื่องลูกไม่แดงขึ้นมา หนูไม่รู้ว่าจะต้องปิดอีกกี่ปี หรือต้องปิดไปอีกตลอดชีวิต"


เมื่อถามว่า อะไรเป็นจุดที่แอนนี่ออกมาเปิดเผยความจริง แอนนี่กล่าวว่า เคยบอกกับเขาว่าถ้าวันหนึ่งเรื่องแดงขึ้นมา จะบอกว่านาย ก. นาย ข. เป็นพ่อเด็ก แต่ถ้านักข่าวไปรู้ความจริงว่าใครเป็นพ่อ แล้วมาถามตน ตนจะกลายเป็นคนโกหก ลูกเองก็ต้องรู้ว่าใครเป็นพ่อ จะบอกลูกว่าพ่อเป็นฟิล์ม


"ถ้าเราเคลียร์เรื่องนี้ตั้งนานแล้ว คงไม่มาไกลจนถึงวันนี้ ความรู้สึกของหนูจบนานแล้ว หนูคิดว่าเรื่องทั้งหมดคงจบ ถ้าเราได้คุยกัน แต่มีตัวกลาง ตัวแปรเยอะ คงไม่มีการพูดคุย 2 คนอีกแล้ว"


ถามว่าตัวแปรคือใคร แอนนี่กล่าวว่า บางคนโทรมาบอกว่าฟิล์มพูดถึงเรื่องบนเตียง ตนคิดว่าจริงไม่จริงอย่างไร ผู้หญิงก็เสียหาย ตนก็เสียหายอยู่ดี


เมื่อถามว่า สัญญาที่ฟิล์ม ให้คืออะไร นักแสดงสาวกล่าวว่า "อดทนนะ เพราะคุณคือแม่ของลูกผม เท่านั้นแหละ หนูถวายหัวเลยล่ะ หนูให้ชีวิตหนูได้เลย" อย่างไรก็ตาม ยอมรับไม่เคยคุยเรื่องแต่งงานกัน เพราะตนเชื่อว่าการแต่งงานไม่ใช่เรื่องสำคัญ ใจและความสัมพันธ์สำคัญกว่า


เมื่อถามว่า ยังรักฟิล์มอยู่หรือไม่ แอนนี่อึ้งไปสักครู่ก่อนตอบว่า "ทั้งรักทั้งชัง แต่ไม่ได้แค้น ไม่เหมือนหนังจีน"


ต่อข้อซักถามว่า ในวันที่ 28 ก.ย. ฟิล์มและนายสุรชัย เชษฐ์โชติศักดิ์ ประธานกรรมการบริหารบริษัทอาร์เอส จำกัด (มหาชน) จะแถลงข่าว อยากบอกอะไร นักแสดงสาวกล่าวว่า "ทุกเรื่องไม่ได้จบลงแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง ตัวเขายังต้องไปอีกไกล มีงานโกอินเตอร์อีก แต่อยากให้เขาลองมองเข้าไปในหัวใจตัวเองลึกๆ ว่าลูกคนนี้เป็นลูกของคุณหรือไม่ ถ้าคิดว่าไม่ใช่พ่อเด็กก็ไม่เป็นไร ถ้าคิดว่าใช่ก็ใช่ แต่อยากให้ลองมองลงไปในลึกๆ ก่อน"


"ดีเอ็นเออยู่หน้าลูกของหนู หมดแล้ว ทุกคนเกิดมาไม่ใช่หน้าเหมือนกัน" เมื่อถามว่าโตขึ้นจะพาลูกไปหาพ่อหรือไม่ แอนนี่กล่าวว่า "พ่อจะมาหาเขาไหมล่ะ" ทั้งนี้ แอนนี่กล่าวว่า ฟิล์มได้ตั้งชื่อลูกชายว่า "สตาร์" ในวันแรกที่เห็นหน้าลูก


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า ฟิล์มจะตามไปตอนบันทึกเทปรายการตีสิบ แต่ต่อมาทางอาร์เอสได้ยืนยันว่า นักร้องหนุ่มไม่มาแต่อย่างใด

เฮียฮ้อ"อ้าง"แอนนี่"คบผู้ชาย4คน ขอเงินคลอดลูกคนละ2.5แสน "จุ๊น"โดนด้วย คนใกล้ชิดโต้ไม่จริง

เฮียฮ้อ"อ้าง"แอนนี่"คบผู้ชาย4คน ขอเงินคลอดลูกคนละ2.5แสน "จุ๊น"โดนด้วย คนใกล้ชิดโต้ไม่จริง

ที่อาคารเชษฐโชติศักดิ์ 3  บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ หรือ เฮียฮ้อ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทอาร์เอสฯ  ได้แถลงถึงกรณี ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ นักร้อง นักแสดง ชื่อดังในสังกัด มีความสัมพันธ์กับ แอนนี่ บรู๊ค นักแสดงสาว จนมีลูกด้วยกัน  ว่า สิ่งที่ตนมีข้อมูลและอยากจะเรียนว่าในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ตนได้ทราบว่าแอนนี่คบกับเพื่อนชายจำนวนมากน้อยเท่าไร แต่สิ่งที่ยืนยันได้คือตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนจนถึงธันวาคมปี 52 แอนนี่ได้พูดกับผู้ชาย 4 คน ในลักษณะเดียวกันและรูปแบบเดียวกัน

"โดยการไปบอกผู้ชาย 4 คนนี้ว่าท้องด้วย ว่าเป็นลูกผู้ชายแต่ละคน และขอเงิน 250,000 2ใน4ที่เฮียสามารถเผยแพร่ได้ หนึ่งในนั้นคือฟิล์ม 2.คือคุณจุ๊น (กิตติคุณ สัมฤทธิ์พันธ์สุข  นักแสดงหนุ่ม)"


"ถ้าเรามองในอีกมุมหนึ่ง ถือว่าฟิล์มและจุ๊นเป็นคนที่น่าสงสาร ที่พูดถึงจุ๊น แต่สิ่งที่อยากยืนยันเฮียได้พูดคุยกับผู้บริหารช่อง 3 แล้ว ยืนยันว่าจุ๊นเองได้มาเล่าความจริงทั้งหมดที่เกี่ยวกับตัวเขาให้ผู้บริหาร ฟัง เฮียคิดว่าทั้งจุ๊นและฟิล์มคือเหยื่อ ของการกระทำครั้งนี้ อารมณ์เดียวกันเมื่อครั้งแรกก็ตกใจ กลัวอนาคต กลัวชื่อเสียง แก้ปัญหาในแนวทางคล้ายๆกัน แต่เป็นแนวทางที่ผิดในความคิดผู้ใหญ่ ฟิล์มเองก็ยอมทุกอย่างและเข้าไปช่วยเหลือดูแล ส่วนจุ๊นเองใช้วิธีหนีไปต่างประเทศ และโอนเงินกลับมาให้รวมแล้ว 2 แสนกว่า ข้อมูลที่มีจะสะท้อนพฤติกรรม มีการยืนยันแล้วจากผู้ใหญ่ อีก 2 ละไว้ไม่พูด รอให้เขาพร้อมเปิดเผยตัวก่อน" นายสุรชัย กล่าว


นอกจากนี้ เฮียฮ้อ กล่าวถึงอนาคตทางการทำงานของฟิล์ม ว่า หลังจากสั่งพักงานชั่วคราวเพื่อให้ฟิล์มจัดการปัญหา ซึ่งเขาได้จัดการปัญหาต่างๆ เห็นว่าเขาเข้าใจปัญหาทุกอย่าง และออกมารับผิดแล้ว ถือว่า 10 วันที่ผ่านมาฟิล์มและครอบครัวมีความทุกข์ สิ่งหนึ่งที่เราได้เห็นแล้วว่า ฟิล์มและครอบครัวได้แสดงออกถึงความผิดชอบในทุกกรณีไม่มีเงื่อนไข แต่ปัญหาไม่จบด้วยคนๆ เดียว


"ทางผู้บริหารของอาร์เอส ได้ตันใจว่า เราจะคืนโอกาสให้ฟิล์ม คงเรียกฟิล์มเข้ามาคุย งานที่คิดว่าให้ทำได้ ที่ไม่ส่งผลกระทบไม่ทำให้เสียหายก็ให้ทำ ่ช่วงที่หยุดไป 10 ก็มีงานบางตัวที่หยุดไปแล้ว บางงานเราก็ยกเลิกไปแล้ว ดังนั้นการกลับมาของฟิล์มครั้งนี้ ตัวเขาเองก็ต้องยอมรับมันจะต้องมีเงื่อนไข" นายสุรชัย กล่าว


อย่างไรก็ตาม นายสุรชัยยังได้ฝากข้อความไปยังแอนนี่ ว่า "เฮียว่า ควรจะหยุดพฤติกรรมได้แล้ว และออกมาสารภาพพูดความจริงกับสังคม แม้ว่าวันนี้จะสายเกินไปแล้ว แต่ยังมีโอกาส สิ่งต่างๆ ที่ทำไปไม่ถูกต้อง แก้ไขได้ สุดท้ายแล้วสังคมคงให้อภัย เรื่องนี้มีเด็กคนหนึ่งเกิดขึ้นมา สิ่งที่ต้องรีบจัดการคืออย่าทิ้งปัญหาทุกอย่างไว้ที่เด็ก และให้เด็กคนนี้เติบโตมาพร้อมปัญหา ผู้เกี่ยวข้องเข้ามาพัวพันก็ได้รับผลกระทบตามๆ กัน มากบ้างน้อยบ้าง"

เมื่อผู้สื่อข่าวถามการคืนงานให้ฟิล์มมีเงื่อนไข อย่างไร นายสุรชัย กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับความพอใจของผู้ร่วมงาน ว่าเขาร่วมงานแล้วจะสบายใจไหม ซึ่งทุกงานที่เคยเป็นของฟิล์ม ไม่ใช่ว่าจะกลับมาเป็นของฟิล์มเหมือนเดิม ทั้งนี้ยอมรับว่า ระหว่างการสั่งพักงานฟิล์ม 10 วัน ทำให้เสียรายได้จากการยกเลิกงานแสดงทั้งหมดตั้งแต่กลางเดือนกันยายนจนถึง ตุลาคม มูลค่ากว่าล้านบาท และงานพรีเซนเตอร์สินค้า 3 ตัว เป็นเงิน 5-6 ล้านบาท


อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวใกล้ชิดกับ "จุ๊น" เปิดเผยกับ "มติชน" ว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง

พระเอกนะยะ แอ๊บแมน โดนเกย์คู่ขาแฉแหลก

Monday, September 27, 2010

 ยินดีที่ไม่รู้จัก....ไม่รู้จัก
     เพลงนี้เขาดังเปรี้ยงปร้างเป็นพลุแตก ลูกเด็กเล็กแดงคนไหนก็ต้องร้องเพลงนี้ได้กันทั้งนั้น ขนาด ด็อกเตอร์เห็ด กับ นังชะนีหน้าดำ ยังพร่ำเพ้อร้องเพลงนี้กับเขาด้วย ก็แหม..กระแสเขากำลังอินเลยขอหยิบเพลงนี้มาฮัมซะหน่อย ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแค่คลำดูว่าไม่มีหางจะรู้จักหรือไม่รู้จักก็ผสมพันธ์กัน ได้หมดแล้ว เหมือนกับ ไอ้พระเอกนะยะ คนที่จะเล่าต่อไปนี้ ฮีมีดีกรีเป็นถึง พระเอกแถวหน้าของช่อง กว่าที่ฮีจะมาถึงวันนี้ได้ก็ต้อง ปากกัดตีนถีบ มากโขอยู่

     พระเอกนะยะ คนนี้เข้าวงการมาด้วยการเป็น เด็กบาร์โชว์ของลับ ด้วยความที่หน้าดูเข้มๆ ไม่ออกสาว กระตุ้งกระติ้ง เหมือนเด็กบาร์คนอื่นๆ ทำให้ฮีกลายเป็นดาวของบาร์นี้ไปโดยปริยาย แล้วฮีก็ต้องไปนอนกับเกย์หนุ่มเกย์แก่เพื่อแลกกับเศษเงินอันน้อยนิด           แต่ ฮีก็มีความทะเยอะทะยานพอตัว ด้วยการ หลอกล่อ ลูกค้าให้กินอาหารหรูๆ เพื่อจะได้อัพเกรดตัวเองให้ดูดี แล้วแผนของฮีก็เป็นผลเมื่อได้พบกับลูกค้า กะเทยกระเป๋าหนัก จะต้องบอกว่าลูกค้าคนนี้มาดดีมากๆ เหมือนเป็นเจ๊ใหญ่ของวงการบันเทิงเลยก็ว่าได้ แล้ว เจ๊กะเทย นางนี้ก็ติดใจในรส สากกระเบือ ของไอ้หมอนี่ จนติดงอมแงม เรียกว่าทุกคืนจะต้องแวะมาหาเอาเงินมาให้ใช้เกือบทุกคืน แล้ว พระเอกนะยะ คนนี้ก็ออดอ้อน ทำเอา เจ๊กะเทย ใจอ่อน เอาออกจากบาร์เพื่อเลี้ยงเป็นตัวเป็นตน พาออกงานสังคมต่างๆ มากมาย จนทำให้ พระเอกนะยะ คนนี้ได้เข้าวงการสมใจอยาก

     แต่จะให้บอกทุกคนว่าเป็น เด็กเจ๊ ก็คงจะไม่ได้ เลยต้องแสร้งออกอุบายว่าเป็นเด็กในสังกัดเจ๊เอง จนได้เข้าไปเซ็นสัญญากับทางช่องสมใจ ได้เล่นละครหลายต่อหลายเรื่องจนมีชื่อเสียงโด่งดัง

