Clip หลุด ทาทา

Sunday, April 27, 2008

โฆษณาไทยประกันชีวิต (ลูคีเมีย)

Sexy Thai Dancers - oh le le (Thai)

Motor Show Thailand 2004

Motor-Show 2004 Thailand 2

คลิบน้องมด

ไปเจอจากเน็ตเลยเอามาฝากคั้บ

Club Penguin Music Video

ฟังเพลงหนุกๆกันคั้บ

เตือนสติ แขกเดิน

Wednesday, April 9, 2008

นั่นงัยมาแล้ว แขกเดิน
ไม่รู้จักอ่าดิ แขกเดินในที่นี้คือ ผู้ชาย ผู้หญิง ผู้ชาย+ผู้หญิง ไปเดินสำรวจตลาดย่านเด็กวัง ไม่ใช่คนที่นั่งสำรวจตลาดบนพาหนะ ทั้งรถยนต์ส่วนตัว มอไซด์และรถโดยสาร ขอเตือนคั้บ เดินอย่างระมัดระวัง อย่างพยายามเดินคนเดียว เพราะอาจจะเปิดโอกาศให้ถูก เด็ก ไถตังค์ได้ง่ยมากขึ้น ทางที่ดี เดินอย่างน้อย 2 คนขึ้นไปจะดีมากคั้บ เพื่อความปลอดภัย

ในเรื่องการต่อรองราคากับเด็กวังนั้น อย่างให้ใช้สติ รอบคอบ อยากเอาความอยาก ความเงี่ยน ความเสี้ยนมาเป็นตัวตัดสินใจ อย่าน้ามืดตัวมัวเพียงเพราะเด็กวังหน้าตาดี (โดยเฉพาะผม) หุ่นให้ ใหญ่ ล่ำ อึด แม้ว่าการเจรจาต่อรองนั้น จะอยู่บนความพอใจของทั้งสองฝ่าย แต่ อยากให้ระวัง อย่าจ่ายเงิน หรือ ให้ของตอบแทนแก่เด็กวังก่อน ที่จะมีกิจกรรมใดๆเกิดขึ้น ยกเว้น แขก พอใจจะจ่าย พอใจที่จะเสียค่าโง่ หรือให้เพราะรักอะไรก้อแล้วแต่

รอบคอบกันสักนิด มีสติก่อนหยิบสตางค์
แล้วคุณจะได้ไม่เจ็บใจทีหลัง

ไม่ใช่ จ่ายค่าตัวล่วงหน้าให้เด็กวังก่อน ระวังเจอเด็กวังชิ่งนะคั้บ ได้ตังแล้วหำไม่แข็ง แทงไม่เป็น ทำอะไรก้อไม่ได้ เตรียมขาดทึนได้เลย


อ้อ ไม่เตือนเฉพาะแขกเดินดีกว่า เตือนแขกทุกคนที่มาเที่ยวเลยดีกว่าคั้บ

เพื่อสังคมเด็กวังที่ดีขึ้น อย่าตั้งตนอยู่บนความประมาท


มีความสุขในลิฟ

ธรรมชาติประการหนึ่งของคนในลิฟท์คือ ทุกคนจะวางตัวเย่อหยิ่ง ไม่รู้จัก ไม่มองหน้ากัน ไม่ยิ้มแย้ม ตาจ้องที่เลขบอกชั้น บรรยากาศยะเยือกเหมือนเกิดสงครามเย็น
แต่คุณ.....
อาจเปลี่ยนแปลงมันได้โดย

1. สั่งขี้มูกใส่ผ้าเช็ดหน้า ส่งให้คนรอบๆ ดู ถามว่า " ขี้มูกสีนี้มีเชื้อไหมครับ ? "
2. กรณีที่ขึ้นหลายชั้น แกว่งตัวไปมาให้ลิฟท์โยกเยก พลางร้อง " ฮุยเลฮุย "
3. แจกนามบัตรและขอนามบัตร
4. ทำเสียงบึมทุกครั้งที่มีคนกดปุ่ม
5. จับมือคนที่เข้าใหม่ พลางพูดว่า " ยินดีต้อนรับ ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ "
6. ร้อง " ติ๊งต่อง " ทุกครั้งที่ประตูปิด ( น่าจะเป็นเปิดมากกว่า ช่างเหอะ )
7. ไอแห้งๆ เป็นระยะ บ่นพึมพำว่ายาวัณโรคหมดหลายเดือนแล้ว
8. ยืนเงียบๆ ที่มุมในสุด หันหน้าชิดฝา ไม่ขยับร่างกาย พึมพำคาถา ไม่ต้องลงแม้ลิฟท์จะขึ้นสุดแล้ว
9. ผายลมต่อเนื่อง มองผู้หญิงข้างๆ แล้วยิ้ม
10. รำมวยไทเก็ก
11. พูดเสียงดังว่า " เอ๊ะ ปุ่มอะไร ? " แล้วกดปุ่มสีแดงที่เขียนว่าหยุดฉุกเฉิน
12. แง้มกระเป๋าถือ ชะโงกหน้าดูข้างใน พูดกับกระเป๋าว่า " คุณสบายดีไหม ? อากาศในนั้นพอหายใจหรือเปล่า ? เดี๋ยวก็ถึงแล้ว "
13. เข้าทรง

ยิ้มให้กันหน่อยน่า อย่างน้อยถามว่า ไปชั้นไหนคะ เป็นธุระกดลิฟท์ให้...ก็ยังดี

โดนเพื่อนสนิทชายมอมเหล้า แล้วเค้าบอกไม่ได้ใส่ถุง, ต้องทำอย่างไร

ต้องทำอะไร หรือทานอะไร ภายใน 24 ชม. หรือเปล่า
คือว่าไปผับ กับเพื่อนสนิทที่คณะ
แต่ไม่ได้ชอบเค้า แล้วเราก็เมา


จากนั้น จำความได้ว่า.......
ไปต่อที่ร้านโจ๊กกองปราบ ซอยโชคชัย 4

ตอนนั้นก็เมามากแล้ว .........
รู้สึกตัวอีกที ตอนที่เค้ามาส่งที่บ้านแล้ว......

เค้าบอกว่าไม่ได้ ใส่ถุง

เลยถามเค้าว่าทำอย่างนี้ได้ยังไง


เค้าเลยตอบกลับมาว่า.............





แดกไปตั้งสองชาม แล้วมึงยังอยากจะใส่ถุงอีกเหรอ !!!




จะ ทำ อย่างไรดีคะ โทรไปหา เค้าดีมั้ย ? ตอนนี้สับสนมาก

ข้อสอบ Entrance

เนื่องจากทางกระทรวงคมนาคม (??) ได้เล็งเห็นว่า การสอบคัดเลือกนักศึกษาโดยใช้ระบบ A-Net , O-Net ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ ก่อให้เกิดปัญหาความไม่ยุติธรรม และความไม่เท่าเทียมกันในการสอบ ..... ทางกระทรวงฯ จึงมีนโยบายที่จะจัดทำข้อสอบขึ้นมาใหม่ เรียกว่า A-Z Net ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในปีหน้า โดยข้อสอบชุดใหม่นี้จะเป็นข้อสอบแบบรวมทุกวิชา และเพื่อตัดปัญหาการเก็งข้อสอบ โดยสักแต่ท่องจำเฉพาะหัวข้อสำคัญๆ แล้วมาสอบ ข้อสอบชุดใหม่นี้จะถามคำถามแบบเชิงประยุกตร์ที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำ วันได้ เพื่อให้นักเรียนได้ตั้งใจศึกษาบทเรียนอย่างเต็มที่และมีแนวคิดในการแก้ ปัญหาอย่างเป็นระบบ ซึ่งแนวข้อสอบดังกล่าวมีดังนี้....

วิชาฟิสิกส์
จงตอบคำถามต่อไปนี้
1. ชายคนหนึ่งทำการทดลองทางฟิสิกส์ด้วยการโดดร่มจากตึกสูง 150 ชั้น ซึ่งมีความสูงชั้นละ 2. 5 เมตร โดยให้เพื่อนของเขาสังเกตุการณ์อยู่ที่ริมหน้าต่างชั้น 18 โดยที่หน้าต่างมีความสูง 1.2 เมตร หากช่วงเวลานั้นมีแรงลมจากทางทิศเหนือที่พัดมาปะทะตึก 150 Pa และความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศ 18% เมื่อชายคนนั้นลอยอยู่เหนือพื้น 70 เมตร ปรากฎว่ามีแรงพยุงจากร่มชูชีพ 30 Pa แต่เมื่อชายคนนั้นลอยเหนือพื้น 40 เมตร ร่มชูชีพเกิดขาดด้วยแรงเฉือน (Shear force) 32 kN ชายคนนั้นจึงตกลงมากระทบพื้นด้วยคุณภาพเสียง 70 dB ............. อยากทราบว่า ใครจะเป็นเจ้าภาพงานศพ?? (กำหนดให้แรง g = 9.8 N และอุณหภูมิขณะนั้นเป็น 20 ํc)
2. การปลดปล่อยสวัสดิกะของเหล่ายมทูต อาศัยหลักฟิสิกส์อะไรบ้าง? มีหน่วยวัดปริมาณอะไร? และแตกต่างจากการปล่อยพลังคลื่นเต่าของโงกุนอย่างไร?
3. ทฤษฎีสัมพัทธภาพ เป็นที่ทฤษฏีที่ถูกคิดค้นขึ้นโดยนักฟิสิกส์ชื่อดัง อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ อยากทราบว่า พ่อตาของไอน์สไตน์มีชื่อว่าอะไร?

วิชาเคมี
จงตอบคำถามต่อไปนี้
1.อยากทราบว่า เคมีอาจารย์อุ๊ กับ วุ้นคุณอุ๊ เกี่ยวข้องกันอย่างไร?
2. นักเคมีคนใดที่เป็นแฟนพันธุ์แท้อย่างเหนียวแน่นของทีมลิเวอร์พูล จนถึงขนาดมีลายเซ็นครบทุกคน ? และในยุคสมัยของ นักเคมีคนนั้น ลิเวอร์พูลมีกัปตันทีมชื่ออะไร? ได้ถ้วยอะไรบ้าง?

วิชาชีวะวิทยา
จงตอบคำถามต่อไปนี้
1. จงสรุปเนื้อหาชีวะที่เรียนมาตั้งแต่ ม 3- ม 6 มาพอสังเขป ?? ( อนุญาตให้เขียนได้ไม่เกิน 2 บรรทัด )
2. เพราะ เหตุใด Resident evil ถึงมีชื่อภาษาไทยว่า ผีชีวะ? ( ทำไมไม่เป็น.. ผีฟิสิกส์...ผีสุขศึกษา... ผีพละ?) จงอธิบายมาโดยละเอียด พร้อมทั้งยกเหตุผลประกอบ

วิชาภาษาอังกฤษ
จงแปลประโยคสนทนาต่อไปนี้ให้เป็นภาษาไทย
1. Can you finish all of them?
A กระป๋อง.. คุณเสร็จพวกมันแล้ว
B ความสามารถของคุณ จะสำเร็จทั้งหมดของมันหรือ?
C คุณจัดการให้เสร็จเลยได้มั๊ย?

2. Don't worry, I got your back cover.
A อย่าห่วง ฉันจะคุ้มกันหลังให้เอง
B อย่ากังวลฉันเลย เอาปกสีดำเถอะ
C ไม่ต้องกังวลฉันเอาหลังของคุณ (เฮ่ยย?)

3. Oh shit man!! What the hell is this?
A โอ้ มนุษย์อุจจาระ นรกคืออะไร?
B โอ้ ขี้คนผู้ชายอะไรนรกคือสิ่งนี้?
C บัดซบแล้วเพื่อน นี่มันบ้าอะไรกันวะเนี่ย?