     เหมือนเส้นทางในวงการบันเทิงจะโรยด้วยกลีบกุหลาบแล้ว แต่เหมือนสวรรค์กลั่นแกล้ง เมื่อ พระเอกนะยะ แอบคบกับ เพื่อนเกย์ คนหนึ่ง ไอ้หมอนี่หน้าตาดีมากๆ ดีกรีเป็นถึงลูกครึ่งญี่ปุ่นผสมฮ่องกง ใครเห็นเป็นต้อง น้ำลายไหล อยากจะได้ ลิ้มรสสาก ของไอ้หมอนี่ แล้ว พระเอกนะยะ กับเด็กบาร์ก็แอบคบหาดูใจกันโดยที่ไม่ให้ เจ๊กะเทย คนนี้รู้ระแคะระคายเลยแม้แต่น้อย

     อย่างว่าความลับมันไม่มีในโลกหรอก ระหว่างที่ พระเอกนะยะ กำลังเริงรัก หักสวาท อยู่กับ เด็กบาร์หน้าญี่ปุ่น คนนี้ บทรักของหนุ่มหล่อกับหนุ่มเท่ห์ก็ ละเลง กันอย่าง ถึงพริกถึงขิง ไม่รู้ไม่ตายอดตายอยากที่ไหนมา ถึงได้ป๊าบๆ กันอย่างสนุกสนาน เสียวซ่าน ได้ถึงเพียงนี้ ระหว่างที่เกย์ 2 คนกำลัง กอดรัดฟัดเหวี่ยง อยู่นั้น ประตูห้องนอนบานใหญ่ก็ถูกแง้มออกมา ร่างควายๆ ของ เจ๊กะเทย คนนี้ก็ปรากฎขึ้น แล้วก็แผดเสียงกรี๊ดเหมือน กะเทยถูกลงแขก แล้วเจ๊คนนี้ก็เข้าไปอาละวาด ทั้งที่คู่เกย์คู่นี้กำลัง ปฏิบัติภารกิจค้างๆ คาๆ เล่นเอาทุกสิ่งทุกอย่างหดไปในพริบตาเพราะเสียงกะเทยของเจ๊คนนี้นั่นแหละ แล้ว พระเอกนะยะ ก็ลุกขึ้นมาเอาหมัดตะบันไปที่หน้า เจ๊กระเทย คนที่มีบุญคุณที่สุดในชีวิต เล่นเอาเกย์คู่ขาถึงกับอึ้งนั่งตัวสั่นอยู่บนเตียง ไม่นึกว่าจะต้องมาเห็น ฉากบู๊ จะจะอย่างนี้

     แล้ว พระเอกนะยะ ก็ลุกขึ้นไปตะโกนด่าทอ เจ๊กะเทย คนนี้อย่างสาดเสียเทเสีย เล่นเอาเจ๊ถึงกับน้ำตาไหลไม่นึกว่าไอ้ผู้ชายที่เคยลากออกมาจากโคลนตม จะมาทำให้เจ็บใจได้ขนาดนี้ เห็นทีแค้นนี้ต้องชำระซะแล้ว พอกลับถึงบ้าน เจ๊กะเทย ก็ได้แต่นั่งร้องห่มร้องไห้ เสียดายผู้ชายที่ตัวเองอุตส่าห์ขุดมาเข้าวงการ แต่คนรักกันก็ต้องยอมได้ทุกอย่างแค่ พระเอกนะยะ เข้ามาง้อขอกลับตัวกลับใจเป็นคนดี และกำชับว่าจะเลิกกับ คู่ขาเกย์ คนนี้ อย่างเด็ดขาด แล้ว เจ๊กะเทย ก็ยอมใจอ่อนกลับมารักกันเหมือนเดิม

     ครบรสจริงๆ หนังชีวิตของดาราคนนี้  

 

“แอนนี่” ย้ำไม่ตรวจดีเอ็นเอจะบอกลูก “ฟิล์ม” เป็นพ่อ ปัด “จุ๊น” มีเอี่ยว

       "แอนนี่" ยันเสียงแข็งไม่ตรวจดีเอ็นเอ แต่จะบอกลูกว่า "ฟิล์ม" เป็นพ่อ ถ้าอีกฝ่ายใช้ศาลมาบังคับ จะหันหน้าพึ่งมูลนิธิเพื่อนหญิง ลั่นไม่เคลียร์นักร้องหนุ่ม สวนอีกฝ่ายโทรหาแค่ครั้งเดียว แฉ "ฟิล์ม" บอกให้อดทนเป็นแม่ของลูก แต่กลับบอกให้ตรวจดีเอ็นเอเท่ากับด่าตนเป็นผู้หญิงไม่ดี ปัด "จุ๊น" มีเอี่ยวเป็นพ่อเด็ก บอกอยากออกจากบ้านที่เป็นเหมือนคุก วอนทุกคนให้โอกาสตน และขอโทษ "เฮียฮ้อ" อยากให้โอกาส "ฟิล์ม" กลับมาทำงาน
       
       หลังเคยออกมาแถลงข่าว และเอาแต่เก็บตัวเงียบอยู่ในคอนโดมานาน ในที่สุด "แอนนี่ รุ่งนภา บรู๊ค" ก็ยอมโผล่ออกมาเปิดใจกับ สื่อมวลชนอีกรอบ โดยเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา (27 ก.ย.) ดาราสาวพร้อมลูกชาย "น้องทีฆายุ" ได้เดินทางไปบันทึกเทปรายการ "ตีสิบ" ที่ ห้างเซ็นทรัล พระราม 2 แต่ก่อนเริ่มอัดรายการ "แอนนี่" ได้เปิดอกกับสื่อมวลชนในทุกประเด็น โดยดาราสาวบอกว่าครั้งนี้จะเป็นการออกมาพูดครั้งสุดท้าย ยันไม่มีเจตนาทำร้าย "ฟิล์ม" ตลอด 1 ปีที่ผ่านมาน่าจะเป็นการพิสูจน์ความจริงได้แล้วว่า ตนคิดทำร้ายนักร้องหนุ่มหรือเปล่า ทั้งยังเผยเคยคิดจะปิดบังว่า "ฟิล์ม" ไม่ใช่พ่อของลูกตน แต่กลัวนักข่าวรู้ความจริง ตนเลยไม่อยากโกหก
       
       นอกจากนี้ดาราสาวยังยืนยันจะไม่มีการตรวจดีเอ็นเอ ถ้านักร้องหนุ่มใช้ศาลมาขู่บังคับให้ตรวจ ก็จะหันหน้าพึ่งมูลนิธิเพื่อนหญิงให้ช่วยจัดการ บอกดีเอ็นเอขณะนี้อยู่บนหน้าลูกหมดแล้ว ดังนั้นไม่จำเป็นต้องตรวจ สักวันความจริงจะพิสูจน์ ถึงไม่ตรวจตนก็จะบอกลูกว่า "ฟิล์ม" เป็น พ่อ และให้รออีก 10 ปีแล้วค่อยมาถาม "น้องทีฆายุ" เองว่าอยากตรวจหรือไม่ พร้อมกันนี้ "แอนนี่" ยังเผยจะไม่เคลียร์กับนักร้องหนุ่มอีก เพราะเคยรอมานาน แต่เป็นแค่หวังลมๆ แล้งๆ ถึงแม้ "เฮียฮ้อ" (สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ บอสอาร์เอสฯ) ยินดีเป็นคนกลางช่วยไกล่เกลี่ย แต่ตนมองว่าสายไปแล้ว และก่อนหน้านี้ก็ได้ฝากบอกผู้จัดการ "ฟิล์ม" ไปหมดแล้วเช่นกัน
       
       "แอนนี่" ยังได้กล่าวยอมรับต่อว่า นักร้องหนุ่มรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเป็นค่าคลอดบุตร ซื้อของ ค่ารักษาตอนลูกป่วย และเคยเอ่ยปากว่าอยากดูแลเด็กจริง แต่นั่นไม่ได้สำคัญเท่ากับกำลังใจ ที่ตนต้องการในช่วงขณะท้องและต้องอยู่คนเดียว ซึ่งการที่ "ฟิล์ม" รับ ผิดชอบในเรื่องค่าใช้จ่าย แต่กลับมาบอกให้ตนตรวจดีเอ็นเอ เหมือนเป็นการด่าด้วยคำสุภาพว่าตนเป็นผู้หญิงไม่ดี ยันตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมาไม่เคยทำอะไรไม่ดี และคำเดียวที่ "ฟิล์ม" ให้ สัญญาไว้คือ "อดทนไว้นะ คุณคือแม่ของลูกผม" ซึ่งนั่นทำให้ตนถึงกับยอมนักร้องหนุ่ม ทุกอย่างแบบถวายหัว
       
       แต่พอถูกผู้สื่อข่าวซักถามว่าทำไมช่วงที่คบหากันถึงไม่มีใครรู้ เรื่อง "แอนนี่" ได้บอกปัดที่จะตอบ อ้างเป็นเรื่องส่วนตัว ส่วนเรื่องที่นักร้องหนุ่มบอกว่าได้พยายามโทรติดต่อหาเธอ ถึง 5-6 ครั้งแต่ไม่ยอมรับสาย "แอนนี่" สวนกลับทันทีว่า "ฟิล์ม" ติดต่อมาแค่ครั้งเดียว และไม่มีอีกเลย
       
       สำหรับกรณีของดาราหนุ่ม "จุ๊น กิตติคุณ" ที่ถูกลือหึ่งอยู่ในขณะนี้ว่า อาจจะเป็นพ่อของ "น้องทีฆายุ" ตัว จริง ดาราสาวกล่าวว่าไม่เคยรู้จักหรือคุยเป็นการส่วนตัวกับดาราหนุ่มมาก่อน ยืนยันช่วง 4-5 ปีนี้ไม่เคยยุ่งกับใคร มีแต่เพียง "ฟิล์ม" เท่า นั้น บอกสันดานไม่ใช่คนเช่นนั้น
       
       ทั้งยังไม่รู้เรื่องมีคนติดต่อให้เขียนพ็อกเก็ตบุ๊กเพื่อแฉ "ฟิล์ม" เผยตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมายังไม่เคยมีงานไหนติดต่อมา และยังไม่ได้รับเงินจากใครเลยสักแดง พร้อมยอมรับทางเวิร์คพ้อยท์ให้โอกาสตนกลับไปทำงานจริง แต่ไม่ได้พิเศษไปกว่าคนอื่น
       
       นอกจากนี้ "แอนนี่" ยังกล่าวต่อว่า ช่วงนี้ตนและลูกเก็บตัวอยู่แต่ในคอนโด จนรู้สึกว่าบ้านเป็นเหมือนคุกที่คุมขัง วอนขอโอกาสทุกคนให้ตนและลูกได้ออกไปข้างนอกบ้าง รับแม่ตนทั้งเครียดและเป็นห่วงลูกหลานที่มีข่าวฉาวออกมาไม่หยุดหย่อน ลั่นต่อไปนี้จะยืนหยัดเพื่อลูก จะไม่ให้ใครมายุ่งเกี่ยวอีก เผยอยากให้เรื่องจบด้วยดีมานาน แต่ไม่เป็นดั่งใจ แต่วันนี้อยากให้เรื่องนี้ผ่านไปโดยเร็ว
       
       ปิดท้าย "แอนนี่" ยังได้ฝากขอโทษ "เฮีย ฮ้อ" แทน "ฟิล์ม" ที่ทำให้เรื่องจบอย่างที่ต้อง การไม่ได้ วอนบิ๊กบอสอาร์เอสฯและประชาชนให้โอกาส "ฟิล์ม" ใน การกลับมาทำงาน และขอให้รักนักร้องหนุ่มต่อไป เพราะเป็นคนดีเลี้ยงครอบครัว ส่วนความรู้สึกตนที่มีต่อ "ฟิล์ม" นั้นทั้งรักทั้งชัง!!