วิชาคณิตศาสตร์
จงตอบคำถามต่อไปนี้
1. หากนำเลขบัตรประจำตัวประชาชนของ คุณบุญกึ่ม ณ หนองโคก มาลบออกจาก เลขบัญชีธนาคารของนาย สมตุ๋ย ลุยถั่วดำ ยกกำลังด้วยเลขบัตรนักศึกษาของ นายบักปื๊ด บ้านบักเป็ด จะได้ผลลัพธ์เป็นเท่าไร?
2. จงขอเบอร์นักเรียนหญิงที่น่ารักๆ มาอย่างน้อย 10 รายชื่อ? (หมายเหตุ: คะแนนจะแปรผันตามปริมาณเบอร์โทรศัพท์ความน่ารัก...) (หมายเหตุ 2 :ในกรณีที่เป็นผู้หญิง ถ้ามั่นใจว่าน่ารัก สามารถใส่เบอร์ตัวเองได้เช่นกัน ) (หมายเหตุ 3: หากใส่เบอร์กระเทยมา จะถูกปรับตกทันที)
3. นักเรียนคิดว่า ......หวยงวดต่อไปจะออกเลขอะไร ? (หมายเหตุ : อนุญาตให้ขูดโต๊ะ เก้าอี้ ผนังห้อง หัวคนข้างหน้า ... หรือเข้าทรง ได้ตามอัธยาศัย (หมายเหตุ 2: ถ้าใครถนัดฝันเป็นเลขเด็ด สามารถยกมือขอหมอนจากอาจารย์คุมสอบได้)

วิชาสังคม
จงตอบคำถามต่อไปนี้
1. จงคิดนโยบายสร้างภาพ ขายฝันให้กับประชาชน ...เพื่อใช้ในการหาเสียงในการลงสมัครรับเลือก ส.ส. ให้ได้คะแนนเสียงมากที่สุด? (หมายเหตุ: อนุญาตให้ซื้อเสียง แจกเงิน ปล่อยข่าวลือ หรือ ก่อม็อบ ประกอบไปด้วยได้ตามอัธยาศัย )
2. พฤษภาทมิฬ หรือ Black may เป็นเหตุการณ์ที่ประชาชนเคลื่อนไหวประท้วงอำนาจเผด็จการโดยคณะรักษาความสงบ เรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ระหว่างวันที่ 17-20 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 ที่นำไปสู่เหตุการณ์นองเลือดบนท้องถนน และการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง โดย เหตุการณ์ครั้งนี้ เริ่มต้นมาจากเหตุการณ์รัฐประหาร 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 หรือ 1 ปีก่อนหน้าการประท้วง ซึ่ง รสช. ได้ยึดอำนาจจากรัฐบาล ซึ่งมีพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ในขณะนั้น โดยให้เหตุผลหลักว่ามีการฉ้อราษฎร์บังหลวงอย่างหนักในรัฐบาล อยากทราบว่าคำว่า พฤษภาทมิฬ นั้นอ่านออกเสียงได้กี่พยางค์?

วิชาภาษาไทย
ให้นักเรียนเลือกทำข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้
ก) จงแต่งกลอนพรรณนาความงามของตอม่อทางด่วน "โฮปเวล" ด้วยภาษาไทยวิบัติ ?
หรือ
ข) จงต่อเติมสุภาษิตต่อไปนี้ให้ถูกต้องตามหลักทำนองคลองธรรม
ข้อ 1 ลูกผู้ชาย ฆ่าได้....
ก ...ฝังให้ด้วย
ข ...ก็ฆ่าไป
ค ...หยามไม่ได้

ข้อ 2 น้ำมาปลากินมด น้ำลด...
ก ...ตอผุด
ข ...กระหน่ำซัมเมอร์เซล
ค ...ให้รีบตัก
ง ...มดกินปลา

ข้อ 3 น้ำท่วมทุ่ง...
ก ...ผักบุ้งโหลงเหลง
ข ...ผักบุ้งไฟแดง
ค ...ให้รีบตัก
ง ... ข้าวสาลี แล้วบู้มม!! กลายเป็นโกโก้คั้น

หากมันมีชีวิต

ลองมาดูกันว่า ถ้ามันเหล่านี้ เกิดมีชีวิตขึ้นมา มันอาจจะบอกคุณว่า --->
กระทะ - เปิดไฟเบา ๆ หน่อย..ร้อนนะโว้ย
โถส้วม - พี่ ๆ เสร็จแร้วราดน้ำด้วยสิพี่..เหลืองเชียว ผักน่ะหัดกินซะมั่งนะ
ไฟฉาย - วันไหนที่เธอหมดหนทางสว่าง (ไฟดับ) ขอให้เธอคิดถึงฉันเป็นคนแรก
ยกทรง - มรึง..จะเอาฟองน้ำมายัดทำมัยวะ...ยอมรับความจริงหน่อยดิ
โทรศัพท์ - หนวกหูว่ะ..พูดอยู่ได้ ปากเหม็นด้วย
กล้องถ่ายรูป - หน้าเห่ย ๆ ทำท่าไหนก็ไม่สวยหรอกโว้ยย
นาฬิกา - เวลาไปไม่ทันนัด..โทษว่ากรูเสีย ไอ้บ้า!! ให้กรูเป็นแพะรับบาปแทนเมิงอยู่เรื่อย
โลงศพ - สุดท้ายพวกเมิงก็มานอนกับกรู เข็มทิศ - หลงสิเมิง!!
แก้ว - จับเบา ๆ หน่อยสิ แตกเมื่อไหร่เมิงเจ็บ
ผ้าเช็ดหน้า - น้ำตาพอไหว น้ำหมากน้ำลาย..ไม่เอานะเว้ย
กระสอบทราย - ผมไปทำอะไรให้พี่เจ็บแค้นนักหนาเนี่ย
กีต้าร์ - เล่นไม่ดีมาโทษกรูว่าสายเพี้ยน
ลูกฟุตบอล - เล่นกันจนกูเวียนหัวแร้วโว้ย...โยนกันไปกันมาอยู่ได้ อยากได้กรูชั่วครั้งชั่วคราวทั้งนั้น เชย ชมสมเท้าแร้วก็เตะกรูส่ง..เวร
มีด - หั่นหมู..หั่นผัก ง่ายดาย แต่หั่นเธอออกจากใจ..ยากจัง
ผ้าเช็ดหน้า 2 - เข้าใจแร้วครับว่า..หมาตายในปากเป็นไง
พัดลม - เมิงเย็น..กรูร้อน
แอร์ - บิลค่าไฟมา โทษกรูทั้งปี
น้ำแข็ง - แค่เธอเอามือมาจับตัวฉัน ฉันก็แทบจะละลายคามือเธอแร้ว ละลายในปาก..แระละลายในมือ
รองเท้า - เดินดูทางหน่อยสิวะ..เหยียบขี้หมาจนได้ซวยเลยกรู..เต็มตีนเมิง แต่เต็มหน้ากรู!!
กระจก - อีนี่บ้าหรือเปล่า มาถามอยู่ได้..ว่าใครงามเลิศในปฐพี
CD - แผ่นก๊อป..เราเป็นได้แค่ตัวแทนของใครบางคนไม่ใช่ตัวจริง..แต่ราคาถูกกว่า
หนังสือโป๊ - ช่วยเช็ดน้ำลายออกจากตัวผมด้วยครับ ลู
กอม - เทคนิคการใช้ลิ้นของเขา..เล่นเอาฉันละลายไปเลย
เข็มฉีดยา - ไม่ต้องกลัวนะที่รัก มันเจ็บเหมือนมดกัดเอง เ
ข็มฉีดยา 2 - อ้ายเด็กเวงนี่..ร้องอยู่ได้จะกลัวทำมายแค่เข็ม แม่เมิงตีเจ็บกว่ากรูอีก
ปฏิทิน - เรามีเวลาอยู่ด้วยกัน แค่ปีเดียวเองนะครับ..ฉีกกรู กรูหน่อย!!
หวี - ลุง..มีแค่นี้เอามือลูบก็ได้
เก้าอี้ - โอ้ว..ก้นช้างหรือคนวะเนี่ย
รีโมท - เราอยู่ในภาวะที่โดนกดดันอย่างหนัก ลูกไก่ในกำมือชัด ๆ ทะเลาะกันทีไร..เขวี้ยงกรูทิ้งทุกที
ถุงยาง - ช่วงเวลาแห่งความสุข..มันช่างน้อยซะจิง ๆ

แท็กซี่ขายตัวแบบใหม่

Thursday, April 3, 2008

พบพฤติกรรมเกย์ขายตัวรูปแบบใหม่ แฝงตัวในอาชีพคนขับแท็กซี่ รถตู้และวินมอเตอร์ไซค์ บริการทั้งในและนอกสถานที่ ระบุกำลังเป็นกลุ่มผู้ชายที่ได้รับความนิยมจากชาวสีม่วง ต่างจากเดิมที่มุ่งเน้นขาวตี๋ มาเป็นหนุ่มผู้บึกบึนและสมบุกสมบัน เผยระหว่างรับผู้โดยสารจะแอบถามว่าเป็นเกย์หรือเปล่าพร้อมนำเสนอตัว สนนราคาอยู่ที่ 500 บาทเท่านั้น

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 8 ม.ค. ที่โรงแรมรัตน โกสินทร์ แผนงานสร้างเสริมสุขภาวะทางเพศ สำนัก งานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับโครงการจัดตั้งมูลนิธิอัญจารี, มหาวิทยาลัยมหิดล, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมูลนิธิสร้างความเข้าใจเรื่องสุขภาพผู้หญิง (สคส.) จัดการประชุมประจำปี เพศวิถีศึกษาในสังคมไทย ครั้งที่ 1 "วิพากษ์องค์ความรู้และธรรมเนียมปฏิวัติ เรื่องเพศวิถีศึกษาในสังคมไทย"

นายสหะโรจน์ กิตติมหาเจริญ นักศึกษาปริญญาเอก สาขาวรรณคดีและวรรณคดีเปรียบเทียบ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวในการนำเสนอผลการศึกษา เรื่อง "ผู้ชายขายแรง กับเรื่องเล่าออนไลน์:การค้นหาความสุขทางเพศของชาวสีม่วง" ว่าจากการศึกษาเว็บไซต์ชายรักชาย หรือเกย์แห่งหนึ่งในรอบปี 2550 ทำให้ทราบข้อมูลเบื้องต้นว่า ปัจจุบันมีกลุ่มคนขับรถแท็กซี่ คนขับรถตู้ และคนขับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แอบแฝงขายบริการทางเพศให้กับกลุ่มชายรักชาย โดยไม่ได้ประกาศขายอย่างโจ่งแจ้ง หรือมีสถานที่ประจำ แต่อาศัยการแฝงตัวมาในรูปแบบผู้ขับขี่รถโดยสารและหาลูกค้าจากผู้โดยสารที่มีลักษณะรักเพศเดียวกัน โดยมีรูปแบบการเสนอขายที่คล้ายคลึงกัน ทั้งรถแท็กซี่ รถตู้ และมอเตอร์ไซค์ โดยเฉพาะรถแท็กซี่ที่จอดรอผู้โดยสารในช่วงเวลาที่ผับบาร์เกย์ใกล้เลิก

"การขายบริการแบบนี้ เมื่อผู้ขายเห็นผู้โดยสารผู้ชายที่มีลักษณะคล้ายคนรักเพศเดียวกัน ก็จะชวนคุย โดยเริ่มจากเรื่องทั่วๆ ไป แล้วนำเข้าเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ ก่อนถามตรงๆ ว่า เป็นเกย์หรือไม่ สนใจจะซื้อบริการทางเพศหรือไม่ หากผู้โดยสารสนใจบางครั้งจะมีเพศสัมพันธ์กันในรถ หรือห้องเช่าส่วนตัวของผู้ซื้อบริการ สนนราคาอยู่ที่ 500 บาท หากเป็นการบริการเพียงภายนอก เช่น จับ ลูบไล้ อมหรือดูด ราคา 300 บาท" นายสหะโรจน์ กล่าว