“เฮียฮ้อ” หลักฐานแน่นแถลงชี้อนาคต “ฟิล์ม” พรุ่งนี้ หึ่งอีก “จุ๊น” พ่อของลูก “แอนนี่”

"เฮียฮ้อ" ทวีตมีข้อมูลหลักฐานชัดเจน จัดแถลงสรุปกรณี "แอนนี่" พร้อมชี้อนาคต "ฟิล์ม" พรุ่งนี้ (28 ก.ย.) ทั้งลือหึ่ง "จุ๊น กิตติคุณ" มีเอี่ยวเป็นพ่อของลูก "แอนนี่" ให้เงิน 2 แสนปิดปากดาราสาว
       
       เพิ่งจะขอเข้าพบบิ๊กบอสอาร์เอสฯ อย่าง "เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์" เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (27 ก.ย.) เพื่อขอคืนวงการและมีงานทำตามเดิม ทั้งนี้นักร้อง-พระเอกหนุ่ม "ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์" เผยว่าเรื่องของงานทางผู้ใหญ่กำลังพิจารณาอยู่ ยังไม่มีการฟันธงลงมาว่า จะให้ทำตามเดิมหรือไม่
       
       ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ ล่าสุด "เฮียฮ้อ" ได้ไปโพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์หลังคุยกับ "ฟิล์ม" ว่า
       
       "กรณีฟิล์ม-แอนนี่ดำเนินมาถึงวันนี้ เฮียมีความชัดเจนมากด้วยความข้อมูลและหลักฐานต่างๆ พร้อมจะสรุปแต่ละประเด็น รวมถึงอนาคตของฟิล์มแล้ว"
       
       ซึ่งทางฝ่ายประชาสัมพันธ์บริษัทอาร์เอสฯ ก็ได้แจ้งกับทาง ASTV บันเทิงผู้จัดการออนไลน์มาว่า ในวันพรุ่งนี้ (28 ก.ย.) "เฮียฮ้อ" พร้อม "ฟิล์ม" และ "คุณแม่โคมมนต์ ทองมั่ง" จะจัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนกรณี "แอนนี่" และอนาคตเรื่อง งานของ "ฟิล์ม" เวลา 13.00 น. ณ บริษัทอาร์เอสฯ ย่านลาดพร้าวซ.15
       
       อย่างไรก็ตามตลอดช่วงเย็นที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีการพูดถึงกระแสข่าวที่ถูกลือหึ่งออกมาจากโลกไซเบอร์ ด้วยว่า นอกจาก "หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย" ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัย และถูกดึงเอี่ยวเป็นพ่อของลูก "แอนนี่" แล้ว ยังมีดาราหนุ่มจากวิก 3 "จุ๊น กิตติคุณ สัมฤทธิ์พันธ์สุข" อีกราย ที่เจอข้อหาดังกล่าว โดยต้นตอข่าวรายงานว่า ช่วงที่ "แอนนี่" คบ หาอยู่กับ "ฟิล์ม" นั้น มีคนเห็นหนุ่ม "จุ๊น" เทียว ไปเทียวมาที่คอนโดของ "แอนนี่" ด้วย ซึ่งดาราหนุ่มก็รู้ดีว่า "น้องทีฆายุ" เป็นลูกของตัวเอง จึงให้เงิน 2 แสนกับ "แอนนี่" เป็นค่าปิดปากห้ามแพร่งพราย เรื่องนี้ออกไป ซึ่งความจริงในเรื่องนี้เป็นอย่างไร ทางทีมข่าว ASTV บันเทิงผู้จัดการออนไลน์ จะตามติดและนำมารายงานให้ทราบกัน

Samed In Love ขาเม้าธ์ใส่ไฟ ‘ดัง-คูณ’ สวีทเสม็ด

  "เจ้จรวด" ละเบื่อช่วงนี้ไม่ค่อยมีอะไรให้เม้าธ์ โชคดีที่โทรศัพท์เจ้ดังขึ้นโดยมี "เหยินสวย" โทรมา นางเล่าว่า ฯ เกาะเสม็ด "เหยิน" ไปเจอ "ดัง-พันกร" หอบกระเป๋ามาเที่ยวกับเพื่อนผู้ชายกลุ่มใหญ่ (ไม่ใช่เรื่องแปลกนี่หว่า)

     แต่ชายหนุ่มที่เดินตาม "ดัง" มาต้อยๆ ไม่ใช่เพื่อนนอกวงการ หรือ "ตอง-ภัครมัย" เพื่อนซี้ แต่เป็น "คูณ-คณิน" พระเอก "โรบอทยอดรัก" ทางช่อง 7 สี แถม "เหยินสวย" ว่า ถึงจะไปกับเพื่อนกลุ่มใหญ่ แต่ "หนุ่มคูณ" กับ "หนุ่ม ดัง" ก็จะไม่ห่างจากกันเกิน 5 ซม. แถมตกดึกทั้งคู่ยังไปโชว์แดนซ์ ป๊าบๆ ป๊าบๆ กันอีกด้วย เอ๊ะ! แล้ว "คูณ-ดัง" โคจรมาสนิทกันตอนไหนเนี่ย??

     อ่ะอ่ะ แกงค์เพื่อนไปเที่ยวทะเลเนี่ยมันจะแปลกตรงไหน จะมาหาว่า "หนุ่มคูณ" เป็นเก้งกวางกิ๊กกั๊กกับรุ่นพี่ "นายดัง" อันนี้มันก็แรงไป เพราะ "ดัง" ก็ออกตัวแล้วว่าแมนทั้งแท่ง แถม "คูณ" ก็กำลังมีข่าวว่า ตามจีบ "สาวเชียร์-ทิฆัมพร" อยู่ด้วย อะไรๆ ที่เม้าธ์เจ้ว่าอาจจะแค่บังเอิญก็ได้นะคะ

  สรุปที่เขาว่าไปเสม็ดเสร็จทุกราย ทฤษฎีนี้ไม่จริงแล้วค่ะ เนอะๆ "เหยินสวย" มั่วนี่หว่า

‘นาย ร. จอมฉาว’ หวังสร้างข่าวเกาะชะนีดัง!

 

     ชูว์...อย่าเสียงดัง!! วันนี้มี "เทพบุตร" มีสายข่าวสุดไฮโซฯ มาเล่าข่าวแบบเอ็กคลูซีฟสุดๆ ฮะ ซึ่งรู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น แต่เรื่องแบบนี้นี่เข้าตำรา "ช้างตายทั้งตัวเอาใบตองมาปิดไม่มิด เอ้ย... ไม่ใช่! เอาใบบัวมาปิดไม่มิด" ไม่พูดพร่ำทำซาก!! อะไรให้เสียเวลา โทษทีพูดจาไม่สุภาพไปนิดส์นึง มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่านะคร้าบ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องราวฉาวโฉ่ของพระเอกแอนด์นายแบบพอมีชื่อประมาณนึงละ กันนะ...

     เพราะถ้าจะพูดว่าดังเดี๋ยวคนอื่นที่รู้กำพืดของนาย "นาย ร." เค้า จะมองค้อนตากลับประหลับประเหลือกว่า ไอ้นี่มันดังตรงไหนฟะ? หรือว่าดังเพราะบ้านรวย?

     นั่นน่ะสิ! ดังตรงไหน? อาจจะดังตรงมีข่าวฉาวๆ มั้ง เพราะอีตานี่มีข่าวประเภทล้วง ควัก แอนด์นัวเนียสาวเป็นว่าเล่น ซึ่งแต่ละนางที่ "นาย ร." เข้าไปคลุกวงใน ขอบอกว่าไม่ได้เป็นสาวประเภทไก่กาอาราเร่นะ ไม่สวย ไม่เริ่ด กรูไม่กินให้เสียปาก!

     ดังนั้นแต่ละคนล้วนขึ้นหิ้งมีตำหน่งตำแหน่งการันตี เพราะฉะนั้นมั่นใจได้ว่านายคนนี้รสนิยมสูง พวกปลาร้า ปลาจ่อม ปลาหางนกยูง หลบไป! นายคนนี้มีดีที่รูปร่างโดนใจชะนีทั้งป่า มันพกพาหุ่นสูงยาวเข่าดีมาตั้งแต่กำเนิด ฉะนั้นการจะอ่อยชะนีมีตำแหน่งคงไม่ใช่เรื่องยาก

     และแล้วสวรรค์ก็เป็นใจ ดวงดาวที่อยู่บนฟ้าก็พร้อมใจตกลงมาตรงหน้าตัก เมื่อ "นางงามมีดีกรีรายหนึ่ง" หลงใหลได้ปลื้มในรสสัมผัสที่ "นาย ร." คนนี้ประเคนให้ ชีเลยติดหนึบ ถึงขั้นที่ว่า "ปั๋วข้าใครอย่าแตะ!"

     แม้จะไม่บ่อยครั้งที่ทั้งคู่ควงกันออกงานในที่แจ้ง (ส่วนมากจะออกงานในที่ลับ) แต่ก็เรียกกระแสจากสื่อฯ ได้พอประมาณ เพราะแม่สาวคนนี้ก็สวย ฝ่ายชายก็ดูดี พอถามว่า "เป็นไงถึงได้มาคบกัน" ก็จะตอบน่ารักๆ ว่า "เราชอบอะไรที่คล้ายๆ กันค่ะ" ว้าว! ที่คล้ายกันนั่นมีข้อจำกัดว่าเป็นเรื่องเรื่องเซ็กส์หรือเปล่าจ๊ะหนู? อันนี้เป็นคำถามที่ติดอยู่ที่คอหอย เกรงว่าถ้าถามออกไปอาจเสียชีวิตได้ 555

     ครั้นไปถามพ่อตัวดี? ก็ตอบแบบหวานหยดให้ชะนีมีแรง...อยาก? ว่า "ถ้าคบใครตัวเองก็จะคิดถึงอนาคต ว่างั้น?!" แหมๆๆ หวานอะไรจะปานนั่น โอววว "ดาร์ลิ่ง ไอ เลิฟ ยู"

     แต่อย่างว่า! อะไรที่เรากินซ้ำซากจำเจอย่างอาหารยังมีวันเบื่อ นับประสาอะไรกับเรื่องในมุ้ง บ่อยๆ เข้ามันก็เห็นกันทุกซอกทุกมุม สิ่งที่ตามมาคือความ "น่าเบื่อแอนด์เซ็ง" งานนี้ "นาย ร." สงสัยจะเบื่อน้ำพริกถ้วยเก่า เพราะวันดีคืนดีมีคนตาไวเห็นนายคนนี้แอบไปเจ๊าะแจ๊ะสาวใหม่ไฉไลกว่าเดิม

     แต่ สวรรค์ไม่เข้าข้างคนหลายใจ!และสะโพกไว ความบรรลัยมาเยือน เมื่อ "นาย ร." ควงคุณน้องน่าใสไฉไลกว่าเดิมเป็นสิบเท่า ย้ำชัดๆ ว่าไฉไลกว่าเป็นสิบเท่า ไปช้อบปิ้งย่านไฮโซฯเปรี้ยง! ยิ่งกว่า ฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ โชคร้ายดันไปเจอกับหวานใจคนเก่าที่ยังคารู เอ้ย! คาราคาซังอยู่

     เจ้าประคู้ณ เหมือนภูเขาไฟระเบิดอยู่ตรงหน้า ทั้งเสียงร้อง เสียงด่าที่ฟังไม่เป็นภาษามนุษย์หลุดออกมาจากปากชะนีมีตำแหน่ง เล่นเอาน้องนางน่าใสวัยขบเผาะและปั๋วตัวดีแทบแทรกแผ่นดิน หนีไม่ทัน เพราะฝูงชนตรงนั้นหันมามองกันเป็นตาเดียว คู่หวานข้าวใหม่ปลามันเลยต้องรีบจรลีออกจากพื้นที่เป็นการด่วน! เพราะขืนอยู่มีหวังไม่ใครก็ใครสักคนคงได้หน้าแหก ดั้งยุบ! หมอคงต้องรีบมาเย็บแผลสดๆ คาห้างฯ ดังแน่นอน

     แต่อย่าได้แคร์ "นาย ร." จมูกไวยังคงเดินหน้าทำเรื่อง บัดสีต่อไปอีก โดยคราวนี้กลับมาเป็นข่าวอีกครั้งกับสาวคนใหม่ (ใหม่กว่า) ซึ่งแว่วว่า โดนผู้ใหญ่มองค้อนอยู่เหมือนกัน ถ้าน้องนียังไปพัวพันกับนายคนนี้

     ที่พร่ำมาไม่ได้อิจฉาหรือว่าตาร้อน แต่ตามประสาคนอาบน้ำอุ่นมาก่อน อยากจะกระซิบเบาๆ ข้างหูว่า "ความรักเป็นสิ่งสวยงามนะจ๊ะ" แต่รู้จักรักนวลสงวนตัวบ้างก็ดีนะหนู?!!...เพราะผู้ชายคนนี้เจ้าชู้ลื่นไหล ระดับคาสโนว่าเรียกพ่อเชียวล่ะ! 

 

ดารา หมาไม่เห่าติดพนันบอล ใช้หอยสอยไฮโซวิ่งปลดหนี้

 

     ดาราในเมืองไทยเกิดขึ้นทุกวี่ทุกวันยิ่งกว่าดอกเห็ดซะอีก ทุกวันนี้ถ้าเราๆ เป็นแค่คนเสพวงการบ้างไม่เสพบ้างก็แทบจะไม่รู้จักดาราหน้าใหม่พวกนี้เลย แต่ดีหน่อยที่ "เจ้BOMBร้อยแรงม้า" ทำงานในวงการบันเทิงโดยตรงเลยต้องรู้จักดาราทุกหน้าทุกพรหม

     พูดไปก็อดที่จะคิดถึงดาราที่หายหน้าตาไปเหมือนกัน เฉกเช่น "ชาช่า อัลเทอร์เมท" ที่สมัยโน้นดังมากอะไรมาก โดยเฉพาะหนังวัยสะรุ่นที่บูมสุดๆ ในยุคนั้น และหนึ่งในนักแสดงที่ฮอตสุดๆ ต้องมีชื่อของ "ชาช่า" ติดอยู่ตลอด ยิ่ง She หันมาเล่นละคร "คือหัตถาครองพิภพ" ก็ยิ่งดังระเบิด แต่อยู่ๆ ก็มลายหายสิ้นไปจากวงการ

     แต่ในปัจจุบันก็ดาราอีกหลายคนที่มาเร็วไปเร็ว บวกกับการกระทำความชั่วที่ติดตัวก็ยิ่งจะทำให้ลืมได้เร็วยิ่งขึ้นชนิดที่ไม่ มีภาพที่น่าจดจำเหมือน "ชาช่า" เลยแม้แต่น้อย

     สำหรับวันนี้เป็นคิวของดาราหมาไม่เห่า! ย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมามีหนังอยู่เรื่องนึงที่แจ้งเกิดนักแสดงวัย รุ่นอย่างมหาศาล ซึ่งพอหนังจบหนักแสดงวัยรุ่นอย่างมหาศาล ซึ่งพอหนังจบนักแสดงแต่ละคนก็ไปมีงานในวงการในแบบฉบับของตัวเองดังมากบ้าง ดังน้อยบ้างแล้วแต่บุญวาสนาที่กระทำกันมา

     แต่มีอยู่นางนึงที่ดูเหมือนจะรุ่งเพราะมีโอกาสได้เล่นละครหลายเรื่องในเวลา อันสั้น แต่กรรมที่ทำมามันเยอะเลยเป็นผีบังตาไม่ให้ได้เกิด หรือจะพูดได้ว่าเดินผ่านหมามันยังไม่เห่าเลย ความไม่ดังของอีหน้าหงิมเป็นที่ประจักษ์แก่ประชาชี เพราะผู้จัดก็เริ่มไม่ป้อนงานให้ หน้ำซ้ำยังทำตัวชั่วมั่วแหลกอีก ใครเขาจะจ้างหล่อนห๊ะ

     เห็นว่าช่วงนี้ติดพนันบอลอย่างหนัก จนต้องจับไฮโซมาหลอกฟันเงินตดหลดตอแหลว่าจะเอาไปซื้อของใช้เก๋ๆ แต่ที่ไหนได้มันก็เอาเงินพวกนี้ไปจ่ายหนี้พนันบอล ชิ!! เกิดเป็นชะนีสวยๆ ไม่ชอบ ริอยากจะหารำไพ่จากการพนัน เห็นว่าหนี้มากมายจนเข้าหูแม่ของมันให้ต้องอับอายขายขี้หน้าไปทั่วเมืองแล้ว ก็ไม่รู้ว่าไอ้อีประเภทนี้เมื่อไหร่จะตายๆ ไปให้พ้น อยู่ไปก็ทำเรื่องเสื่อมเสียให้กับวงการบันเทิงบ้านเรา คิดจะใช้ความเป็นชะนีผสมความดังที่มีอยู่น้อยนิด หนอยยยย...ไฮโซที่เห็นเขาว่าเขางอก เขาก็ไม่ได้โง่เสมอไปนะหล่อน

     กลับตัวกลับใจล้างหนี้ให้หมดโดยด่วนแล้วเลิกเป็นปลิงดูดเงินชาวบ้านอีก จบสิ้นการพนันทุกหมู่เหล่า สังคมยังให้อภัย

 

ไอ หน้าหล่อแอ๊บแมน ล่าเหยื่อผิดที่ หวิดโดนต่อย

 

     เอาอีกนะคะคุณตำรวจตั้งด่านริมถนนทั้งหลาย จับคนมั่วซั่วเอาเงินชาวบ้านไปกินเล่น จะรีบรวยไปไหนกันคะคุณขา ช่วงนี้มีแต่เพื่อน "เจ้BOMBร้อยแรงม้า" มาบ่นเรื่องนี้กันให้ควัก คาดเข็มขัดนิรภัยแล้ว ก็หาว่าเพิ่งคาดเอากับเขาสิ ซึ่งจริงๆ แล้วเพื่อนเจ้ก็เป็นลูกหลานตำรวจ แต่ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงหรือโทรหาคุณพ่อของมัน ก็เลยยอมจ่ายเงินไป (อวดซะงั้น) นี่แค่หนึ่งในร้อยของเพื่อนเจ้ที่โดนกันตลอดเดือน คิดแล้วมันก็ปวดใจค่ะ

     วกเข้าเรื่องราวคาวโลกีย์ที่ก็ผลุดขึ้นในทุกเมื่อเชื่อวันของวงการบันเทิง ไทยดีกว่า เฮ้อออ ได้เจอได้ฟังมาทีไรเจ้ก็เหนื่อยใจทุกที ที่สังคมบ้านเราจะมีพวกตัวอัปรีย์ชาติอยู่ในวงการสวยงามอย่างนี้

     ฉบับนี้เจ้เก็บข้อมูลของไอหน้าหล่อมานานหลายปี เอาเป็นว่าตั้งแต่มันยังไม่เข้าวงการแสดง แค่เป็นนายแบบต็อกต๋อยครั้งเยาว์วัยด้วยใบหน้าที่หล่อเหลา รูปร่างที่เพอร์เฟ็คท์บวกกับความขาวโบ๊ะที่ได้ใจ ก็ทำให้เจ้แอบหลงรักเด็กคนนี้มานานแสนนาน แต่ต่อมรับรสของเจ้มันก็ร้องตุ๊ดๆๆ ออกมาให้เจ้ได้ยินตลอดเวลาที่เจ้ได้เจอไอหน้าหล่อ

     พอไอ้หน้าหล่อเข้าวงการมาเล่นละครเต็มตัวก็ดังระเบิดระเบ้อ แต่การแสดงที่ดูไม่พัฒนาก็ทำให้ไปได้ไม่ไกลเท่าที่ควร ก็ที่มันไม่ยอมแสดงแอ็คติ้งเริ่ดๆ ออกมานี่ ไม่ใช่อะไรแต่มันกลัวแต๋วจะหลุดก็เลยต้องแอ๊บแข็งไปอย่างนั้น

     แต่ความแข็งที่อื่นก็ยังพอใช้เผื่อแผ่ไปได้ทั้งชายและหญิง แหม เข้าคอนเซ็ปท์เกิดมาครั้งเดียวตายหนเดียว ก็ต้องลองมันให้หมดละนะ เก่งจริงๆ พ่อคุณ แต่รู้สึกช่วงหลังจะติดใจขั้วเดียวกันมากไปหน่อยเลยกู่ไม่กลับซะแล้วว

     หึหึ แต่พวกนักแสดงผู้ชายส่วนมากจะเกลียดไอ้หน้าหล่อ เพราะชอบเก๊กตลอดศก และชอบมองหน้าทำตาถลึงใส่นักแสดงชายไปทั่ว โธ่ๆๆๆ ที่มองไม่ได้จ้องหาเรื่อง อย่าเข้าใจผิด ที่จ้องเพราะอยากจะพาไปพิสูจน์เชลล์ชวนชิมก็เท่าน้านนน แต่ดันผิดที่ผิดทางหวิดโดนต่อยหลายทีแล้วนะตัวเอง

     เอ้า สังเกตสังกาได้อีกอย่าง ส่วนมากไอ้หน้าหล่อมักจะมีแต่เพื่อนชะนี ดูก็รู้ว่าไม่แมนร้อยเปอร์เซ็นต์ พวกชะนีเหล่านี้ก็ตกลงทำตัวกุ๊กกิ๊กด้วยเพราะอยากดังนั่นแหละจ้า

เชอะ! มีคลิปหลุดออกมาเมื่อไหร่ จะสมน้ำหน้า! ไอ้เกย์หน้าล่อ

เส้น ทางฉาวกระเทยตัวพ่อ! เอาเงินมาล่อเด็กเข้าฮาเร็ม

 

     หมู่นี้พยายามทำใจร่มๆ ไม่อยากจะวีน เหวี่ยง! เดี๋ยวคนที่เห็นอาการน้ำขึ้นน้ำลงของเราจะลงความเห็นว่าวัยทองชัดๆ คนฉลาดต้องเก็บอารมณ์ให้อยู่ ไม่อย่างนั้นคนที่เค้าเหม็นขี้หน้าจะสะใจ เอา...แต่บางครั้งมันไม่ไหวจะเคลียร์ อ่อนเพลียจะพูดกับมนุษย์แล้ว

     งงสิ! ว่าวันนี้ "เทพบุตร" เป็นอะไร? ไหงถึงอารมณ์ประมาณคนที่ไม่เสร็จสมอารมณ์หมายหรือเปล่า! มันไม่ได้ไม่เสร็จ แต่มันเสียอารมณ์เข้าใจป่ะ ไม่ให้เสียอารมณ์ได้ยังไงไหว เมื่อมีคนปากดีมาเล่าเรื่องเน่าๆ ของกะเทยวัยเกษียน แทนที่จะหันหน้าเข้าวัดเข้าวา ฟังเทศน์ฟังธรรมให้จิตใจสงบ แต่อีกะเทยแก่คนนี้กลับหันหน้าเข้าหาเด็กๆ วัยเอ๊าะๆ งาบมากินเพื่อประทังชีวิต คนอื่นเค้ากินนม กินธาตุเหล็กบำรุงกระดูก เพราะวัยเข้าสู่ช่วงกระดูกพรุนก็ว่าได้ แต่รายนี้ต้องบำรุงด้วยน้ำต้มกระดูกเด็กหนุ่มๆ

     นังกะเทยแก่รายนี้เวลาไปไหนมาไหนนี่ เนียนน่าดูคร้าบบบ พยายามอัพลุคส์ตัวเองให้ดูเหมือนเป็นคนมีภูมิปัญญา (ปัญญาอ่อนน่ะไม่ว่า?) ชอบพูดปรัชญาว่าชีวิตคนเราต้องสู้ถึงจะประสบความสำเร็จ ตนเองก็เป็นอีกหนึ่งคนที่กว่าจะมีวันนี้ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวมาไม่รู้เท่า ไหร่ หยาดน้ำตาไม่รู้กี่หยดต่อกี่หยดที่หลั่งริน แต่อีบอกว่าอีไม่เคยท้อ อีถึงมีวันนี้ได้ ตอนนี้อีประสบความสำเร็จแล้วว่างั้น!!

     แต่เบื้องหลังความสำเร็จนั้น วงในเค้าเม้าธ์มอยว่าไม่ได้มาด้วยความขาวสะอาด แต่ได้มาจากการกลโกงทั้งหยาดเหงื่อและแรงงานของคนที่ด้อยประสบการณ์ในเชิง ธุรกิจ

     กะเทยแก่หน้าใสรายนี้มีวาทศิลป์ การพูดที่ชวนเคลิ้ม ว่าต้องลงทุนแบบนี้นะถึงจะมีกำไร แต่ที่ไหนได้ มันไม่ใช่การลงทุนธรรมดา แต่เป็นการผูกมัดโดยการให้เซ็นสัญญานานหลายปี ชนิดถึงกิจการเจ๊งแต่ตัวเองก็ยังได้เงินค่าเช่าอยู่ กำไรทั้งขึ้นทั้งล่องเลย เก่งไหมล่ะ?

     คนโง่ย่อมเป็นเหยื่อของคนฉลาด แม้กระทั่งเพื่อนดาราในแวดวงการบันเทิง หลายคนก็โดนเข้าเต็มๆ เช่นติดต่อไปเป็นพรีเซนเตอร์ก็งาบเงินเค้าซะจนดาราหน้าหงาย ประมาณว่าหน้าที่ไปอัพมาใหม่แทบจะยุบเข้ารูปเดิม ทันทีที่ได้ยินว่า "หนูรับไปแค่นี้ละกันนะ พี่ขอ" จ๋อย! กันไปตามระเบียบ

     เพราะกะเทยเหนียงยานรายนี้ได้ชื่อว่าเกลือยังเรียกพี่ ทุกอย่างสำหรับตัวเองมีแต่เงิน คนอื่นจะเป็นยังไงก็ช่าง แต่อย่าเพิ่งนะ อีเป็นคนที่มีความสามารถสูงในการเข้าชาร์จคนที่เด่นๆ ดังๆ เพื่อจะทำให้ตัวเองตกเป็นข่าวว่าคนนั้นคนนี้ตัวเองสนิท พอได้ยินอย่างนั้นเด็กหนุ่มหน้าใสแต่โง่เลยหลงกลกามแห่งความรัก เพราะอยากเข้าวงการเลยต้องพลีกายให้เชยชมเป็นการปูเส้นทางแห่งดวงดาว...

     อย่างเวลาออกงานก็ต้องพยายามแฝงกายเข้าไปอยู่ในบรรดาเซเลบฯ เพื่อให้กล้องส่องมาเห็นว่าตัวเองก็ไฮโซฯ เหมือนกัน โธ่...โลโซฯ น่ะไม่ว่า ดูจากหนังหน้าก็รู้ว่าบ้านนอกเข้ากรุง ขนาดศัลยกรรมมาทั้งหน้ายังได้ดีแค่นี้ และถ้าสวรรค์ไม่เข้าข้าง ไปงานไหนแล้วไม่ได้ออกจอก็จะกลับมาตีอกชกลม ประมาณว่า ไม่น่าไปเลยตรู...