นายสหะโรจน์กล่าวต่อว่า เหตุผลการที่กลุ่มคนเหล่านี้บางคนแอบขายบริการทางเพศให้กับกลุ่มชายรักชาย อาจเป็นเพราะต้องการหารายได้เพิ่มเติม และเห็นว่าการมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกันไม่น่าจะมีปัญหาต่างๆ ตามมา เหมือนกับการขายบริการให้ผู้หญิง ในขณะที่กลุ่มชายรักชายมีความชื่นชอบกลุ่มคนใช้แรงงานที่รวมถึง คนสวน พนักงานรักษาความปลอดภัย และกรรมการก่อสร้าง มากขึ้น เห็นได้จากเว็บไซต์ดังกล่าวมีกระทู้ที่เล่าประสบการณ์ของกลุ่มเกย์กับกลุ่มคนใช้แรงงานมากขึ้น โดยมีมากถึงร้อยละ 60-70 ของจำนวนกระทู้ทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ ต่างจากเดิมที่จะนิยมกลุ่มผู้ชายที่ "ขาวตี๋ หุ่นล่ำ" หรือ "หนุ่มไทย คมเข้ม" อย่างทหารหรือตำรวจ

"การที่กลุ่มเกย์หันมานิยมผู้ชายกลุ่มคนใช้แรงงาน ส่วนหนึ่งอาจเนื่องจากผู้ชายกลุ่มใช้แรงงาน จะมีลักษณะตรงกับความเป็นชาย มีความแข็งแรง สมบุกสมบัน มีความเถื่อนดิบ ซึ่งจะเป็นการเติมเต็ม ความสุขของเกย์ที่ส่วนใหญ่ต้องการมีอะไรกับผู้ชายแท้ รวมทั้ง มีอำนาจในการต่อรองทางเศรษฐกิจได้ง่าย" นายสหะโรจน์ กล่าวในที่สุด

นอกจากนี้ นายธนัย เกตวงกต ผู้ช่วยนักวิจัย นำเสนอเรื่อง "เปิดโลกกับหนังสือปกขาว ว่าจากการลงพื้นที่ร้านค้าขายสื่อกระตุ้นเร้าความต้องการทางเพศ หรือสื่อลามกใน 3 บริเวณ ได้แก่ ย่านรังสิต ตลาดนัดกลางเมือง และแหล่งช็อปปิ้งใต้สะพานในเวลากลางคืน ระหว่างเดือน ก.ย.-ธ.ค.50 พบว่า ผู้ขายมีรูปแบบต่างๆ ในการหลบเลี่ยงการตรวจจับของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างเช่น ตลาดนัดกลางเมือง โซนขายหนังสือเก่า จะไม่มีการวางขายหนังสือให้เลือกซื้อ แต่จะมีสายส่งมาเสนอขายให้กับ กลุ่มเป้าหมายที่ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายที่เดินคนเดียว เมื่อลูกค้าสนใจจะพาไปเจรจาในพื้นที่อับคน แล้วให้รอประมาณ 10-20 นาที จึงจะไปนำสินค้ามาให้ ซึ่งวิธีการนี้เป็นการหลบเลี่ยงสายของตำรวจ ที่อาจแฝงตัวมาล่อซื้อ เพราะจะไม่มีโอกาสรู้ว่าสายส่งนำสินค้ามาจากร้านไหน เป็นต้น

อ้างอิง
http://rka-state.vox.com/library/post/%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88.html

แฉผลวิจัยชายขายตัว ถูกกดดัน-ตัดจากสังคม


อาจารย์สันต์ สุวัจฉราภินันท์ นักศึกษาปริญญาเอก University of London เผยผลการวิจัยเกี่ยวกับเรื่องผู้ชายขายตัวว่า ปัจจุบันทุกคนพอจะรู้ว่าสังคมเรามีคนอยู่กลุ่มหนึ่งที่ถูกเรียกว่า ผู้ชายขายตัว โดยสังคมจะไม่ให้ความสำคัญ และตีค่าพวกเขาว่าเป็นเพียงส่วนเกินเท่านั้น อาจารย์สันต์ กล่าวว่า จริงๆ แล้วพวกเขามีคุณค่าความเป็นคน ไม่ควรถูกกรอบของสังคมมองว่าเป็นคนไม่ดี คนกลุ่มนี้เป็นฝ่ายถูกกระทำ โดนกดดันจากหลายๆ ส่วน เช่น จากโครงสร้างทางสังคม เนื่องจากสังคมจะมองว่าคนกลุ่มนี้มีความประพฤติทางเพศผิดปกติ เป็นบรรทัดฐานที่สังคมสร้างขึ้น และจากผู้ซื้อ ซึ่งมองว่าพวกเขาเป็นสินค้า จากแรงกดดันต่างๆ ทำให้กลุ่มผู้ชายขายตัวไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม ซึ่งตรงนี้เป็นปัญหาที่มีมานานแล้ว แต่ไม่มีคนคิดที่จะแก้ไข ซึ่งสังคมควรจะยอมรับ ไม่ควรไปตีกรอบและสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีให้คนกลุ่มนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นการสนับสนุน ซึ่งทางแก้ปัญหานี้อาจจะเป็นเรื่องยากอยู่บ้าง โดยต้องช่วยกันทั้งตัวผู้ขายบริการเองและสังคม อันดับแรก ตัวเองต้องรู้และตระหนักก่อนว่ากำลังทำอะไรอยู่ ซึ่งเมื่อรู้ว่าตัวเองอยู่ในจุดไหนของสังคม ก็จะทำให้การแก้ปัญหาง่ายขึ้น ส่วนประการที่สอง คนในสังคม รวมทั้งพวกเดียวกัน ต้องไม่มองว่าเป็นตัวปัญหา ต้องไม่ตัดสินว่าเค้าผิด ควรจะช่วยกัน ไม่ใช่ขับไสไล่ส่งให้ออกไปจากสังคม เพราะลบตรงนี้ก็ไปเกิดที่อื่นอีก ดูอย่างเมืองนอกเค้ามีการขึ้นทะเบียน มีการให้ความรู้ วิธีป้องกัน ถือเป็นการช่วยทางอ้อม สิ่งนี้ไม่ได้เป็นการสนับสนุน แต่ช่วยให้เบาบางลงได้ ถ้าสังคมมองว่าเค้าผิด มันก็ยากที่จะเริ่มแก้ไข อาจารย์คนเดิมกล่าวทิ้งท้ายว่า ปัจจุบันนี้เรายังมองคนกลุ่มนี้แบบเดิมๆ คือมองว่าเค้ามีความประพฤติผิดทางเพศเหมือนเดิม กลุ่มนี้ก็จะไม่ได้รับการยอมรับ เราควรเริ่มเปลี่ยนทัศนคติใหม่ แต่ไม่ใช่สนับสนุน ปัจจุบันต้องยอมรับแล้ว คนพวกนี้เหลือพื้นที่ทางสังคมน้อยมาก ควรให้เค้ามีพื้นที่ทางสังคมบ้าง และแนวทางแก้ปัญหาที่ชัดเจนจะตามมา
แหล่งที่มา หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ อีเมล์ติดต่อ webamster@deemai.com วันที่ 14 October 2005

๏๏๏ ตลาดผู้ชายขายตัว.....เบียดผีขนุนตกถนน..... หนุ่มนิโกรยอดฮิต.....ไฮโซเท่านั้น ถึงมีสิทธิ์

๏๏๏ สมัยก่อน เอ่ยคำว่าเด็กขายน้ำ หลายคนคุ้นหูและรู้ว่าคือคำนิยาม ที่หมู่รักร่วมเพศใช้เรียกขาน ชายขายบริการทางเพศ มาถึงสมัยนี้...แวดวงหมู่ชาวเกย์ เด็กขายน้ำดูเป็นคำโบร่ำโบราณ คำที่ทันสมัย สื่อสารกันที่เป็นเข้าใจ ใช้คำว่า "เซลส์" ใช้คำว่า "เซลส์" นัยว่า...จะช่วยยกระดับอาชีพนี้ให้ดูดีขึ้น

๏๏๏ สังคมยิ่งเปิดกว้าง ยอมรับรสนิยมกามารมณ์ส่วนตัวมากขึ้นเท่าใด จำนวน “เซลส์” ที่เคยมีบริการกันแบบลับเฉพาะ ในสถานบริการบางแห่ง ได้พัฒนาแพร่ขยายมาถึงขั้น มีนายบริการทางโทรศัพท์ ๏๏๏ วันนี้...เซลส์ หรือ ธุรกิจโสเภณีชาย ไปไกลกว่าที่คนนอกวงการจะคาดคิด ให้บริการทั้งเป็นแบบเพื่อนเที่ยว เพื่อนออกงานสังคม และเพื่อนนอน ล้ำหน้า...ยิ่งกว่านั้น วันนี้...โสเภณีชายไม่เพียงขายตัวกับเกย์ หากแต่รวมไปถึงการขายตัวให้กับบรรดาสาวแก่แม่ม่ายในแวดวงไฮโซ

๏๏๏ สถานบริการประเภทนี้อยู่ที่ไหน...ผู้สันทัดกรณีกระซิบว่า ให้สังเกตด้านหน้าสถานบริการ ที่ติดป้ายตัวเขื่องๆ คำว่า ผู้ชายห้ามเข้า...นั่นแหละ ป้ายผู้ชายห้ามเข้า แท้จริงก็คือป้ายที่ชี้ให้สาวแก่แม่ม่ายได้รู้ว่า เข้าไปเถอะ มีผู้ชายแบบที่ต้องการรอ ให้เลือกหิ้วอยู่มากมาย

๏๏๏ ผลการวิจัย...ชิ้นล่าของ ผศ.ดร.นิเทศ ตินณะกุล อาจารย์ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชี้ว่า ปัจจุบันจำนวนโสเภณีชายมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น

๏๏๏ ผู้ชายที่ขายบริการจะมีอายุตั้งแต่ 12-35 ปี กลุ่มเด็กที่มีอายุ 12-13 ปี จะขายบริการให้กับผู้ชายต่างชาติ ส่วนผู้ชายที่มีอายุตั้งแต่ 18-35 ปี จะขายบริการให้กับกลุ่มหญิงไทยและต่างชาติ

๏๏๏ “ผู้ชายขายบริการ ส่วนใหญ่จะมีหน้าตาดี มีการศึกษา เป็นพนักงานบริษัท และนักศึกษา ที่ต้องการรายได้เสริม หรือ...กลุ่มเด็กเร่ร่อน”

๏๏๏ ผศ.ดร.นิเทศพบอีกว่า ผู้ชายไทยค่อนข้างจะได้รับความนิยมจากหญิงต่างชาติ โดยเฉพาะผู้หญิงญี่ปุ่น ขึ้นชื่อลือชาถึงขั้นเหมาทัวร์มาใช้บริการ ส่วนใหญ่จะบินไปภูเก็ต เหตุผลที่นิยม ผู้ชายไทยเอาใจเก่ง ที่สำคัญ...ราคาแบบไทย เมื่อคิดเป็นเงินเยน...ไม่แพง

๏๏๏ กลับกัน...รสนิยมลูกค้าหญิงไทย กลุ่มผู้หญิงอายุมากและกลุ่มที่มีฐานะร่ำรวย จะนิยมผู้ชายต่างชาติ โดยเฉพาะขณะนี้เน้นที่หนุ่มนิโกร เชื่อกันว่า นิโกรร่างกายแข็งแรง บึกบึน มีความโลดโผน รุนแรง

๏๏๏ เมื่อหนุ่มนิโกรเป็นสินค้าที่ตลาดต้องการ เอเย่นต์ก็ต้องพยายามนำเข้า เท่าที่พบขณะนี้ เป็นนิโกรจากจาเมกา ไนจีเรีย มีการผลัดเปลี่ยนเวียนหน้า ประมาณว่า ปีละ 100 คน

๏๏๏ ทำเลที่นิโกรเหล่านี้เตร็ดเตร่ อยู่แถวๆ ซอยนานา สุขุมวิท สินค้าดี ตลาดต้องการ ทั้งยังมีจำนวนไม่มาก ราคาค่าบริการหนุ่มนิโกรจึงค่อนข้างแพงมาก แพงที่สุด ประมาณครั้งละ 7,000 บาท เทียบกับผู้ชายไทยมาตรฐานเดียวกัน ไม่เกิน 5,000 บาท

๏๏๏ และ 7,000 บาทนี้ เป็นแค่ค่าตัว ไม่รวมค่าเครื่องดื่ม ค่าที่พัก เบ็ดเสร็จแล้วต่อครั้ง ประมาณ 2-3 ชั่วโมง การใช้บริการจากหนุ่มนิโกร จะมีค่าใช้จ่ายถึง 1 หมื่นบาท บริการหนุ่มผิวดำ ราคาแพงขนาดนี้...ลูกค้าส่วนใหญ่ จะต้องเป็นสาวไฮโซ มีเงินเหลือใช้ ไม่ใช่สินค้าสำหรับสาวไทยทั่วไป ฐานะขั้นพอมีหยิบฉวย

๏๏๏ ความจริงจากการวิจัย ที่ต้องทำความเข้าใจต่อไปอีก...ก็คือ ผู้หญิงที่มาหิ้วหนุ่มนิโกร ไม่ใช่สาวใหญ่ สาวแก่หน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ หรืออ้วนเผละ ชนิดดูไม่ได้...แต่ละคนที่มา ล้วนแล้วหน้าตาดี หุ่นดี ผิวพรรณดี “จุดนี้...ทำให้ผมสนใจพฤติกรรมผู้หญิงเหล่านี้มากขึ้น” อาจารย์นิเทศว่า

๏๏๏ ตามความเป็นจริง ผู้หญิงหน้าตาดีๆ จะไปมีเพศสัมพันธ์กับใครคงไม่มีใครปฏิเสธ...ประเด็นที่ต้องหาก็คือ ทำไม...ต้องมาเสียเงินเสียทองมากมาย มาจ่ายกับหนุ่มนิโกร

๏๏๏ คำตอบที่ ผศ.ดร.นิเทศได้ก็คือ สาวไฮโซแสนสวยเหล่านี้ มักจะมีสามีอายุมาก ความสุขไม่ได้ หรือได้ก็ไม่เต็มที่

๏๏๏ ข้อมูลจากการวิจัยที่พบ และน่าแปลกใจต่อมา ก็คือ...ลูกค้าหนุ่มนิโกร ไม่เพียงมีสาวใหญ่ไฮโซกลุ่มเดียว แต่มีสาววัยทำงานอายุ 20 ปีขึ้นไป มาใช้บริการด้วย

๏๏๏ นอกจากหนุ่มนิโกร ที่พอหาได้แถวย่านนานา สุขุมวิทแล้ว วันนี้ ยังมีหนุ่มไทย พร้อมให้บริการชายด้วยกัน อยู่มากมายในกรุงเทพฯ มีตามสถานบันเทิงถนนต่างๆ พัฒน์พงศ์ สีลม

๏๏๏ แต่ชายพวกที่รับเฉพาะผู้หญิงอย่างเดียว แยกไปอยู่เป็นสัดส่วน ส่วนใหญ่จะอยู่ตามโรงแรม ที่ขึ้นหน้าขึ้นตา ย่านสุขุมวิทและย่านถนนรัชดาฯ

๏๏๏ ทีมงานเลือกเวลาค่ำคืน ออกสำรวจกรุงเทพฯ พบว่าบรรยากาศ การขายบริการ ย่านริมถนนรนแคมทั่วไป เปลี่ยนไปมาก ผู้หญิงขายบริการ ที่เรียกขานกันว่า ผีขนุน ผีมะขาม ที่เคยใช้หลังกระทรวงกลาโหมเป็นทำเลทอง หายหน้าไป ละแวกเดียวกัน มองไปทางไหน มีแต่ผู้ชายขายตัว

๏๏๏ ป้ายรถเมล์ประจำทาง หน้าสวนสราญรมย์ นับแต่เวลา 19.00 น.ถึง 02.00 จะมีเด็กชายวัย 15 ปี ถึง 28 ปี ยึดขอบฟุตปาทเป็นทำเลหาลูกค้าอยู่กว่า 30 คน

๏๏๏ เวลาหนึ่งชั่วโมง ที่สังเกตการณ์ ผู้ชายขายตัวเหล่านั้น มักมีสาวแก่แม่ม่าย บางคนเห็นเค้าหน้าจำได้ว่าอยู่ในวงการละครทีวี บางรายที่เป็นชาย ยังอยู่ในเครื่องแบบทหาร ตำรวจ ขับเก๋งยี่ห้อหรูโฉบเข้ามาทักทาย และเรียกขึ้นรถไปไม่ขาดระยะ

๏๏๏ ที่ พัทยา วันนี้...มีบาร์ขายผู้ชายผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด ธุรกิจนี้ ก้าวหน้าถึงขั้นมีแผ่นพับใบปลิวโฆษณา เรียกร้องลูกค้ากลุ่มนิยมเด็กชาย ให้มาทดลองใช้บริการเด็กชายไทย เผยแพร่ไปทั่วโลก

๏๏๏ ที่ เชียงใหม่แหล่งโสเภณีชายระดับดี...วันนี้เปิดบริการอยู่ในผับใหญ่ย่านถนนช้างเผือก ข้อแม้มีว่า จะไม่เปิดรับลูกค้าชาวเชียงใหม่ แต่จะรับเฉพาะลูกค้าระดับวีไอพีจากกรุงเทพฯ และจังหวัดอื่นๆ อาทิ สาวใหญ่ไฮโซ สาวนักธุรกิจ รวมทั้งนักการเมืองที่มีรสนิยมเดียวกัน

๏๏๏ ผับแห่งนี้...จะมีชายหนุ่มหน้าตาดีเต้นโชว์ตัวก่อนให้เลือกไปหาความสุข ลูกค้าที่ใจกล้า ก็มักไปเลือกจากหน้าเวที แต่ถ้าเป็นลูกค้าขี้อาย อาจใช้โทรศัพท์ติดต่อขอให้นายหน้าส่งหนุ่มๆ วัยรุ่นหน้าตาดี ส่วนใหญ่มักอ้างว่าเป็นนักศึกษาไปให้ค่าบริการผู้ชายจากผับนี้ครั้งละ 2,000-5,000 บาท

๏๏๏ หลายคนคงเกิดคำถามในใจ งานผู้ชายบริการ สนุกสนาน เร้าใจ...เป็นงานเฉพาะผู้ชายทั่วไปหรือเปล่า... คำตอบก็คือ...แม้เป็นงานเฉพาะของผู้ชาย แต่ต้องเป็นผู้ชายที่มีคุณสมบัติเข้ามาตรฐาน ด้านอาชีพนี้โดยเฉพาะ

๏๏๏ ผู้ชายที่เข้าสู่อาชีพนี้ จะต้องผ่านการคัด กรอง และเลือกเฟ้นอย่างพิถีพิถัน อายุไม่เกิน 30 ปี หน้าตาเข้าขั้น หล่อ และสะอาด หุ่นแมนเต็มตัว สูง 170 เซนติเมตรขึ้น ประเภทเตี้ย เล็ก ผอมแห้งแรงน้อย หมดสิทธิ์

๏๏๏ นอกจากหุ่นเข้ามาตรฐานแล้ว ขนาดของอวัยวะสำคัญ ก็ต้องถึงมาตรฐานด้วย ย่อมเยาเกินไป ก็ไม่ผ่าน ผ่านการคัดเลือกคุณสมบัติทางกายแล้ว ยังต้องผ่านการอบรมกิริยามารยาท ผู้ชายขายบริการที่มีราคา จะต้องมีท่วงท่าผู้ดีในสังคม ต้องเต้นรำเป็น รู้จักเอาอกเอาใจลูกค้า

๏๏๏ มีสินค้าได้มาตรฐานแล้ว การโฆษณาเพื่อหาลูกค้าก็ต้องมีตามมา ...ทำกันเปิดเผยเลยนะ ไม่ได้หลบๆ ซ่อนๆ หนังสือพิมพ์ก็เคยลง รับประกันคุณภาพให้ด้วยว่า ไม่ใช่ชายขายบริการธรรมดา เป็นดาราจากละครจักรๆ วงศ์ๆ ทีเดียว

๏๏๏ งานวิจัยผู้ชายขายบริการ ยังทำต่อไปถึงขั้นพบว่า ผู้ชายหลายคนโชคดี มีผู้หญิงซื้อรถเก๋ง ซื้อคอนโดฯให้อยู่ เงื่อนไขการดูแลจะสั้นยาว อยู่ที่ความสามารถของผู้ชาย ข้อแรก...ต้องเป็นฝ่ายพร้อมที่จะให้บริการตลอดเวลา คือเมื่อไหร่ ก็ต้องสนองตอบได้เมื่อนั้น

๏๏๏ เมื่อผู้ชาย...เอาเปรียบผู้หญิง มีเมียน้อยได้ ผู้หญิงต่อสู้เรียกร้องมานาน วันนี้ผู้หญิงพัฒนาถึงขั้นมีผัวน้อยได้ ก็ถือว่านี่คือความเสมอภาค...อย่างน้อย ในระดับหนึ่ง