     เมื่อเด็กน้อยวัยละอ่อนรอแล้วรอเล่าก็ไม่เห็นจะได้เข้าวงการ เห็นแต่เดินตามหลังต้อยๆ กะเทยแก่ไปตามงานให้คนซุบซิบว่า โธ่...คิดได้ไงฟระ มาเป็นปั๋วกะเทยเขี้ยวลากดินนางนี้ แต่เมื่อตกกระไดพลอยโจนแล้วมันก็ต้องยอมต่างคนต่างเสียว แลกเงินกับความสุขประตูหลังกันต่อไป ฮิ้วๆๆ

     แต่การแลกแต่ละครั้งขอบอกว่าไปทำงานบาร์เกย์แถวพัฒน์พงษ์ยังจะดีกว่า อาจจะได้เงินเป็นกอบเป็นก้อนเป็นกำกว่า เพราะอยู่กับกะเทยเอาเก่งตนนี้ประเมินราคาหาค่าไม่ได้ (เพราะมันถูก) มากๆ เอาเสร็จละวางเงินไว้ให้แต่ละทีก็ยาก ซวยกว่านั้นจ่ายเป็นเงินเดือนให้ก็ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะมากสุดไม่เกินห้าพัน เซ็งไหมล่ะ

     ค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำยังจะได้มากกว่าอีก แต่กะเทยลวงโลกคนนี้ยังแอ๊บต่อไป เวลาออกสื่อก็จะบอกว่าตัวเองมีความสามารถในเรื่องอย่างว่ามาก ไม่อยากจะเม้าธ์ว่ากิน (ผู้ชาย) มาเท่าไหร่ งง เพราะนับจำนวนไม่หวาดไม่ไหว เพราะตัวเองอร่อยใครๆ ก็อยากกิน เชอะ! เด็กหน้าใสหลายคนที่หลุดออกจากวงจรอุบาทว์บอกว่า ที่ได้กินเพราะหลอกเค้ากินต่างหากล่ะ พอรู้ตัวเค้าก็ชิ่งหนีกันเป็นแถว ทีแบบนี้ทำไมไม่บอกให้ใครเค้ารู้บ้างล่ะ นังกะเทยขี้เหนียว

     ยัง...วีรเวรแสบๆ ของนางนี่ยังไม่หมดง่ายๆ ยังชอบแอบอ้างเอาชื่อพระเอกดังมาเป็นข่าวกับตัวเองอีก ว่าเคยกินงั้นงี้ พอคนที่โดนเป็นข่าวด้วยถูกงัดแงะแกะเกาถึงเรื่องราวว่าเป็นไงมาไงถึงไปโดน กินน้ำตาลแดงผสมถั่วดำ เล่นเอาพระเอกฉุนกึ๊ก! พูดว่าหน้าตาเป็นยังไงผมยังไม่รู้เลย แล้วมาบอกว่าได้กิน งง!

     พร้อมฝากไปบอกกะเทยแก่คราวพ่อว่า ระดับผมหากินได้ ทุกวันนี้ก็สับรางแทบไม่ทัน เพราะฉะนั้นถ้าผมคิดจะฟันกะเทยรอไปก่อนละกัน เพราะตอนนี้ความกระสันยังไม่เกิดกับกะเทย จบข่าว!

นัก ร้องตุ๊ดหน้าปลวก โรคจิตชอบซ้อมผู้หญิง

 

     โอ้ย มันเกิดอะไรขึ้นบนโลกใบนี้กันเค๊อะพี่น้อง โลกน้อยๆ ใบนี้มันยังจะมีผู้ชายหลงเหลือให้ "เจ้BOMBร้อยแรงม้า" อยู่บ้างไหม ปกติประชากรชะนีบนโลกมันก็เยอะกว่าผู้ชายอยู่แล้ว แล้วทำไมไอ้พวกผู้ชายฟายๆ ทั้งหลายมันจะต้องหันไปกินผู้ชายด้วยกันให้มันเต็มโลกไปเพื่อออ?

     แอร๊ยยยยย ผู้ชายเดินมาพร้อมกัน 10 คน เป็นตุ๊ดเป็นเกย์ไป 8 คน ที่เหลือหนึ่งคนมีแฟนแล้ว อีกหนึ่งคนก็หน้าเหียกสันดานเลว ไหวไหมจุดนี้ แล้วมันจะเหลืออะไรถึงชะนีน้อยหอยสังข์อย่างเจ้ล่ะคะเนี่ยยย

     บางคนเพิ่งมารู้ตัวตอนแก่ก็ยังพอให้อภัยได้ แต่มีบางจำพวกที่สันดานไม่ดีกินควบไม่แคร์สื่อ เจ้รับไม่ได้อย่างรุนแรงค่ะ ยกตัวอย่างไอ้นักร้องปากหมาจากเวทีๆ นึง ที่หลายคนก็ฟันธงว่ามันเป็นเกย์ แต่ด้วยชะนีที่มันคบหาผ่านมาหลายศึกก็ทำให้เชื่อว่าคงจะไม่ได้เป็น แต่ดันหลุดด้วยความเงี่ยนที่พรากจากเมียรักตอนติดไฟแดงเลยต้องหันไปแซ่ บประตูหลังกับเพื่อนซี้ที่เป็นเกย์ในสายเลือดร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว โอ้ย นี่ มันหยามศักดิ์ศรีชะนีไทยเต็มๆ เลยนะเนี่ย

     ความเลวไอ้นักร้องหน้าปลวกยังไม่หมดค่ะ มันยังชอบตบตีเมียทั้งหลายเป็นชีวิตจิตใจ แถมยังทำลายข้าวของและยังชอบทำร้ายตัวเองอีกด้วย เฮ้ยยย อีนี่มันโรคจิตชัดๆ

     งานการในปัจจุบันจะมีให้ทำไม่พอแด๊กอยู่แล้ว ยังจะสร้างเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน เที่ยวไปด่าเพื่อนของเมียเก่าๆ ทั้งหลาย หวงก้างกั๊กเป็นอันธพาลไม่เกรงใจใคร พวกเหล่าเมียชะนีที่ผ่านไ มาก็ศรีทนได้ ปล่อยให้มันกระทำชำแหละ เห็นแล้วก็น่าปวดใจยิ่งนัก

     พักหลังสงสัยสปีชีส์ตุ๊ดมันสสูบฉีดเลยไปเที่ยวผับเกย์หาผู้ชายมาอัดตูดเล่น ไม่พอค่า มันยังจะล้วงคองูเห่าแย่งนักร้องขั้นเทพจากอกของแฟนเขาอีกด้วย แต่ในใจมันไม่คิดแค่นั้น เพราะมันก็หวังจะเคลมแฟนของนักร้องเทพด้วย อ้ายยยย เลวชั่วมั่วจริงๆ อีนี่

     สุดท้ายเจ้ขอร่วมเผาพริกเผาเกลือแช่งไอหน้าตุ๊ดหน้าปลวกให้มันถูกหอกอัดตูด ตายในนรกเถอะ หรือไม่ก็โดนยมฑูตจับลงขุมนรก ไม่ให้ผุดไม่ให้เกิดซักแปดชาติ สาธุ


ลาก ไส้นางเอกแอ๊บแบ๊ว อดีตดำมืดเคยทำแท้ง!

 

     ดีใจจังเลยที่ตอนนี้ละครบ้านเราหยิบจับเรื่องราวของคนในวงการบันเทิงมาตีแผ่ หน้าจอทีวีอีกแล้ว "เจ้BOMBร้อยแรงม้า" มั่นใจแบบดีดๆ เลยว่าคุณผู้อ่านจะต้องชอบละครแนวนี้แน่ๆ แม้แต่ตัวเจ้เองก็ช๊อบชอบ เมื่อก่อนยังฝังใจกับละครเรื่อง "มารยาริษยา, เมืองมายา" และ "ความลับของซูเปอร์สตาร์" ที่ทำออกมาได้อารมณ์เหลือเกิน และตอนนี้ก็กับละครเรื่อง "ระบำดวงดาว" ที่กำลังทำให้อารมณ์สนุกของเจ้กระเพื่อมอีกละ

     ดูละครแล้วย้อนดูตัวยังคงใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย ในละครซ้อนละครที่เราเห็นแอ๊บแบ๊วกัน ความเป็นจริงก็อาจจะตัวร้ายตัวแม่เหมือนกัน ซึ่งเรื่องที่เจ้จะเล่าดังต่อไปนี้มันก็เป็นอะไรที่ทำเอาเจ้อึ้งอยู่นะ เพราะเจ้ก็ไม่คิดว่าดาราสาวสวยที่อยู่วงการมานานแสนนานมากกว่าสิบปี ซึ่งมีภาพพจน์ดีงามมาตั้งแต่ต้น จะมีเบื้องหลังที่ฉาวโฉ่เยี่ยงนี้

     เจ้ขอเปิดเรื่องนางบาปหนาตั้งแต่ก้าวเข้ามาในวงการ ตั้งแต่เด็กๆ ออกเทปสลับกับเล่นละครมาเรื่อยๆ ข่าวคาวเรื่องผู้ชายก็ไม่ค่อยจะมีเท่าไหร่ ต่อหน้าสื่อก็เป็นที่รักที่ชัง คงไม่มีอะไรเพอร์เฟ็คท์เท่ากับการประสบความสำเร็จในกวงการมาค่อนชีวิต พอเริ่มมีผัวก็เริ่มมีฉาวออกมาบ้างประปราย แต่ด้วยความเป็นคนนิ่งที่พยายามใช้สิ่งนี้เพื่อสยบความเคลื่อนไหวก็ดูได้ผล ชะงัก แต่ใครจะรู้บ้างว่านังบาปหนามันเคยท้องกับผัวเก่าคนหนึ่ง แต่ความชั่วของมันอยู่ที่ผู้ใหญ่ในสังกัดพามันไปทำแท้งและมันก็ไป ส่วนอีผู้ใหญ่นี่ก็เลวได้ใจร่วมกับทำบาปคว่ำขัน เห็นทีชาตินี้ก็คงได้ลงนรกพร้อมๆ กัน

     แต่ตอนนี้อีบาปหนามันก็คงลืมความทุกข์ทนทรมานในกรรมที่มันก่อหมดล่ะ เพราะได้ผัวใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิม เห็นว่าขึ้นคร่อมทัวร์สวรรค์ขั้นเจ็ดชั้นแปดกันเป็นว่าเล่น สงสัยคงจะติดใจในลีลาท่าทางของผู้ชายมาก ถึงได้โหยหิวตลอดศก หรือของเก่าที่เคยกินมันไม่อร่อยเท่าไหร่ก็ไม่รู้ แต่ของอร่อยบางทีมันอาจจะมีพิษก็ได้ ระวังไว้หน่อยก็ดีนะจ๊ะ

     คุณผู้อ่านทั้งหลายก็เหมือนกันนะ พยายามทำบุญสร้างความดีไว้เยอะๆ เกิดชาติหน้าฉันท์ใดจะได้สวยๆ เริ่ดๆ ค่า

"Anywhere" ได้ทุกที่ทุกเวลา

Sunday, September 26, 2010

เกิดเป็นหญิงมันเหนื่อยแสนเหนื่อย ตอนเป็นเด็กก็โดนแม่ใช้ทำงานบ้านจนหัวฟู ในขณะที่พี่ชายน้องชายนอนไข่ห้อยดูทีวีสบายบรื๋อ
       
        พอโตเป็นสาวนมตั้งเต้า ประจำเดือนก็ไหล ทั้งเฉอะแฉะ ทั้งรำคาญต้องเสียเงินค่าผ้าอนามัยทุกเดือน ยังกะผ่อนรถผ่อนบ้าน ไหนจะหนักนมหนักก้นต้องแบกภาระไปจนกว่ามันจะย้อยย้วยยาน พอมีผัวก็ต้องทำลูก กว่าจะท้องกว่าจะคลอดออกมาเป็นตัวเป็นตน ต้องอุ้มแตงหลังแอ่นตั้งหลายเดือน
       
        แหม....เกิดเป็นสุภาพสตรีมีรูนี่มันช่างลำบากซะจริงๆ
       
        ยิ่งถ้าเป็นสตรีที่ไม่ค่อยสุภาพยิ่งลำบากกว่านี้เป็นร้อยเท่า ถ้าคิดสั้นขยันซอยก็จะมีจุดจบแบบ “น้อง anywhere” เพราะอีน้องเค้าเล่นเจอที่ไหนเอาที่นั่น แบทุกที่บ่มียัน สุดท้ายก็เลยท้องโตใส่ผู้ชายซะงั้น
       
        ก็เล่นเอาทุกที่ไม่มีเกี่ยง ซ้อก็เลยขออนุญาตเรียกว่า น้อง anywhere ก็แล้วกัน ขอบอกว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับชื่อใครอะไรประการใด อย่ามาฟ้องตูนะเฟ้ย...
       