_ อ้างอิงจาก ..... http://www.thairath.co.th ฉบับวันที่ 13 ตุลาคม 2545

คนขายกาม


จริง ๆ แล้วจุดเริ่มต้นของการขาย...ไม่ได้อยู่ที่ความอยาก..แต่อยู่ที่การเริ่มต้นได้เสียกับคนรักก่อน..โดยวาดหวังว่าจะมีความมั่นคงถาวรแต่เมื่อไม่เป็นอย่างหวัง..ก็กลับกลายเป็นว่าเมื่อเสียแล้วไม่ได้อะไรคืนมาสู้..ขาย...ดีกว่า..(เคยลงในคอลัมน์เวทีชีวิต ทุ่งศรีเมืองทุกเรื่องเมืองอุบล ปีที่ 1 ฉบับที่ 6 เดือนมีนาคม 2548)สังคมไทยปัจจุบันมีความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวัฒนธรรม ความเป็นอยู่ เศรษฐกิจ สังคม ปัญหาที่มองเห็นในสังคมที่ผิดจารีตก็มีอยู่มากเช่นกัน โดยเฉพาะวัยรุ่นไทยที่หันไปเห่อวัตถุนิยมมากกว่าจิตใจ ทำให้หลายคนหลงเข้าไปสู่วงจรการขายตัว เนื่องจากหลงวัตถุ ความอยากได้ ความอยากมีเหมือนกับเพื่อนคนอื่น สร้างให้เด็กต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่เหมือนคนอื่น...แต่จริง ๆ แล้วจุดเริ่มต้นของการขาย...ไม่ได้อยู่ที่ความอยาก..แต่อยู่ที่การเริ่มต้นได้เสียกับคนรักก่อน..โดยวาดหวังว่าจะมีความมั่นคงถาวรแต่เมื่อไม่เป็นอย่างหวัง..ก็กลับกลายเป็นว่าเมื่อเสียแล้วไม่ได้อะไรคืนมาสู้..ขาย...ดีกว่า..จากการได้พูดคุยกับข้าราชการผู้หนึ่งซึ่งเคยใช้บริการ...เล่าให้ฟังว่า... “สถานบันเทิงหลายแห่งกลายเป็นที่ขาย..สำหรับสาว ๆ กลุ่มนี้..และยังมีที่แอบอ้างเป็นสาวมัธยมโรงเรียนมีชื่อในเมืองอุบลราชธานีเพื่อยกระดับราคาให้กับตัวเอง การตั้งราคาค่างวดของสาว ๆ จะเริ่มต้นระดับ 1,000 บาท อย่างรุ่นคอซองก็จะอยู่ในเกรด 1,500 บาท ส่วนระดับอุดมศึกษาก็จะแพงขึ้นมาหน่อยสนนราคาอยู่ที่ 2,000 บาท ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยทางด้านรูปร่างหน้าตา ความสด ความสวยด้วย แต่ก่อนที่อาเสี่ยหรือหนุ่มรักสนุกทั้งหลายจะได้แอ้มก็ต้องผ่านแม่เล้าเสียก่อน..แม่เล้าในที่นี้จะมีตั้งแต่รุ่นเด็กอาชีวะไปจนถึงระดับคุณป้า..ซึ่งคุณป้าจะอยู่ในโรงแรมจิ้งหรีดเรไร..ส่วนแม่เล้าวัยกระเตาะก็จะอยู่ในโรงเรียน เธอจะแฝงตัวในหมู่นักเรียน นักศึกษา การสังเกตคงไม่ได้แสดงออกให้เห็นชัดเจนมากนัก แต่จะเห็นเธอเหล่านี้ตามสถานบันเทิง และยังถามได้จากพนักงานเสิร์ฟหรือกัปตันในสถานบันเทิง ปัจจุบันมีบริการส่งถึงที่แล้วด้วยซ้ำไป.แต่จะต้องเป็นคนที่รู้จักกันในวงการนี้ไม่มีการสุ่มสี่ห้าหกไปอย่างแน่นอน..” ฟังแล้วก็อึ้ง...ขนาดมีบริการส่งถึงบ้านเหมือนส่งพิซซ่าอย่างนี้คงไม่ต้องพูดถึงการตลาด ท่าทางจะต้องมีโปรโมชั่น...อย่างกับสินค้าขายทั่วไปตามห้างแน่..สอดคล้องกับที่น้องชายนักเที่ยวซึ่งเรียนอยู่สถาบันอุดมศึกษาแห่งหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานีคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า เขามีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งเป็นแม่เล้า...เธอจะมีเบอร์โทรศัพท์ของสาว ๆ ไว้เพื่อเรียกตัวมาให้ลูกค้าดู..เมื่อก่อนจะมีที่ประจำอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ 24 ชั่วโมงใกล้โรงแรมแห่งหนึ่งย่านตลาดหก ที่นี่จะเป็นที่นัดพบให้เลือกตัวก่อนจะตกลงซื้อ..สมัยนั้นยังอยู่ในราคาประมาณ 500 บาท ก่อนจะไปทำกิจกรรมกันที่หอพักใกล้ ๆ กับโรงเรียนคริสต์แห่งหนึ่งที่มักจะเรียกว่า...รั้วส้ม... ปัจจุบันการขายได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์แล้วเหมือนกับยุคเปลี่ยนสินค้าก็เปลี่ยนไป มีการขายแบบเรียกตัวจากแม่เล้า ส่วนสาวๆ จะโชว์ตัวตามสถานบันเทิง ราคาจะขึ้นอยู่กับว่าเป็นสถาบันการศึกษาไหน เช่น ระดับคอซองราคาจะอยู่ที่ 1,500 บาท แต่ถ้าเป็นอดีตโรงเรียนชายขึ้นชื่อจของจังหวัดราคาก็จะขึ้นมาอีก สาเหตุเพราะไม่ค่อยมีคนขายและส่วนใหญ่เป็นเด็กเรียน ทำให้หนุ่ม ๆ อยากลอง....ราคาระดับอุดมศึกษาจะอยู่ที่ประมาณ 2,000 บาท เพราะพวกเธอจะดูดีมีราคา..ทั้งรสนิยมสูง...สถานที่ขายสมัยนี้คงไม่ใช่นางงามตู้กระจกแต่เจ้าหล่อนจะไปตามสถานบันเทิง..จะไม่มีโต๊ะเป็นของตัวเองเพราะจะมีคนชวนไปนั่งด้วย..แต่งตัวสวยสะดุดตา อย่างร้านอาหารบางแห่งก็เป็นที่ขายในเวลากลางวัน ถ้าเป็นร้านอาหารตามริมทางจะเป็นอีกเกรดหนึ่ง แต่ระดับเกรดสาว ๆ จะต่ำลงมาอีก... ร้านนี้ก็อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลและอยู่ตรงข้ามกับสถานที่ราชการแห่งหนึ่ง จุดเด่นมีร้านตรวจสภาพรถใกล้ ๆ กัน..เพราะสถานราชการแห่งนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องรถครับ มองง่ายเพราะพนักงานเสิร์ฟในร้านจะแต่งตัวสุดยอด...เปรี้ยวถูกใจวัยคนทำงานระดับเฒ่าหัวงู...ย้อนกลับมาเรื่องการขายในระดับเกรดนักเที่ยวนะครับ ในสถานบันเทิงเองก็มีการแบ่งเกรดเช่นกัน อย่างสถานบันเทิงมีชื่อบนถนนพิชิตรังสรรค์จะอยู่ระดับไฮโซหน่อย เพราะคนขายส่วนใหญ่อยู่วัยอุดมศึกษา แต่จริง ๆ เขามุ่งเน้นเป็นเด็กเสี่ยซึ่งจะขอยกไปพูดถึงในตอนที่สองฉบับหน้า และสถานบันเทิงที่ตั้งใกล้กับโรงภาพยนตร์เปลี่ยนชื่อไปแล้วหลายรอบนั้นก็จะเป็นกลุ่มแม่ค้าวัยกระเตาะแต่มีชั้นเชิงสูง... การขายนะหรือครับส่วนใหญ่จะเป็นคนรู้จักกับแม่เล้ากันมาก่อนแล้วค่อยแนะนำกันต่อเป็นทอด ๆ ขณะเดียวกันที่แห่งนี้ก็จะเป็นทั้งจุดขายของหนุ่มที่ชื่นชอบไม้ป่าเดียวกัน..เรียกง่าย ๆ ก็คือ ผู้ชายขายตัว ซึ่งเมื่อก่อนนิยมไปขายที่บริเวณทุ่งศรีเมือง ราคาจะอยู่ที่ 200 -300 บาท ผู้มาใช้บริการก็คือ กระเทยหรือหนุ่มที่ชื่นชอบป่าไม้เดียวกันเป็นพิเศษ การขายบริการในกลุ่มนี้จะมีสัญลักษณ์พิเศษ เช่น การจับติ่งหูซ้ายบ้าง คนขายที่เป็นเด็กหนุ่มก็จะปลดกระดุมเสื้อบนสองเม็ด ซึ่งศูนย์ข่าวประชาสังคมฯ เคยนำเสนอข่าวเรื่องนี้ไปแล้ว รวมทั้งปัญหาอื่นเกี่ยวกับวัยรุ่นมั่วสุมจนทำให้มีการประกาศปิดประตูทุ่งศรีเมืองในยามค่ำคืนหลังจากนั้น กลุ่มผู้ชายขายตัวก็เงียบหายไป ซึ่งคงจะมีการปรับเปลี่ยนสถานที่หลังจากที่มีข่าวข้าราชการอุบลฯ คนหนึ่งถูกแทงพรุนเนื่องจากเด็กที่จ้างมาไม่ยอม ส่วนเด็กสองคนก็ได้รับค่าจ้างเพียง 100 บาทเพื่อเสพสมประตูหลัง ชี้ให้เห็นว่าอุบลฯมีเรื่องของ ‘คนขายกาม’ ทั้งหญิงและชาย ซึ่งสาเหตุของเรื่องนี้คืออะไร? สังคมคงต้องช่วยกันหาคำตอบให้พบเสียก่อนจึงจะแก้ไขได้ตรงจุดมันไม่ใช่เรื่องยากเลยแม้จะไม่รู้จักแม่เล้า...ท่านก็ซื้อได้ สมัยนี้ในอินเตอร์เน็ตเขามีขายกันเกร่อ..โชว์ให้เห็นชัดในเว็บไซด์ที่รู้จักกันดี (ดีดี) ให้เบอร์โทรศัพท์ติดต่อกันอย่างโจ่งแจ้ง..บางรายก็โพสต์ต้องการเงินด่วนบอกจำนวนที่ต้องการ สัดส่วนร่างกาย และเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ มีการชักชวนกันไปหลับนอนเหมือนเป็นเรื่องปกติ มีการโพสต์กระทู้คุยเรื่องเซ็กส์แถมโชว์ลีลาให้ดูอีกต่างหาก ยกตัวอย่างที่ขายกันบนเว็บบอร์ดนะครับ...แล้วก็ไม่มีใครไปดูแลเลยครับ..ทำให้ไม่น่าสงสัยเลยว่าทำไมเด็กไทยถึงแก่แดดแก่ลมนักหนา..ก็เพราะมันมี ‘สื่อเสื่อม’ เยอะ จากข่าวที่เด็กอายุ 16 ไปเที่ยวกับแฟนแล้วมีอะไรกันก่อน แฟนหนุ่มจะส่งเพื่อนอีก 4 คนมายำต่อ ดูหน้าตาแล้วยังเด็ก ๆ กันทั้งนั้นเลย ยกตัวอย่างใกล้ตัวนะครับ.. ที่บริเวณทุ่งศรีเมืองยามค่ำคืนจะกลายเป็นที่พลอดรักของหนุ่มสาว บังเอิญที่ช่วงหัวค่ำผมจะต้องขับรถผ่านหน้าโรงเรียนอนุบาลอุบลเป็นประจำ เวลาประมาณทุ่มสองทุ่มจะมีคู่รักหนุ่มสาวมานั่งพลอดรักที่ม้านั่งสีเหลืองนั่นแหละครับ บางคืนเกือบครบทุกที่นั่ง เมื่อสามเดือนก่อนผมเคยถามยามที่ดูแลศาลหลักเมืองอยู่เหมือนกันครับว่าดึก ๆ ที่นี่นอกจากวัยรุ่นไล่ตีกันแล้วมีอะไรอีกไหม.. ปรากฎว่า เช้า ๆ คนกวาดขยะจะเห็นถุงยางที่ใช้แล้วตกในมุมไม้บ่อย ๆ แต่ปัจจุบันเขาปิดประตูเลยทำให้จำนวนขยะเหล่านั้นลดน้อยลง นับว่าทางเทศบาลนครอุบลฯจัดการแก้ปัญหาได้ถูกจุด แม้ว่าที่กรุงเทพฯจะเคยมีการจับกุมหญิงขายบริการที่ยืนเร่ขายอย่างโจ่งแจ้งไปแล้วแต่กฎหมายก็ได้แค่ปรับ ทำให้พวกสาว ๆ กลับไปขายเช่นเดิม แล้วก็บอกว่าเพราะสังคมไม่หางานที่เหมาะสมให้ ทำให้ต้องขบคิดกันแล้วครับว่า..การปรับอย่างเดียวเพียงพอแล้วหรือ? แม้ว่านี่จะเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะขาย.. แต่สังคมไทยยังรับไม่ได้.. ผู้ชายเองก็เช่นกัน.. เมื่อก่อนเราเรียกผู้หญิงเหล่านี้ว่า..หญิงงามเมือง..ปัจจุบันเปลี่ยนมาเป็นโสเภณี..แต่จะโทษผู้หญิงอย่างเดียวไม่ได้เพราะผู้ชายที่มักมากก็ผิดเพราะถ้าไม่มีคนซื้อก็ไม่มีคนขายอยู่ดี..เมื่อกลับบ้านยามค่ำคืนประมาณสามสี่ทุ่มจะเห็นสาว ๆ วัยรุ่นเมืองดอกบัวสวมเสื้อกล้าม เกาะอก กางเกงขาสั้นจู๋ขับรถจักรยานยนต์ไปซื้อสินค้าที่ร้านค้าสะดวกซื้อ.. เห็นสายตายามหรือแม้แต่สามล้อที่อยู่แถวนั้นมองแล้วก็กลัวปัญหาที่เกิดขึ้นตามมา..ไม่แปลกเลยที่มีคดีข่มขืน..เพราะมีทั้งสิ่งยั่ว..และสิ่งยุ..ผมขอเปรียบเทียบความรู้สึกของกามารมณ์และคนขายกามคล้ายกับดอกราตรี..กลิ่นมันหอม..อบอวล..เย้ายวน..แต่พอเช้า..มันก็หายไป..เหลือกลิ่นไอบางเบาให้อยากตามหาต่อในคืนต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด..แต่ค่าของดอกไม้เหล่านี้ก็เป็นได้เพียงดอกไม้ของค่ำคืน..เท่านั้นเอง..ฉบับหน้ายังมีเรื่องของการขายกามในอีกรูปแบบ ขายแบบประจำหรือที่เรียกว่าเด็กเสี่ย..ซึ่งยืนยันได้ว่ามีทั้งหญิงและชาย และปัญหาที่แท้จริงของวัยรุ่นนักเที่ยวทั้งหลายที่คุยกันง่าย นอนกันง่าย ที่สำคัญผลร้ายซึ่งจะติดตามมาจากการมีอะไรง่าย ๆ เหล่านั้นกำลังจะกลายเป็นภาระหนักหน่วงให้สังคมต้องขบคิดถึงหนทางการแก้ปัญหาต่อไป

Link : ที่มา :วาทิต รักษ์อักษร วันที่ (12/11/2006)

ปอกเปลือกใจ 'ผู้ชายป้ายเหลือง' แดนโรตี

ที่มา หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2551

"ผู้ชายขายตัว" หรือ"จิกะโล่" ในสแลงที่ต่างชาติเรียก เป็นกลุ่มที่ถูกรวมเข้ารวมกับกลุ่มคนในเงามืดของสังคมอินเดีย แต่เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้สื่อข่าวบีบีซีได้มีโอกาสไปพบปะพูดคุยกับกลุ่มผู้ชายป้ายเหลืองในเมืองกัลกัตตา หวังหาคำตอบว่า อะไรคือสิ่งที่ทำให้ชาย 4 คนซึ่งมาจากครอบครัวคนชั้นกลางในอินเดีย ยอมทิ้งงานอันน่าเบื่อเพื่อไปทำงานขายความสุขทางเพศรสให้แก่หญิงสาวท่ามกลางหมู่คนในเมืองทางตะวันออกของประเทศ หลังจากที่ลองลิ้มชีวิตใต้โคมแดงมานานดิบาการ์ สัมฤทธิ์ พัลลาบ และ โกตัม ผู้ชายป้ายเหลือง 4 คนก็ตัดสินใจทำงานร่วมกับกลุ่มที่เรียกว่า"อนันดัม"ซึ่งมีสมาชิกเป็นทั้งกลุ่มรักร่วมเพศ ทั้งเกย์ เลสเบี้ยน กลุ่มผ่าตัดแปลงเพศหรือกลุ่มรักสองเพศ(Bisexuals)ด้วย โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันให้มีโครงการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีในคนกลุ่มนี้ นอกจากความกล้าในการทำงานร่วมกับกลุ่มอนันดัม หนุ่มทั้ง 4 คนยังออกจากเงามืดมาเปิดเผยปัญหาในสังคมและเรื่องราวชีวิตตัวเองซึ่งมีน้อยคนนักที่จะรู้เพราะการพูดถึงเรื่องเพศยังคงเป็นเรื่องต้องห้าม เช่นเดียวกับการที่กลุ่มรักร่วมเพศ และการเรียกร้องทางเพศถือเป็นเรื่องผิดกฎหมายในอินเดีย โสเภณีส่วนใหญ่ในแดนภารตะ มักจะเดินเตร็ดเตร่ตามท้องถนนหรือทำงานในย่านโคมแดงที่เฟื่องฟูเพื่อหาลูกค้า แต่หนุ่มป้ายเหลืองเหล่านี้ต้องใช้วิธีเดินตระเวนไปยังย่านธุรกิจ หรือทำงานตามโรงอาบอบนวดมอซอ หรือใช้วิธีเหวี่ยงแหไปในห้องแชตรูมบนอินเทอร์เน็ต ในเมืองใหญ่ๆ จะมีผู้ชายขายตัวเหล่านี้ทำงานอยู่หลายพันคน และมีทีท่าว่ากำลังเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะโทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ตทำให้พวกเขาทำธุรกิจเช่นนี้ได้ง่ายขึ้น แต่แม้จะทำงานในแวดวงแห่งกามาซึ่งเป็นกลุ่มที่ถูกมองว่าเสี่ยงที่จะติดโรคมากที่สุดในประเทศ แต่ชายเหล่านี้กลับเป็นกลุ่มรณรงค์เพื่อป้องกันการติดเชื้อเอดส์อย่างแข็งขันมากที่สุดกลุ่มหนึ่งในประเทศด้วยเช่นกัน "ไม่มีใครคิดออกจริงๆ ว่าพวกเรากำลังทำอะไรอยู่ ปัญหาอะไรที่พวกเรากำลังเผชิญ ในอินเดีย ทุกคนมักจะคิดว่า ผู้ชายขายตัวทำเพื่อความสนุก เพื่อนบางคนถึงกับบอกผมด้วยว่า"พวกนายช่างมีชีวิตที่น่าอิจฉาเสียนี่กระไร"สัมฤทธิ์ หนุ่มวัย 30 ต้นๆ ผู้จบการศึกษาปริญญาตรีสาขาวิทยาศาสตร์ กล่าวอย่างเซ็งๆ ผู้ชายขายตัวส่วนใหญ่ในอินเดียมักจะบอกเล่าบูมหลังเรื่องราวของว่าตัวเองมาจากชนชั้นกลางหรือชนชั้นล่าง และได้รับคำแนะนำให้เข้าสู่โลกแห่งการขายกามจากเพื่อนๆ การร่วมงานปาร์ตี้ หรือการทำงานในอาบอบนวดซอมซ่อที่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดทั่วประเทศ กลยุทธหาลูกค้าทุกวันนี้ยังพัฒนาไปถึงการโฆษณาตามหน้าหนังสือพิมพ์ และตามนิตยสารประเภท"เพื่อนทางจดหมาย"หรือบางคนก็เปิดตัวเลยว่าทำงานเป็น"คู่เดท"หรือยินดีเป็น"เพื่อน"ให้กับลูกค้า พวกเขายังเผยด้วยว่า ไม่เพียงแต่ลูกค้าจะจ่ายเงินค่าเสพรักที่อาจสูงถึง 1,000 รูปี(ราว 825 บาท)ต่อชั่วโมงเท่านั้น แต่ลูกค้ายังช่วยเติมเงินโทรศัพท์มือถือให้ รวมทั้งจ่ายค่าโทรศัพท์ไว้ต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อไว้โทรศัพท์และเพื่อมีเซ็กซ์ผ่านโลกไซเบอร์กัน นอกเหนือจากเสนอบริการลึกซึ้งกับลูกค้าผู้หญิงที่พร้อมยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อเซ็กส์ที่นับวันมีแต่จะเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ดี งานนี้ก็ไม่ใช่งานที่ทำได้ง่ายๆ เลยในกรณีที่ไม่มีสถานบริการ ผู้ชายขายตัวอย่างสัมฤทธิ์จะออกทำงานหลังพลบค่ำเพื่อหาลูกค้าตามที่หลายตาไว้ ส่วนใหญ่เป็นชนชั้นสูงหรือชนชั้นกลางหรือหญิงร่ำรวยที่มักจะขับรถเข้ามาพร้อมกับกระจกติดฟิล์มสีเข้ม "นี่ไม่ใช่เกมหรือเรื่องสนุกอย่างที่ใครทุกคนคิดกัน โสเภณีผู้หญิงอาจจะเผชิญกับการใช้ความรุนแรงหรือถูกโกงค่าตัว เราก็พบกับสถานการณ์เช่นนั้นเหมือนกัน
"สันทีป ชา ผู้ชายป้ายเหลืองอีกคนหนึ่งเผย สันทีปจบการศึกษาปริญญาตรีสาขาบัญชีเป็นลูกชายนายธนาคารที่เข้าสู่วงการค้ากามหลังเงินขาดมือขณะทำงานเป็นลูกจ้างบริษัทขายยาขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของประเทศ ที่มีสำนักงานอยู่ในกรุงนิวเดลี "ลูกค้ามักจะไม่ยอมจ่ายผม และเมื่อผมทักท้วง พวกเขาก็ขู่ว่าจะไปฟ้องตำรวจว่าผมข่มขืนเขา และก็มีลูกค้าประเภทที่ชอบจี้บุหรี่ลงบนร่างกายพวกเรา ทุกวันนี้ผมต้องเริ่มคิดเงินค่าจี้บุหรี่บนตัวเป็นเงิน 500 รูปี(ราว 360 บาท)ต่อมวน"สันทีปเผย แต่แม้จะเผชิญกับปัญหานานัปประการสันทีปก็ยอมรับว่าทุกวันนี้หาลูกค้าได้ง่ายขึ้นมากเช่นเดียวกับสัมฤทธิ์และเพื่อนที่เผยว่าพฤติกรรมของผู้หญิงที่หาซื้อความสุขใส่ตัวได้เปลี่ยนไปแล้ว "เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ลูกค้าทั้งหลายจะเป็นพวกคนระดับสูง เมียนักธุรกิจ ผู้บริหาร ข้าราชการแต่ตอนนี้หญิงชนชั้นกลางก็เรียกใช้บริการเรา"สัมฤทธิ์เผย ขณะที่สันทีปเสริมว่าไม่ใช่เรื่องยากที่จะติดต่อกับลูกค้าอีกต่อไปแล้ว "ผู้หญิงที่หาเราไม่เขินอายอีกต่อไปแล้วพวกเธอมืออาชีพเหมือนกับพวกผู้ชายที่หาหญิงบริการเลยล่ะ"สันทีปกล่าว ก่อนจะเผยว่าตัวเองพบลูกค้าคนแรกในงานปาร์ตี้ของเพื่อน เธอเป็นภรรยาขี้เหงาของนักธุรกิจคนหนึ่ง ซึ่งพบปะกันก่อนที่ทั้งคู่จะเริ่มออกเดทกันหลายครั้ง "ตอนแรกเธอจ่ายเงินเพื่อให้ผมออกไปเป็นเพื่อน ก่อนจะจ่ายเงินเพื่อแลกกับเซ็กส์ เธอจะให้เงินติดกระเป๋าผม โดยการที่อยู่กับเธอ ผมสามารถหาเงินได้ 800 รูปีทุกครั้งที่เราพบกัน
ดังนั้นผมจึงคิดว่า ทำไมผมจึงไม่เข้ามาสู่วงการค้าเนื้อหนังเช่นนี้บ้างล่ะ"สันทีปเผยอย่างตรงไปตรงมา ส่วนกลุ่มที่อายุน้อยกว่าอย่างโกตัม พัลลับ และ อดิทยา ที่ออกจากโรงเรียนเพื่อมาเป็นหมอนวดก่อนจะตัดสินใจขายบริการ เผยว่า ลูกค้าทุกคนก็ไม่ได้โตตามวัยสักเท่าไหร่ บางคนก็แค่หลับนอนกับผู้ชายเพื่อทำให้รสรักกับครอบครัวยังคงดำเนินไปได้ด้วยดี "ผู้หญิงบางคนก็เรียกร้องมากเหลือคนบางคนนี่ถึงกับทำให้ผมช็อคไปเลยกับการเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนแบบชนชั้นกลาง แถมบางครั้งเวลาหาลูกค้าไม่ได้ พวกเราก็ต้องนอนกับผู้ชายนี่ไม่ใช่เรื่องสนุกอย่างที่ใครคิดแน่นอน"พัลลับ กล่าวทิ้งท้าย

มลฤดี จันทร์สุทธิพันธุ์ : เรียบเรียง

ชายขายตัว" ถูกตีตราเป็นสินค้าผิดจารีต เพราะสังคมตั้งค่าว่าชายต้องรักหญิง


ดึกแล้ว พื้นที่บริเวณสวนสาธารณะสราญรมย์ สะพานหัวช้างโรงสี กระทรวงมหาดไทย ชายหนุ่มหลายคนแต่งตัวดียังนั่ง ยืน อยู่บริเวณป้ายรถเมล์ มองผ่านอาจคิดว่าเขาคงกำลังรอคอยรถประจำทาง แต่รถเมล์ผ่านไปคันแล้วคันเล่า พวกเขาเหล่านั้นก็ไม่มีทีท่าว่าจะขึ้นรถเมล์แต่ประการใด ทำให้มั่นใจว่า "พวกเขา" เหล่านั้น คงมีจุดประสงค์อื่นที่ไม่บอกก็รู้ "จำหน่ายบริการ"!!!