        อุตส่าห์รอดตายจากรูตูดของ “เสี่ยหมู” ฟูมฟักตัวเองใหม่จนเกือบจะได้โกอินเตอร์อยู่แล้วเชียว แต่ในที่สุด “ซูเปอร์สตาร์หน้าเกาหลี” ก็มีอันเจอรูบานของน้อง anywhere ขมิบใส่จนเกิดอาการไข่คาท้อง กลายเป็นข่าวฉาวโฉ่เหม็นเน่าไปทั้งวงการ
       
        และยิ่งชิหายเข้าไปอีก เมื่อน้อง anywhere ออกมาทำหน้าเศร้าเล่าชีวิตรันทด จนคนสงสารไปทั่วประเทศ ทั้งที่ความจริงแล้วมันก็เลวไม่แพ้กันล่ะว้า
       
        ซูเปอร์สตาร์หน้าเกาหลี พอรอดพ้นวิบากตูดเสี่ยหมู ก็หาเรื่องเข้าเอวตลอดเวลา ใครๆ ก็รู้ว่าหมอนี่หูดำสุดๆ ชอบหลอกสาวๆ ไปฟาดที่คอนโดอยู่บ่อยๆ อยู่ใกล้ใครเป็นได้เสีย อย่าว่าแต่น้อง anywhere เลยที่ตกเป็นเมีย “กระสือนมโต” ที่เล่นเรื่องเดียว ซูเปอร์สตาร์หน้าเกาหลี ก็สอยมาเรียบร้อยแล้ว แม้แต่ “นางเอกแอ๊บแบ๊ว” ที่แสนจะติดนิ้วทอม และเน้นคอนเซ็ปต์มีผัวรวย พอมาร่วมงานกับซูเปอร์สตาร์หน้าเกาหลี ที่งกแสนงก ก็ยังดอดไปโยกกันจนหึ่งไปทั้งกองถ่าย
       
        ด้านน้อง anywhere ก็น้อยหน้าซะที่ไหน ไอ้เรื่องท้องจับผู้ชายเป็นเรื่องธรรมดาของน้อง anywhere
       
        เพราะก่อนหน้านี้ ก็เคยสร้างวีรกรรมไปเป็นเมียเก็บนักการเมือง ก่อนจะใช้มุกควาย บอกว่า ท้องยุยงจนผัวเมียเค้าเลิกกัน จากนั้นก็ย้ายข้าวของเข้าไปเป็นคุณนายในบ้านผัวคนอื่น เรียกร้องทรัพย์สินได้เงินไปอื้อ ก่อนจะมาแหลอีกตลบ ว่า แท้งไปเรียบร้อยแล้ว แล้วก็ทำหน้าออดอ้อนเสียอกเสียใจนึกว่าผู้ชายเค้าจะเห็นใจ ที่ไหนได้กลับโดนเฉดหัวออกจากบ้านทันทีโทษฐานที่หน้าด้านโกหก
       
        ประสบการณ์ครั้งนั้นสอนให้น้อง anywhere ต้องจับผู้ชายให้มั่นกว่าเดิมหรือเปล่าก็ไม่ทราบ พอมาเจอซูเปอร์สตาร์หน้าเกาหลี ผู้ชายในฝันก็เลยวางแผนเอามาทำผัว
       
        อาการคลั่งซูเปอร์สตาร์หน้าเกาหลี ของน้อง anywhere เป็นที่รู้กันในหมู่เพื่อนฝูงว่า น้อง anywhere ชอบซูเปอร์สตาร์หน้าเกาหลี อยากได้มาทำผัวนานแล้ว พอมีโอกาสมาร่วมงานกันก็เลยเปิดฉากอ่อยใช้ความขาวเข้าล่อ เอาเต้าเข้าชน จนได้มาทำพันธุ์ทั้งที่รู้จักกันได้ไม่กี่อาทิตย์
       
        ว่ากันว่า ซูเปอร์สตาร์หน้าเกาหลี ติดใจน้อง anywhere เป็นอย่างมาก ได้ฟาดแค่ยกเดียวถึงกับงุ่นง่านตามจิกให้ป้าบๆ อีกหลายครั้ง ถึงกับเอาไปโม้กับ “อ้วนร้อยเมีย” ว่า ผู้หญิงคนนี้เด็ดมากเลียแผล่บๆ ตั้งแต่จะเรี๊ยวยันหัวแม่ตีนเชียวแหละ เท่านั้นแหละไอ้อ้วนก็หูผึ่งกระโดดเข้าใส่น้อง anywhere พาไปกินข้าว ก่อนมีจะเลี้ยวเข้าโรงแรมเพื่อท้าพิสูจน์ว่าเด็ดจริงเปล่า แต่คั่วกันได้ไม่นาน อ้วนร้อยเมียก็เกิดอาการบาดเจ็บจนต้องงดใช้บั้นเดว ได้แต่ใช้อีหนูมาบ๊วบให้อย่างเดียว
       
        แม้แต่ “หนุ่มหัวโจก” มีเมียท้องโตนอนอยู่ที่บ้านก็ยังแว้บมางาบน้อง anywhere อยู่บ่อยๆ นี่ยังไม่นับผัวฝรั่งที่น้อง anywhere แอบไปส่งส่วยให้อยู่บ่อยๆ มั่วเละเทะอย่างนี้แล้วจะให้ฝ่ายชายเค้ารับมาเป็นเมียไว้เชิดหน้าชูตาได้อย่างไร
       
        อย่าว่าแต่แม่ของซูเปอร์สตาร์หน้าเกาหลี ไม่ยอมรับเลย แม้แต่ซ้อเองในฐานะที่เป็นแม่ ถ้าอยู่ดีๆ มีผู้หญิงแบบนี้มาท้องใส่ลูกตัวเองก็คงจะทำใจลำบาก ยากที่จะยอมรับมาเป็นลูกสะใภ้ได้ ถ้าได้เมียเป็นกะหรี่ก็ยังพอเข้าใจได้ว่าทำงานแลกเงิน แต่นี่มันมั่วเพื่อความมันจะให้เข้าใจว่าอะไร ถ้าไม่ใช่ผู้หญิงมันแรด
       
        แต่ทำไงได้ล่ะในเมื่อลูกตัวเองมันเอวไวเชื่อคนง่าย เค้าบอกว่า เป็นหมันไม่ต้องใส่ถุงก็ปัญญาอ่อนแทงสด นี่ยังดีนะที่แค่ท้อง ถ้าน้อง anywhere ติดเอดส์คงได้เป็นข่าวใหญ่กว่านี้แน่ กรรมก็เลยมาตกที่แม่กับผู้จัดการส่วนตัวของซูเปอร์สตาร์หน้าเกาหลี ที่ต้องพาไปฝากท้อง พาไปคลอด และทำหน้าที่จ่ายเงินค่าเลี้ยงดูให้กับน้อง anywhere เพื่ออุดปากไม่ให้พูดมาก
       
        แต่อย่างว่าคนเราพอโดนไถอยู่บ่อยๆ มันก็เซ็งอยู่เหมือนกัน งานนี้แม่ของซูเปอร์สตาร์หน้าเกาหลี ก็เลยเกิดอาการของขึ้นใส่น้อง anywhere เป็นเหตุให้หล่อนสั่งการบอกเพื่อนคนสนิทโทร.ไปแฉให้นักข่าวฟังเรื่องก็เลยแดงออกมา
       
        เท่านั้นไม่พอก็ยังบอกให้แม่ติดต่อผ่านนักข่าวที่รู้จักกันให้ช่วยติดต่อไปออกรายการของ “สอนแล้วยัด” เพื่อที่จะให้มันฉาวโฉ่ให้ได้มากที่สุด
       
        พอได้ออกรายการน้อง anywhere ก็ได้ทีบีบน้ำตาตอแหลหน้าด้านๆ ว่า ไม่อยากออกมาพูดไม่ได้เป็นคนปล่อยข่าว ทั้งที่ตนเองเป็นคนให้เพื่อนปากโป้งไปบอกนักข่าว ด้านแม่ก็ไปขอออกรายการสอนแล้วยัด พล่ามว่าอยู่คนเดียวญาติพี่น้องไม่รู้ว่าท้อง ทั้งที่แม่ก็นั่งหัวหงอกรอกำกับการไถอยู่ทุกขั้นตอน ใช้ชีวิตกินๆ นอนๆ รอรับเงินจากซูเปอร์สตาร์หน้าเกาหลีสบายใจเฉิบ มีชีวิตสุขสบายกว่าคนอื่นเป็นไหนๆ ที่ต้องตั้งท้องและทำงานงกๆ จนกระทั่งคลอด
       
        เท่านั้นไม่พอก็ยังแหลว่า ขับรถไปคลอดลูกเอง เรื่องนี้ทำเอาคนทั้งคอนโดฯ งงกันเป็นแถว เพราะคนทั้งคอนโดฯ เค้ารู้กันดีว่ายายนี่ไปไหนมาไหนด้วยแท็กซี่ ไม่มีรถขับมาแต่ไหนแต่ไร แล้วจะขับรถไปคลอดลูกเองได้อย่างไร หรือว่าเมิงขับแท็กซี่ไปคลอดเองวะ
       
        ส่วนใครพาไปคลอดคงไม่ต้องบอกว่า เพราะตอนนี้องครักษ์พิทักษ์ซูเปอร์สตาร์เริ่มดาหน้าออกมาเอาคืนแล้ว และได้ข่าวว่าอีกไม่นานก็คงจะเอาหลักฐานออกมาแฉ เพื่อโชว์ให้เห็นว่า น้อง anywhere แหลยังไงบ้าง ด้านน้อง anywhere พอหน้าหนาประกาศว่าให้โลกรู้ว่ามั่วจนท้องโต ตอนนี้ก็เตรียมเดินสายออกทีวี คนโน้นก็สงสารคนนี้ก็สงสารโยนงานให้ทำ ส่งผลให้ตอนนี้โกยเงินไปแล้วอื้อซ่า
       
        ก็เอาเหอะถ้าคิดว่าทำเพื่อลูก เพื่อปากเพื่อท้องก็ทำไป แต่ควรจะเลิกตอแหลยอมรับความบัดซบของตัวเองมั่ง ไม่ใช่เอะอะก็บีบน้ำตาตลอดเวลา ถามหน่อยถ้าไม่แรด ถ้าไม่มั่วจะมีวันนี้ไหม
       
        สงสารก็แต่เด็กน้อยตาดำๆ ที่ต้องมาตกเป็นเครื่องมือของผู้ใหญ่ แถมแม่ก็ปัญญาอ่อน ไม่ยอมให้พิสูจน์ความจริง แล้วงี้ในอนาคตจะให้เรียกใครว่าพ่อ ในเมื่อช่วยต่อแขนต่อขาให้ตั้งหลายคน สงสารเด็กที่ไม่รู้เรื่องบ้างเถอะ แค่สิทธิ์ในการรู้ว่าใครเป็นพ่อ ก็จะไม่ให้รู้เลยหรอ
       
        ไหนๆ ก็ไม่ได้ทำหน้าที่เมีย เพราะผู้ชายเค้าไม่เอาแล้ว ก็ช่วยทำหน้าที่แม่หน่อยเหอะ...

 

น้อง anywhere = แอนนี่
เสี่ยหมู = อู๊ด พี่เจ็บนะ
ซูเปอร์สตาร์หน้าเกาหลี = ฟิล์ม รัฐภูมิ
กระสือนมโต = อุ้ม ลักขณา
นางเอกแอ๊บแบ๊ว = เจนี่ เทีียนโพธิ์สุวรรณ
อ้วนร้อยเมีย = หนุ่ม กรรชัย
หนุ่มหัวโจก = เต๋า สมชาย
สอนแล้วยัด = คุณอาสรยุทธ

ช็อคทั้งบาง ‘ฟิล์ม-เอ็มมี่’ กินกันเองตั้งแต่มัธยม

Friday, September 24, 2010

โอ้ยเล่นเอาสับสบงงหัวกันไปหมด เมื่อล่าสุด "สาวเอ็มมี่-รัชฎา" กะเทยสวยเริ่ดผู้ตกเป็นข่าวมือที่สามของ "สาวอั้ม-พัชราภา" กับ "หนุ่มโน้ต-วิเศษ" ออกมายอมรับเต็มปากว่าเคยคบหาดูใจกับกะเทยหน้าหวาน "สาวฟิล์ม-ธัญญรัศมิ์" มิสทิฟฟานี่ปี 2010 แถมด้าน "สาวฟิล์ม" ก็ไม่น้อยหน้าออกมาเปิดปากเหมือนกันว่าเคยกิน เอ้ย เคยคบกับ "สาวเอ็มมี่" จริงๆ ว้ายๆ โป๊ะแตก!! ไหมล่ะคะ

     ซึ่งทั้งคู่ยอมรับเลยว่าเคยคบกันแบบลึกซึ้งตั้งแต่ตอนอยู่มัธยม แถมตอนนั้นทั้งคู่ก็ยังอยู่ในร่างผู้ชายแต่หน้าหวาน หรือเรียกว่าเป็นกะเทยหัวโปก ยังมิได้ผมยาว หน้าเด้งมาแต่ไกลอย่างปัจจุบันอย่างนี้

     งานนี้ "สตาร์นิวส์" เลยไม่พลาดสืบเสาะค้นหาภาพลับของ "เอ็ม มี่-ฟิล์ม" มาให้ดูกันจะๆ ว่าเขาสนิทสนมกันขนาดไหน ว้าย!!! อกอีแป้นจะแตก เพราะดูจากรูปแล้วความสนิทสนมของทั้งคู่เกินคำว่าเพื่อนจริงๆ เพราะแอบมีภาพจูจุ๊บปากของทั้งคู่โผล่ออกมาให้เราได้เห็นด้วย เฮ้อ...มึนค่ะ ตกลงคู่นี้จะเรียกว่าเป็นเก้งกว้างกันหรือว่าเป็นเลสเบี้ยนดีน้อ...