ขณะที่โลกกำลังหมุนสู่ยุคโลกาภิวัตน์ ความเท่าเทียมกันในความเป็น "มนุษย์" เป็นสิ่งที่คนในสังคมให้ความสำคัญมากขึ้น แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าปรากฏการณ์ "ชายเป็นใหญ่" "คนดำถูกเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม" "คนผอมเท่านั้นถึงจะสวย" ก็ยังคงเป็นทัศนคติและค่านิยมที่ "สังคมส่วนใหญ่" ฟันธงว่า "ถูกต้อง"
เช่นเดียวกับ กลุ่ม "ชายผู้ค้า" ข้างต้น ที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัยก็ยังถูกคนทั่วไป "ผลักไส" ให้ไปอยู่ชายขอบและ "ตีตรา" ว่า บุคคลกลุ่มนี้เป็นพวก "ผิดจารีต"อาจารย์สันต์ สุวัจฉราภินันท์ อาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ม.เชียงใหม่ เกิดคำถามต่อทัศนคติต่างๆ ข้างต้นว่า แท้จริงแล้วความคิด "พวกฉัน" เท่านั้น "ถูก" เกิดขึ้นได้อย่างไร และความเป็น "พวกฉัน พวกแก" ส่งผลต่อคนในสังคมอย่างไร และสิ่งที่ถูกกำหนดว่า "ถูกต้อง" หรือ "ผิด" เป็นไปตามนั้นจริงๆ หรือไม่ วิทยานิพนธ์หัวข้อ "ที่ว่างของผู้ชายขายตัว" จึงเกิดขึ้นเจ้าของวิทยานิพนธ์บอกว่า เขาเลือกศึกษากลุ่มชายขายตัว เป็นกรณีศึกษาหนึ่ง เพื่อให้เข้าใจและเห็นภาพของ "โครงสร้างเชิงอำนาจ" ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพราะกลุ่มคนชายขอบเหล่านี้ถูกกระทำจากผู้มีอำนาจทั้งจากสังคมและจากผู้ซื้อบริการที่เห็น "พวกเขา" เป็นเพียงสินค้าชิ้นหนึ่งเท่านั้น โดยเลือกเก็บข้อมูลบริเวณสวนสราญย์รมย์และผับย่านสุรวงศ์"การศึกษาค้นพบว่า รหัสที่ทำให้พวกเขากลายเป็นคนผิด คือ บรรทัดฐานของแนวความคิดการรักต่างเพศ ชายต้องรักหญิงเท่านั้นจึงจะถูกต้อง ส่งผลให้คนรักเพศเดียวกันถูกสังคม "กล่าวหา" ว่า คุณทำสิ่งผิดทำนองคลองธรรมหรือผิดประเพณี ไม่ได้การยอมรับจากคนในสังคม ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว ทุกคนไม่รู้หรอกว่าบรรทัดฐานนั้นมันผิดหรือถูก เพียงแค่พ่อแม่ คนรอบข้างบอกต่อกันมา"เมื่อกลุ่มชายขายตัวถูกกระทำให้เป็นเพียงสินค้าและไม่ได้ยอมรับในสังคม ในงานวิจัยชิ้นนี้ระบุว่า พวกเขาจะใช้วิธีแสดงออกเพื่อให้เกิดการยอมรับจากตัวเอง เช่น กลุ่มที่อยู่ในผับ เมื่ออยู่บนเวทีจะใช้วิธีมองที่กระจกที่ติดอยู่รอบด้าน เพื่อเบนความสนใจไม่ต้องพบกับสายตาที่จับจ้องเขา ขณะที่กลุ่มชายบริเวณสวนสราญรมย์จะใช้วิธีแอบหลบซ่อนตามสุมทุมพุ่มไม้ หรือเลือกนั่งที่ป้ายรถเมล์ให้ไฟสปอตไลท์จากป้ายโฆษณาอยู่ด้านหลังทำให้ใบหน้ามืด เป็นต้น จากการลงพื้นที่เข้าไปคลุกคลีกับกลุ่มผู้ชายขายตัว อาจารย์สันต์พบว่า สิ่งที่พวกเขาพยายามต่อสู้และเรียกร้องสังคมมากที่สุด คือ "ความมีตัวตน" ที่เขาสามารถยืนอยู่บนพื้นที่ในสังคม ซึ่งหมายถึงต้องมีกระบวนการปกป้องดูแล ทั้งในเรื่องการศึกษาที่เพียงพอ หรือการช่วยเหลือต่างๆ ซึ่งทุกวันนี้ กลุ่มชายขายตัวเริ่มรวมตัวกันเพื่อให้เกิดอำนาจต่อรองมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้น อาจารย์สันต์ย้ำว่า การศึกษาของเขาไม่ได้มีเจตนาที่จะสนับสนุนให้อาชีพชายขายบริการดำรงอยู่ต่อไป หรือเรียกร้องสิทธิแทนชายขายตัวเหล่านี้ เขาเพียงต้องการให้สังคมมองกลุ่มคนเหล่านี้ด้วยความเข้าใจมากยิ่งขึ้น แม้ว่าการบอกให้สังคมกลุ่มใหญ่ยอมรับจะเป็นเรื่องค่อนข้างยาก แต่ถ้าทุกฝ่ายร่วมมือกัน ไม่มองว่าพวกเขา "เป็นปัญหา" ความเข้าใจคงจะเกิดขึ้นได้ไม่ยากนักไม่ปฏิเสธว่าแม้ทัศนคติบางอย่างที่สังคม "กลุ่มใหญ่" คิดได้กลายเป็นบรรทัดฐานของสังคมไปแล้ว แต่คงจะดีไม่น้อยหากเราเข้าใจคนที่ไม่ได้ยึดบรรทัดฐานเดียวกัน เพราะนั่นไม่ได้กำหนดว่าเราถูก หรือเขาผิด
แหล่งข้อมูล:
มติชน 20 ตค. 48

20 ตุลาคม 2548 11:45 น.