     แถมสายสืบตัวแม่ของ "สตาร์นิวส์" รายงานว่าทั้งคู่คบหา กันได้พักใหญ่ๆ แต่พอเริ่มแปลงร่างกายมาเป็นชะนีน้อย "เอ็ม มี่-ฟิล์ม" ก็ต้องขยับไปหาทาร์เก็ตของจริงอย่างเหล่าหนุ่มๆ แต่ถึงกระนั้นความสัมพันธ์อันยาวนานของ "ฟิล์ม-เอ็มมี่" ก็ยังไม่จางหายไป ทั้งคู่กลายเป็นเพื่อนสาวสุดซี้มีอะไรก็ปรึกษากันตลอด

     เอ้าาาาากะเทยน้อยหันมารับประทานกันเองแบบนี้ "สตาร์นิวส์" ล่ะ งงจริงๆ ว่าทำไมตอนแรกก่อนจะแปรงร่างไม่ตกลงกันไปเลยว่าใครเป็นคิงใครเป็นควีน จะได้คละเคล้าส่วนผสมพอดีเป๊ะ ก็แหมเล่นสวยเสมอทัดเทียมกันแบบนี้ มันเลยแหม่งๆ ชอบกล

     อ่ะอ่ะ แต่ยังไงซะ สายสืบรีบกระแสะรายงานว่าทั้งคู่คบกันมาตั้งแต่หัวเกรียน มาตอนนี้ผมยาวสวยปิ๊งไปทั้งตัวแล้ว ยังไงก็ชอบผู้ชายมากกว่าค่ะ หุหุ

เมื่อ "กลุ่มผู้รักการเปลือยกาย" ปะทะ "กลุ่มสวิงกิ้ง" ใน "เมืองแห่งการเปลือย" ของฝรั่งเศส

Thursday, September 23, 2010


เกิดความตึงเครียดขึ้นอย่างหนักใน เมือง "แคป ดากด์" (Cap d′Agde) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ "เมืองแห่งการเปลือย" ซึ่งเป็นเมืองตากอากาศที่มีชื่อเสียงสำหรับกลุ่ม "ผู้รักการเปลือยกาย" ติดกับทะเลเมดิเตอเรเนียน ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ภายหลังจากประชาชนท้องถิ่นได้ร้องเรียนว่า พื้นที่สำหรับผู้รักการเปลือยกายนั้น กำลังถูกบุกรุกโดยโรงแรมต่างๆโดยไร้การจัดการที่ดี และบุตรหลานของพวกเขาก็มักพบเห็นการแสดงออกทางเพศอย่างโจ๋งครึ่มในที่ สาธารณะอยู่บ่อยครั้ง

 


พฤติกรรม การแสดงออกที่โจ๋งครึ่มเช่นนี้ ยังได้รับคำตำหนิ ว่า "ไร้ศีลธรรม" ภายหลังจาก"กลุ่มแลกเปลี่ยนคู่นอน" เริ่มเข้ามาในเมืองดังกล่าวเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา


ข้อพิพาทเริ่ม รุนแรงขึ้น เมื่อกลุ่มหลังถูกกล่าวหาว่ามักจะเดินป้วนเปี้ยนในพื้นที่ดังกล่าวด้วยการ สวมใส่เสื้อผ้า ซึ่งถือเป็นการดูถูกกลุ่มผู้รักการเปลือยกายที่แท้จริงอย่างยิ่ง


นาง ฟลอเรนซ์ เดเนสทีบ สมาชิกสภาเมืองอิสระรายหนึ่ง กล่าวในการประชุมสภาฯว่า "เมื่อแสงอาทิตย์ส่อง จะมีพื้นที่หนึ่งของเมืองแคป ดากด์ ซึ่งกลายเป็น "เมืองหลวงแห่งฟรีเซ็กซ์ของยุโรป"


โดยเธอ เรียกร้องให้นายกเทศมนตรีของเมือง ยับยั้งสิ่งที่เกิดขึ้นดังกล่าว ก่อนที่ "การปะทุของการประพฤติผิดศีลธรรม"จะเกิดขึ้นในพื้นที่ที่ "ไม่เปลือย" ของเมือง


โดยกลุ่มผู้รักการเปลือยกายดั้งเดิม สนับสนุนการเคลื่อนไหวดังกล่าว โดยหนึ่งในสมาชิกกลุ่มกล่าวว่า สาเหตุที่พวกเขาย้ายไปยังพื้นที่ดังกล่าวก็เนื่องจากต้องการ "ชีวิตที่เป็นธรรมชาติ" แต่ท้ายสุดกลับต้องมาตกอยู่ "ท่ามกลางสัตว์ป่า"


นายก เทศมนตรีเมืองแคป ดากด์ กล่าวว่า เขาจะพิจารณาต่อคำร้องเรียนดังกล่าว แต่เขาก็ได้ทำทุกวิถีทางในการที่แยกทั้งสองกลุ่มออกจากกัน


เมื่อ สองปีก่อน ความโกรธเกรี้ยวเกิดขึ้นเช่นกัน ภายหลังจากเกิดการไหลทะลักเข้ามาของกลุ่มแลกเปลี่ยนคู่นอน ซึ่งนำมาสู่เหตุลอบวางเพลิงโรงแรม 2 แห่ง ที่ใช้จัดปาร์ตี้สวิงกิ้ง

“ฟิล์ม” โฮ! ขอโทษ “แอนนี่” จ่อพาพ่อแม่เคลียร์ ลังเลฟ้องศาลตรวจ DNA ขอโอกาส RS กลับทำงาน

"ฟิล์ม" สุดทนปล่อยโฮ ขอโทษ "แอนนี่" และทุกคนที่ทำให้เดือดร้อน จ่อพาพ่อแม่คุยเคลียร์ดาราสาว ส่วนเรื่องตรวจดีเอ็นเอขอปรึกษาผู้ใหญ่ก่อนจะฟ้องศาลหรือไม่ ปัดพูดให้ข้อมูลไม่ตรงกัน อ้างไม่อยากรื้อฟื้น งดพูดถึง "เสี่ยอู๊ด" สั่งยกบ้านให้ลูก รับเสียใจทำให้แม่ช็อกเข้าโรงพยาบาล วอนขอโอกาสจากสังคม และจะขอ "เฮียฮ้อ" กลับมาทำงานตามเดิม ให้สัญญาจะไม่ทำให้ใครผิดหวังอีก เล็งบวชเร็วๆ นี้
       
       เลิกหนีและพร้อมเปิดใจเคลียร์กระแสข่าวทำดาราสาว "แอนนี่ บรู๊ค" ท้องจนมีลูกชาย "น้องทีฆายุ แก้วไทรหาญ" อีกรอบ แล้ว สำหรับนักร้องหนุ่ม "ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์" ที่หลังจากเกิดกระแสข่าวดังกล่าว และเจ้าตัวได้ออกมาเคลียร์ไปแล้ว แต่พอถูก "แอนนี่" สวนกลับด้วยข้อมูลที่ไม่ตรงกัน ทั้ง "เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์" ยังประกาศระงับงานทุกอย่างแบบไม่มีกำหนด จนกว่าจะเคลียร์ตัวเองได้ "ฟิล์ม" ก็เอาแต่เก็บตัวเงียบไม่ออกมาตอบโต้ใดๆ มีเพียงแต่ผู้คนรอบข้างที่เป็นห่วงออกมาให้ข่าวแทน ยิ่งทำให้เรื่องบานปลายไปกันใหญ่
       
       กระทั่งวานนี้ (22 ก.ย.) "นางโคมมนต์ ทองมั่ง" ซึ่งเป็นแม่ของนักร้องหนุ่มได้เกิดอาการช็อกจากคำพูดของ "เจ๊เบียบ" หรือ "นางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช" ที่ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการทีวีสับลูกชาย เละว่า เป็นคนสำส่อน ชุ่ย มักง่าย ไม่มีความรับผิดชอบ และเห็นผู้หญิงเป็นเครื่องสนองวัตถุทางเพศ "ฟิล์ม" จึงรีบบึ่งรถจากปากช่อง นำแม่ส่งโรงพยาบาล BNH ย่านสาทร และเฝ้าดูแลอาการอย่างใกล้ชิด อีกทั้งในวันเดียวกัน อดีตคนคุ้นเคยอย่าง "เสี่ย อู๊ด สิทธิกร บุญฉิม" ยังร่อนจดหมายจวกนักร้องหนุ่มเห็นแก่ตัวเอาเปรียบ "แอนนี่" พร้อม สั่งให้โอนบ้านที่เคยซื้อให้ยกต่อให้ลูกชายของ "แอนนี่" เพราะ ความรักและสงสารเด็ก
       
       เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น.วันนี้ (23 ก.ย.) นักร้องหนุ่มจึงนัดสื่อมวลชนมาฟังการแถลงข่าวเปิดใจอีกครั้งที่บริษัทอา ร์เอส ย่านลาดพร้าวซ.15 โดย "ฟิล์ม" มาพร้อมกับสีหน้าที่เคร่งเครียด เผยทนแรงกดดันไม่ไหวเลยต้องออกมาพูด พร้อมร้องไห้กล่าวขอโทษ "แอนนี่"
       
       "จริงๆ ผมไม่อยากออกมาพูดเลย แต่ผมทนแรงกดดันจากสังคมไม่ไหวเลยต้องออกมาพูด ผมใช้เวลาคิดอยู่เป็นอาทิตย์ ซึ่งถ้าผมโดนคนเดียวก็รับได้ เพราะผมได้พูดไปหมดแล้ววันแถลงข่าว แต่ ณ ตอนนี้คนรอบข้างคนที่ผมรักทุกๆ คนโดนหมด คุณแม่ผมต้องเข้าโรงพยาบาล ตอนที่ท่านเข้าท่านก็ยังมีแรงพูดได้อยู่ ท่านไม่ได้เสียใจที่มีข่าวผมไปทำใครท้อง แต่ท่านสงสารผมทั้งถูกตัดงานและถูกต่างๆ นานา นอกจากครอบครัวผมก็ยังทำให้เฮียและซ้อ ที่เปรียบเหมือนพ่อและแม่ผมต้องผิดหวัง แฟนเพลงที่เป็นแฟมิลี่ของผม ผมทำให้เขาต้องร้องไห้กับเหตุการณ์ที่ผมทำขึ้นมา และพี่ๆ ทุกคนที่คอยสนับสนุนและให้โอกาสผมมาตลอด"
       
       "อย่างแรกเลยคือผมกราบขอโทษทุกๆ ท่านที่ทำให้เสียใจ แฟนเพลงที่ทำให้ต้องเสียน้ำตา และทุกคนที่ให้ความหวังกับตัวผม รวมถึงความฝันของผมด้วยที่ฝันมาตลอดว่า อยากเป็นดาราอยากเป็นนักแสดง ผมกลับทำความฝันของตัวเองพังทลายลงไป เพราะความประมาทในชีวิตที่ผมได้ก่อขึ้นมา (น้ำตาไหล) และผมขอโทษแอนนี่ด้วย ที่ทำให้เขาต้องเสียใจ ผมเห็นใจเขามาก ผมรู้เขาน่าสงสารกว่าผมเยอะ ผมยอมรับกับสิ่งที่ผมทำผิดพลาดไปทั้งหมด และยินดีที่จะแก้ไขให้มันดีขึ้น ผมยอมแล้วจริงๆ ครับ ยอมทุกๆ อย่าง จะทำอะไรก็ได้ขอให้มันดีขึ้น จะให้ผมไปพูดจากับเขา หรือเรียกให้ไปตรวจผมยอมทุกอย่าง"
       
       "ผมไม่มีอะไรจะพูด นอกจากผมขอโอกาสกับพี่ๆ สื่อมวลชน แฟนๆ เพลงทุกคน และทุกคนที่มีความรักให้กับผม ขอขอบคุณเฮียกับซ้อและบริษัท พี่ๆ ทีมงานทุกคน ทั้งพี่พจน์ (อานนท์) และทุกคนที่ออกมาพูดเรื่องของผม จากวันนี้สิ่งที่ผมต้องทำ ผมยอมรับกับสิ่งที่ทำไปและสิ่งที่มันเกิดขึ้น แต่ในเรื่องของงานผมก็ขอโอกาสจากทุกคน แล้วผมจะกลับไปขอโอกาสจากเฮีย เพื่อให้ผมได้ทำงานในสิ่งที่ผมรักต่อไป เพราะผมเป็นเสาหลักของครอบครัว ผมต้องเลี้ยงดูทุกคน และต่อไปผมจะไม่ทำให้ใครผิดหวังอีก"
       
       "จริงๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องของคนสองคนที่ทำขึ้นมา ต่อจากนี้ผมยอมทุกอย่าง ก็ต้องเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายหนึ่งด้วย ที่ผ่านมาผมยังไม่ได้คุยอะไรกับเขา ถ้ามีโอกาสผมยินดีที่จะคุย ตอนแรกเรื่องทั้งหมดเกิดจากคนสองคนที่ทำขึ้นมา แต่ตอนนี้มันกลายเป็นมีคนอื่นเข้ามารับรู้ด้วย ถ้าจะคุยกันครั้งนี้ผมอยากให้คุยกันเป็นครั้งสุดท้าย และจบลงด้วยดี เพราะผมเป็นห่วงเด็กมาก"
       
       "ตอนนี้ผมกับแอนนี่ยังไม่มีการโทรติดต่อคุยกัน ณ ตอนนี้ผมอยากทำให้มันดีที่สุดอยู่แล้ว เพราะเด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ต้องมารับรู้ปัญหาต่างๆ โดยเป็นสิ่งที่เป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ผมก็สงสารมาก ดังนั้นตอนนี้คือทำอะไรได้ผมก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด ผมเห็นเด็กแล้วรักมาก แล้วผมก็ให้ความช่วยเหลือตลอด และจะช่วยเหลือตลอดไป ซึ่งครอบครัวผมก็รับรู้กันหมด เขาอยากอุ้มหลาน แต่เขาก็อยากให้ผมตรวจดีเอ็นเอ ให้ทางผู้ใหญ่มั่นใจและแน่ใจด้วย"
       
       "แต่ถ้าเขาไม่ยอมตรวจ ผมก็ไปบังคับใครไม่ได้ ก็ต้องทำให้ดีที่สุด ผมจะไปฟ้องหรือขออำนาจศาลเพื่อให้เขาตรวจหรือเปล่า ผมยังไม่รู้บทสรุปจะเป็นยังไง ผมก็ขอปรึกษาผู้ใหญ่ก่อน แต่จะทำให้ดีที่สุด"
       
       เมื่อถามต่อถึงคำพูดของ "แอนนี่" ที่บอกให้เขาตรวจดีเอ็นเอตอนท้อง 4 เดือน แต่เขาไม่ยอมตรวจ นักร้องหนุ่มชี้แจงประเด็นนี้ว่า
       
       "สิ่งเหล่านี้ผมว่าต่างคนต่างพูดมันก็จะไม่ตรงประเด็น แต่สิ่งที่พูดไปตั้งแต่วันแรก ผมพูดความจริง คือผมบอกว่าใช่เหรอ ใช่ลูกของผมหรือเปล่า ผมอยากให้ตรวจ แต่พอผมพูดไปเขาก็ร้องไห้ เขาเสียใจ ผมก็ปลอบเขาว่าใจเย็น บอกที่พูดไม่ได้ต้องการทำร้ายความรู้สึก แต่ใจผมอยากรู้จริงๆ แต่ผมไม่รู้จะพูดยังไง ผมพูดเขาก็ร้องออกมา ผมเลยบอกว่าใจเย็น....ตอนนี้เลี้ยงให้ดีที่สุดก่อน คุณเป็นฝ่ายลำบาก ผมไม่ได้เป็นฝ่ายที่ลำบากอยู่แล้ว และผมเห็นใจ สิ่งที่ผมพูดกับเขาก็บอกอย่าคิดมาก อย่าทำร้ายเด็ก พยายามปลอบเขาอยู่ตลอด พอผมบอกเขาอีกว่าผมพร้อมที่จะตรวจๆ เขาก็บอกมาว่าไม่เชื่อใจเหรอ ผมก็ไม่อยากทำร้ายน้ำใจเขาอีกต่อไปแล้ว ผมก็เลยได้แต่ให้ความช่วยเหลือเขามาตลอด (อะไรทำให้เราไม่มั่นใจว่าเป็นลูกของตัวเอง).........(เงียบนาน) ไม่ตอบดีกว่าครับเพราะไม่รู้ แต่อืมม์....ครับ"
       
       "สำหรับครั้งนี้ถ้าการตรวจเป็นทางออกที่ดี ผมก็ยินดีตรวจ เพราะชื่อเสียงที่ผมสร้างมาทั้งหมด มันไม่เท่ากับการทำให้ชื่อเสียงผู้หญิงคนหนึ่งเสียหาย ผมเห็นใจเขามากจริงๆ ถ้าตรวจแล้วเป็นลูกเราจริง ณ เวลานี้ผมจะดีใจด้วย เพราะผมจะได้ทำหน้าที่พ่อให้ดี ให้สังคมเห็นว่าผมไม่ได้เป็นคนแบบนั้น ผมรู้ตั้งแต่วันแรกก็ไม่เคยทอดทิ้ง ผมไม่มีเจตนาอะไรที่จะไปคิดร้าย ผมมีแต่ความจริงใจที่มอบให้"
       
       "ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงไม่ตรวจ ที่บอกว่าผมพูดบางคำทำให้เขาเสียใจ แต่ส่วนตัวผมไม่ได้คิดอย่างนั้น ผมก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น (ถ้าแอนนี่ไม่ตรวจ จะรับเป็นพ่อโดยที่ไม่ต้องตรวจไหม) ถ้าไม่ตรวจผมก็จะให้การช่วยเหลือแบบนี้ตลอดไป เพราะทำมาตั้งแต่วันที่รู้แล้ว แต่ผมก็ติดใจครับ เพราะทุกคนก็อยากรู้ว่าใช่หรือเปล่า เพื่อที่จะทำอะไรให้มันดีขึ้นกว่าเดิม จะได้ไม่ต้องมารู้สึกไม่สบายใจในสิ่งที่ทำลงไป (พอมีเรื่องเกิดขึ้นยังให้ความช่วยเหลือแอนนี่ตลอด) เปล่าครับ ตั้งแต่มีเรื่องก็ยังเลย"
       
       ต่อข้อซักถามที่ว่าการให้ข้อมูลของทั้งสองฝ่ายไม่ตรงกัน เลยถูกมองไปว่า อาจมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโกหก นักร้องหนุ่มเชื่อเป็นการเข้าใจผิดกันมากกว่า
       
       "มันน่าจะเป็นการเข้าใจผิดกัน คงไม่มีใครอยากโกหก แต่ส่วนตัวผมก็จะทำให้ดีที่สุด ณ เวลานี้ สิ่งที่ผมอธิบายไปวันนี้ ก็ไม่อยากไปรื้อฟื้นเรื่องเก่าๆ แล้ว ตอนนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องของคนสองคนแล้ว แต่มันเป็นคนทั้งประเทศ และเด็กอีกคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยกับเหตุการณ์ที่ก่อขึ้นมา ผมสงสารเด็กมากกว่า แต่ผมก็ยินดีทุกอย่างในการช่วยเหลือเด็กคนนี้"
       
       "ที่เขาบอกว่าไม่อยากทำร้ายผม แต่การที่เขาออกมาพูดแบบนี้ และทำให้ผมถูกแบน ถามว่าทำร้ายผมหรือเปล่า ไม่รู้จริงๆ ผมก็จะทำหน้าที่ของผมให้ดีกับเรื่องนี้ หลังจากวันนี้ผมกะไม่ได้และคาดเดาไม่ได้จริงๆ ถ้าผมโทรไปเขาจะรับโทรศัพท์ หรือได้คุยหรือเปล่าไม่รู้ แต่ผมอยากทำให้ดีที่สุดกับทุกฝ่าย ตอนที่ผมมีโอกาสได้คุยกับเขามันนานมากแล้ว ซึ่งคนที่ดูแลเรื่องนี้จะเป็นแม่กับผู้จัดการส่วนตัวตลอด ถึงวันนี้ผมก็ไม่มีโอกาสได้โทรไปเลย ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเมื่อไหร่จะติดต่อเขา แต่สิ่งที่ผมพูดไปแล้วคือ ถ้าเราคุยกันสองคนก็ไม่จบอีก มันต้องมีใครสักคนเข้ามาเป็นคนกลาง อาจเป็นพ่อแม่เขา พ่อแม่ผมจะได้จบกันสักที ตัวผมไม่มีอะไรจริงๆ แต่ผมคิดว่าอย่างนั้นน่าจะดีกว่า เพราะถ้าไม่อย่างนั้นมันก็จะไม่จบ ผลกระทบไปตกที่ใครก็ตกที่เด็ก ผมก็อยากให้มันจบเร็วที่สุด ครอบครัวผมก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน แต่ผมไม่เคยคุยกับอีกฝั่งหนึ่งเลยว่ายังไง แต่จะลองคุย"
       
       ถามถึงเรื่อง "เสี่ยอู๊ด" บอกให้ยกบ้านที่เคยซื้อให้ให้กับลูกชายของ "แอนนี่" นักร้องหนุ่มยันไม่รู้เรื่อง แต่ขอหุบปากไม่พูดอะไรต่ออีก
       
       "ผมก็ไม่รู้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้ยังไง แต่คิดว่าความจริงก็จะปกป้อง มันก็ต้องดูกันไป ผมไม่อยากพูดอะไรต่อ เพราะมันนอกเหนือจากประเด็นตรงนี้ แค่นี้ผมก็แย่แล้ว"
       
       ผู้สื่อข่าวถามต่อถึงสภาพจิตใจในวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง?
       
       "ผมแย่มาก ผมร้องจนไม่มีน้ำตาแล้วครับ ผมก็ไม่คิดว่าชีวิตผมจะเป็นอย่างนี้เหมือนกัน ผมไม่ได้ทำแค่ตัวเอง แต่ผมทำให้ทั้งแฟนๆ เฮีย ซ้อ อันนี้ประเด็นสำคัญหลักเลย เพราะเขาคาดหวังกับผม และผมก็คาดหวังกับตัวเองไว้มากเหมือนกันกับงาน พี่ๆ คงเห็นว่าผมมีความตั้งใจขนาดไหนกับการออกงานแต่ละชิ้น (ร้องไห้โฮ) คือผมไม่ใช่คนเก่งอะไร แต่ผมถือว่าตัวเองมีโอกาสและอยากทำให้มันดี ผมพยายามทำเป็นแบบอย่างให้น้องๆ เห็น ให้สังคมเห็น ผมพยายามช่วยเหลือสังคม เพราะผมไม่รู้จะเอาอะไรตอบแทนสังคมเท่ากับจิตใจที่ผมมีให้กับทุกคน แต่วันนี้มันเกินที่ผมจะรับไหว ผมคิดว่าผมอยู่คนเดียวแล้วจะหาย แต่ทุกคนกลับไปบีบพ่อแม่ผม ไปบีบผู้หลักผู้ใหญ่ที่ผมนับถือ ทำให้เขาเจ็บช้ำน้ำใจกับสิ่งที่ผมทำมาทั้งหมดเพียงคนเดียว"
       
       "ก่อนแม่เข้าโรงพยาบาล แม่อยู่กับผมตลอดเวลา เขาพยายามปลอบใจผมทุกวัน คืนก่อนเขานอนอยู่กับผม พอตื่นเช้ามาก็มาดูข่าวทีวีเขาก็ปลุกผมขึ้นมาดูเร็วๆ แต่พอผมลืมตาดูมันก็จบไปแล้ว แต่แม่ไม่ยอมจบ เขาพะอืดพะอมร้องไห้ออกมา สิ่งที่เขาพูดสงสารที่ผมไม่มีงานทำ ผมก็ปลอบแม่ว่าอย่าคิดมากใจเย็นๆ แต่ผมแย่มากไม่งั้นไม่ออกมาพูดหรอก สำหรับอาการของแม่ตอนนี้ยังไม่รู้เป็นยังไง หมอยังไม่ให้เหตุผลอะไร ตอนนี้แม่ก็ยังไม่ออกจากโรงพยาบาล ผลก็ยังไม่รู้เป็นยังไง แต่ก็ตรวจเลือดตรวจปัสสาวะไปเรียบร้อยแล้ว"
       
       "ถามว่าโกรธใครไหมที่ทำให้แม่เป็นแบบนี้ ผมไม่โกรธใคร ได้แต่โกรธตัวเอง มันก็ได้รับกรรมในสิ่งที่ทำแล้ว คือไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ สิ่งแรกที่ผมคิดมาตลอดคือไม่อยากทำร้ายใคร ผมอยากทำให้มันดีที่สุด ผมพูดครั้งแรกไปแล้วก็คิดว่าจะจบวันนั้น แต่มันกลับไม่ใช่อย่างนั้น ผมก็ให้คำตอบตัวเองไม่ได้จริงๆ ว่าจะแก้ไขเรื่องนี้อย่างไร เพราะมันขึ้นอยู่ที่ว่าทางทุกๆ คนเป็นผู้ตัดสินให้กับผมเอง"
       
       เผยช่วงที่หายหน้าไปนั่งวิปัสสนากับครอบครัว บอกถึงมีครอบครัวอยู่เคียงข้าง ตนก็ยังรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น พร้อมปัดเคยคิดฆ่าตัวตาย
       
       "ช่วงที่หายไปผมก็อยู่กับครอบครัวตลอด นั่งวิปัสสนากรรมฐาน มีเวลาอยู่กับครอบครัวจริงจัง แต่เราอยู่กันแบบความเศร้า เดี๋ยวก็มีสายโทรศัพท์โทรมาทางบ้านยาย ว่ามีพี่ๆ ไปหาคุณยายบ้าง ไปหาคุณพ่อบ้าง ถึงผมจะมีคุณแม่ปลอบใจอยู่ แต่ความรู้สึกลึกๆ ในใจผมเหมือนตายทั้งเป็น เพราะทำให้คนที่ไม่ได้รับรู้เรื่องนี้ ต้องมาเป็นแบบนี้กับเราด้วย ผมโทรหาเฮีย เฮียก็ไม่ได้นอน โทรหาทุกคน คือเขารักผมหมด เหมือนผมทำสิ่งที่ผิดพลาดไป มันก็เลยรู้สึกว่าแย่มาก"
       
       "ถามว่าผมเคยคิดฆ่าตัวตายไหม ไม่เคยครับ หลังจากไปปฏิบัติธรรมก็ทำให้ผมคิดอะไรได้มากขึ้น อยากบวชมาก ผมเคยมีแพลนจะบวชตั้งแต่เดือน 6 ที่ผ่านมา แต่แล้วก็เลื่อนมาตลอด ตอนนี้ถ้ามีโอกาสก็อยากบวช อาจจะเป็นช่วงนี้ก็ได้ที่จะได้ทำ"
       
       วอนขอโอกาสจากสังคมอีกครั้ง โดยให้สัญญาจะทำทุกอย่างให้ดีขึ้น พร้อมฝากขอโทษ "แอนนี่" บอกเห็นใจและเข้าใจ อยากให้หันหน้ามาคุยกัน
       
       "ผมขอบคุณทุกกำลังใจที่มีให้ และผมก็ปฏิญาณสัญญาไว้เลยว่า จะทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆ และจะขอโอกาสจากสังคมให้กับผมอีกสักครั้ง ซึ่งก็น่าจะโอเคแล้ว เพราะในฐานะผมตอนนี้แทบจะไม่มีสิทธิ์ขออะไรได้เลย"
       
       "สำหรับแอนนี่ผมอยากบอกขอโทษเขา ผมเห็นใจมากๆ และคิดว่าเขาก็น่าจะความรู้สึกเดียวกัน ถามว่าจะขอให้เขาออกมาตรวจไหม จริงๆ แล้วเรื่องการตรวจดีเอ็นเอ จะมาจากฝั่งผมฝ่ายเดียวไม่ได้ ตอนนี้เราต้องเห็นใจเขามากๆ ผมก็เห็นใจเขามากๆ เหมือนกัน แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากตัวผมคนเดียวแล้ว มันมีครอบครัวผม ครอบครัวเขา และคนทั้งหมดที่อยากรับรู้อีก แต่สิ่งเหล่านี้มันก็ต้องเป็นเรื่องของคนสองคน เราต้องมาคุยกันมากกว่า"

Blog Archive