"ผู้ชายขายตัว" กับลีลาบนพื้นที่ชายขอบ



...แสงไฟนวลสาดส่องต้องผิวกายยามค่ำคืน บนถนนอันเงียบเหงา ชายหนุ่มเฝ้าชะเง้อมองรถคันแล้วคันเล่า ทอดสายตาภาษากายเร่งเร้าแก่รถที่ชะลอ เปิดไฟเลี้ยวเพื่อต่อรองราคา...ชีวิตของพวกเขายังคงเวียนวนอยู่ในพื้นที่แคบๆ มุมมืดของสังคม ชายเหล่านี้แฝงเร้น ซ่อนกาย อำพรางตัวตนที่แท้จริงในบริบทของสังคมที่ถูกตีตรา กำหนดคุณค่าของความเป็นมนุษย์
เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์กรมหาชน) "สันต์" สุวัจฉราภินันท์ นักศึกษาปริญญาเอก University of London ได้นำเสนอ วิทยานิพนธ์ในสาขาสถาปัตยกรรม ประวัติศาสตร์และทฤษฎีการออกแบบ (Architectural History and Theory) เรื่อง "ที่ว่างของผู้ชายขายตัว" การเมืองเอกลักษณ์ สภาวะการครอบครองเชิงอำนาจ และการต่อรองอำนาจ (Identity Politics, Objectification and Resistance) เพื่อความเข้าใจคนกลุ่มนี้มากยิ่งขึ้น สันต์ เปิดฉากกล่าวถึงแรงขับดัน ขั้วอำนาจ ความไม่เท่าเทียมกันในสังคม ซึ่งส่งผลให้เกิดเป็นกลุ่มคนที่ตกอยู่ในห่วงของอำนาจ กลายเป็นเหยื่อที่ถูกสังคมมองอย่างตำหนิ สันต์ บอกว่า วิทยานิพนธ์ ของเขาเน้นที่การมองอย่างเข้าใจ และรื้อโครงสร้างความหมายเดิม ที่ครอบคลุมเอาไว้บนความรู้ ความคิด ที่เกี่ยวข้องกับ "เพศสภาพ" และ "เอกลักษณ์" ทางเพศ บทบาททางเพศ และรสนิยมทางเพศ หรือ "อัตลักษณ์" ทางเพศที่สำคัญคือความรู้และความเข้าใจกับสิ่งเหล่านี้บนพื้นที่สาธารณะในเมือง ก่อให้เกิดตัวตนและเอกลักษณ์ถูกสร้างและควบคุม โดยกฎเกณฑ์ข้อกำหนด ก่อให้เกิดการแสดงออก การต่อต้าน กระบวนการสร้างเอกลักษณ์ใหม่ และการครอบครอง "ที่ว่าง" ใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจของวิทยานิพนธ์เรื่องนี้ สันต์ บอกอีกว่า การเกิดเอกลักษณ์ไม่ได้เกิดแต่แรกหรือติดตัวไปตลอดชีวิต แต่ทว่าเป็นเอกลักษณ์ที่ถูกสร้าง หรือสวมให้จากสังคม จากคนอื่น หรือแม้แต่กลุ่มผู้ซื้อบริการ เอกลักษณ์ของชายขายตัวที่เราคุ้นเคยคือ การมีพฤติกรรมทางเพศที่คล้ายคลึงกับ "กลุ่มเกย์" คือ มีเพศสัมพันธ์ระหว่างชายกับชาย และบ่อยครั้งที่ถูกมองและเข้าใจผิดว่าพวกเขาคือ กลุ่มเกย์ ไปด้วย แต่แท้จริงแล้วผู้ชายกลุ่มนี้ อาจใช่หรือไม่ใช่เกย์ก็ได้ "พฤติกรรมทางเพศ ที่ถูกมองว่าเป็นความประพฤติผิดทางเพศ หรือ การมองร่างกายเป็นสินค้า ที่ตอบสนองกามารมณ์มีผลต่อพื้นที่ เมื่อพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งถูกมองและเข้าใจว่า เป็นพื้นที่ทำมาหากิน ก็จะกลายเป็นจุดด่างดำ เป็นมุมมืดที่ผู้คนพยายามหลบหลีก ดังนั้น "ชายขายตัว" จึงเป็นเสมือนผลผลิตที่เกิดจากการใช้พื้นที่ เป็นผลผลิตจากการคัดออก กีดกัน และจำกัดในระบบการให้คุณค่า ตลอดจนความหมายตามกฎหมาย บรรทัดฐาน และค่านิยมที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของกลุ่มคนรักต่างเพศ ถือเป็นคนชายขอบของสังคม" สันต์ ตั้งคำถามว่าอะไรจะเกิดขึ้นบนพื้นที่ที่เคยถูกตรวจสอบ มองเห็นได้ แต่ถูกทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้น ที่ว่างของคนกลุ่มนี้ เป็นสิ่งที่ช่วยคิดและเปิดโอกาสให้ความคิดของเราช้าลง ทำให้เห็นความสัมพันธ์เดิม ในมุมมองใหม่ๆ ที่ว่างของผู้ชายขายตัวจึงเป็นเสมือน เครื่องมือที่พยายามสร้าง หรือก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อความคุ้นเคย เกิดการตั้งคำถามต่อสิ่งที่เกิดขึ้นและเป็นไป ที่เราเชื่อกันอยู่ว่ามีอยู่ดังเดิมตั้งแต่ต้น มีอยู่เพียงระบบเดียว ดังนั้น จึงเป็นมุมมองหนึ่งในการเข้าไปทำความเข้าใจ ความสัมพันธ์ระหว่างคนกับพื้นที่"การซ่อนเร้นจากสายตาที่ถูกจับผิด และแสดงตัวต่อผู้ที่เข้ามาใช้บริการ มีการส่งสัญญาณออกมาอย่างแยบยล โดยเฉพาะในพื้นที่สาธารณะ การสื่อสารมักถูกส่งออกไป ด้วยภาษากาย อย่างการแต่งกาย กริยาท่าทาง การส่งสายตา ด้วยการมอง การใช้แสงไฟสะท้อนเรือนร่าง หน้าตา กัลยาไมตรี โดยที่ผู้ใช้บริการหรือผู้ซื้อ จะแสดงออกด้วยการชะลอรถ ต่อรองราคา"สันต์อธิบายสันต์ ยังได้เก็บข้อมูลโดยการพูดคุยสำรวจสังเกต โดยแบ่งกลุ่มตัวอย่างออกเป็น 2 กรณี คือ กลุ่มที่ขายบริการริมถนน และกลุ่มผู้ขายบริการในสถานบันเทิงซึ่งมักมาในรูปของการแอบแฝง โดยในกรณีแรก พบว่าการจัดระบบของผู้ชายขายบริการมีลักษณะของการทับซ้อนกันอยู่มาก เช่น การจัดระบบจุดยืนขายบริการของหนุ่มหน้าเก่า-ใหม่ ว่าควรยืนอยู่จุดใดบ้าง ซึ่งผู้ขายบริการส่วนใหญ่จะรับรู้ร่วมกันว่า จุดใดเป็นพื้นที่สำหรับนักค้ารุ่นใหม่ หรือพื้นที่สำหรับพ่อค้าผู้ช่ำชอง หรือแบ่งตามบทบาททางเพศ เช่น เป็นผู้รุก ผู้รับ หรือทั้งรุกและรับ หรือรับอย่างเดียว รวมทั้งมีการแบ่งชนชั้นศักดิ์และสิทธิ์ที่เหนือกว่าด้วย สำหรับอัตลักษณ์ของผู้ชายแบบรุก ก็จะมีลักษณะที่แสดงความเป็นชายอย่างโดดเด่นหรือบ่งบอกความเป็นชายทั้งแท่ง สถานที่หรือฉากที่จะเลือกยืนจึงมักเป็นบริเวณที่มีแสงไฟส่องสว่าง เช่น ป้ายรถเมล์ หรือเสาไฟ เพราะกล้าที่จะเปิดเผยมากกว่า และไม่รู้สึกว่าพฤติกรรมทางเพศของตนเองเป็นเรื่องผิดหรือต้องรู้สึกผิด จึงแสดงความเป็นชายออกมาอย่างเต็มที่ ส่วนกลุ่มที่เป็นฝ่ายรับโดยมากจะเป็นชายไม่เต็มร้อย ดังนั้น มักจะอาศัยฉากหลังเป็นริมถนนในการแสดงบทบาทตนเองออกมา ส่วนกลุ่มรับอย่างเดียวจะค่อนข้างแสดงออกถึงความเป็นสาว ซึ่งส่วนมากจะใช้พื้นที่มืดกว่า เช่น มุมใต้ต้นไม้ เป็นต้น ทั้งนี้ รถยนต์ได้ถูกใช้เป็นเครื่องมือสัญลักษณ์ของชนชั้นทางสังคม ระหว่างผู้ซื้อกับผู้ชาย ส่วนเส้นทางเดินรถมักเป็น 2 เส้นที่ทับซ้อนกันอยู่ ได้แก่ เส้นที่มาจากราชดำเนิน สีลม สนามหลวง สวนสราญรมย์ ถนนสนามไชย ถนนเจริญกรุง และเส้นถนนข้างวัดโพธิ์ พวกเขาจะนั่งรออย่างไม่มีทีท่าว่าจะไปไหน และยืนเป็นจุดๆ ช่วงหัวโค้ง ใต้ บิลบอร์ดโฆษณา ป้ายรถเมล์ ใต้ต้นไม้ ซึ่งไม่แน่ว่าในอนาคตพื้นที่เหล่านี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงไปตามปัจจัยแวดล้อมต่างๆ เช่น สวนลุมพินี มีการจัดไฟที่สว่างมากขึ้น มีเวรยามเข้มงวด ก็จะเกิดการย้ายถิ่นที่ทำกินสำหรับกรณีศึกษาที่ 2 สันต์ ได้เข้าไปสังเกต เก็บข้อมูลจากสถานบริการประเภท บาร์เกย์ ย่านสุรวงศ์ ซึ่งถือเป็นที่จัดแสดงอย่างเต็มที่ ทำให้วิธีการสร้างตัวเองของชายกลุ่มนี้ มีความแตกต่างออกไป สันต์เล่าว่า ที่นี่มีการใช้สีสันจากการจัดไฟ วัสดุ อุปกรณ์สื่อ ให้เห็นถึงเพศสภาพอย่างชัดเจน สันต์ อธิบายด้วยว่า ย่านสุรวงศ์ บอย ทาวน์ เป็นย่านใจกลางธุรกิจที่เต็มไปด้วยสถานเริงรมย์ ซึ่งชายขายตัวเหล่านี้ เกิดจากแรงกระทำของธุรกิจนั่นเอง ซึ่งนับตั้งแต่มี พ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ. 2509 ธุรกิจสถานบริการก็ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด ชายขายตัวเหล่านี้ กลายเป็นเอนเตอร์เทรนเนอร์ เป็นผลผลิตที่ถูกต้องตามกฎหมาย และเป็นพื้นที่ที่ถูกคุ้มครองโดยรัฐ กลายเป็นพื้นที่สีเทาที่คนในสังคมตระหนักรู้ดีอยู่แล้ว "พื้นที่สีเทาจุดนี้มีบรรยากาศแตกต่างจากริมถนนหรือป้ายรถเมล์อย่างชัดเจน คือ มีการจัดแสดงอย่างเป็นสัดส่วน มีทั้งบริเวณเวที การจัดที่นั่งผู้เข้ามาชมโชว์ เพื่อให้ผู้ชายเหล่านี้ได้แสดงความเป็นชายออกมาอย่างเต็มที่ ทำให้ที่นี่มีกฎ ห้ามนำอุปกรณ์ในการเสริมสวยทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นมาสคาร่า แป้งตลับเข้ามา ถ้าจับได้ก็จะย้ายให้ไปอยู่ที่อื่น เป็นบทลงโทษ" ทั้งนี้ จากการสำรวจ 5 บาร์ ดังของสันต์ พบว่า เจ้าของบาร์ส่วนใหญ่มีระบบคิดในการจัดรูปแบบร้านเพื่อกระตุ้นความต้องการ แล้วควักเงินเพื่อให้ลูกค้าให้มากที่สุด โดยการจัดเวทีที่ง่ายต่อการมองเรือนกาย การโชว์ และสร้างความปลอดภัยให้กับลูกค้า มีการใช้แสงสีแดง เพื่อเน้นผิวพรรณให้ผุดผ่อง ดูสดใส และใช้สีม่วงกลบจุดด่างดำของร่างกาย นอกจากนี้ยังเน้นใส่บิกินี่สีขาว เพื่อทำให้สีขาวสะท้อนแสง สร้างจุดเด่น แสงสีเหล่านี้จึงกลายมาเป็นเครื่องสำอาง เป็นแรงกระตุ้น ยั่วยวนอย่างดี "บางครั้งพวกเขาเองก็เกิดความประหม่าในการแสดงบนเวที หนุ่มรายหนึ่งเผยความรู้สึกว่า เขาจะไม่มั่นใจเมื่อแขกหัวเราะคิกคัก และรู้สึกว่าตัวเองไม่ดี เต้นไม่สวยตรงไหน ดังนั้น เขาจะใช้กระจกซึ่งมักติดอยู่ในสถานบริการโดยรอบเพื่อจ้องมองตัวเอง และหลุดลอยเข้าไปอยู่ในจินตนาการของตัวเอง สันต์ยังบอกด้วยว่า นอกจากนี้แล้วก็จะมีการแบ่งระดับชั้นของสังคมเชื้อชาติด้วย เพราะหากแขกเป็นชาวต่างชาติก็จะได้เงินมากกว่า ซึ่งจุดนี้เองทำให้มีเกย์ซึ่งไม่พอใจกับการตกอยู่ใต้อำนาจเงินของฝรั่ง ทำให้ต้องหลีกหนีออกมา โดยช่วงปี 2515 ย่านสีลมจึงเป็นแหล่งที่ 2 ที่มีที่เที่ยว เป็นบาร์นั่ง แบบไลฟ์สไตล์ สำหรับเกย์เกิดขึ้น กลายเป็น 2 ดินแดนที่ปะทะกันโดยไม่ได้มีการติดต่อสื่อสารกัน อย่างไรก็ดี ส่วนตัวแล้ว สันต์ มองว่า การขายบริการของชายขายตัวก็เป็นอาชีพหนึ่ง ซึ่งควรจะยอมรับว่าเป็นปรากฏการณ์ทางสังคมที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ดังนั้นที่สำคัญคือการที่เขาเหล่านั้นต้อง "รู้ตัว" รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ทำเพื่ออะไร และจะมีวิธีป้องกันตนเองจากโรคร้ายอย่างไรบ้าง เพราะเขามีสิทธิในร่างกาย แต่ต้องไม่เกินขอบเขตและสร้างความเดือนร้อนให้แก่สังคม สันต์ ทิ้งท้ายโดยชี้ให้เห็นถึงวัตถุประสงค์ของงานวิทยานิพนธ์ชิ้นนี้ว่า ผลของวิทยานิพนธ์นี้ ไม่ใช่การพิจารณาหรือตัดสินว่า "ชายขายตัว" เป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดี ถูกหรือผิด แต่เป็นการตั้งคำถามต่อสังคมว่า "พวกเขาผิด" ก็ไม่ได้หมายความในทางกลับกันว่า "พวกเราถูก" เสมอไป แต่หากพวกเขาผิด ก็น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นให้คิดต่อไปว่า "ผิดอย่างไร" "อะไรที่ทำให้ผิด" ก่อนที่จะตัดสินใจลงไปว่าอะไรผิดอะไรถูก "ที่ว่างของผู้ชายขายตัว" จึงเป็นเสมือนเครื่องมือเข้าไปตรวจสอบกระบวนการพิจารณา หรือการให้คุณค่าว่า สิ่งใดที่ถูก สิ่งใดที่ไม่ดี มันเกิดขึ้นได้อย่างไร หรือเป็นเพียงการพยายามสร้างสถานการณ์ที่ทำให้คู่ตรงข้ามผิด เพื่อเราจะเป็นฝ่ายถูกเสมอไป สิ่งสำคัญที่อยากให้เกิดขึ้น คือ การเข้าใจคนกลุ่มนี้มากขึ้นเละคงคุณค่าของความเป็นมนุษย์...
แหล่งข้อมูล:
ผู้จัดการ 11 ตค. 48

11 ตุลาคม 2548 09:27 น.

9 ถนนโลกีย์ ค้ากามโจ๋งครึ่มเย้ยฟ้าท้าตำรวจ

ข้างถนนทั่วกรุงเทพฯ 9 แห่งพบว่ายังคงมีการซื้อขายบริการทางเพศทุกแห่งอย่างชัดเจน ลูกค้ามีตั้งแต่กรรมกรไปจนถึงเศรษฐี ทั้งชาย หญิงแห่ไปใช้บริการ ที่มีให้เลือกทุกรูปแบบ โสเภณีทุกรุ่น ทุกวัย ทั้งไทยทั้งเทศออกเตร็ดเตร่ล่าลูกค้าแบบเย้ยฟ้าท้าตำรวจ ฝ่ายตำรวจบ่นปวดหัวจับไม่รู้จักหมด ท้องที่ไหนกวาดล้างก็จะไปโผล่อีกแห่ง แม้ตำรวจจะระดมกวาดล้างแหล่งค้าประเวณีเป็นระลอก แต่ก็ไม่ทำให้บรรดาคุณตัวทั้งชายและหญิงหวั่นเกรงแต่อย่างใด และยังคงปักหลักหากิน กระจัดกระจายกันอยู่จนทุกวันนี้ ทีมข่าว "คม ชัด ลึก" ได้ออกสำรวจ 9 แหล่งค้าประเวณีพบว่า ยังมีหญิงชายคอยให้บริการกันอย่างโจ๋งครึ่ม และไม่มีท่าทีว่าจะกลัวเกรงเจ้าหน้าที่บ้านเมืองแต่อย่างไร ที่สำคัญคือ โสเภณีขณะนี้มีวัยไม่ถึง 20 ปี
แม่ค้าส้มตำ "หัวลำโพง"
แหล่งขายบริการแหล่งแรกเป็นบริเวณ "หัวลำโพง" ที่นี่มีลักษณะการค้าประเวณีไม่เหมือนที่อื่นคือ หากต้องการหญิงบริการจะต้องไปเดินดูแม่ค้าส้มตำ เพราะตลาดเนื้อสดแห่งนี้ใช้วิธีการขายส้มตำบังหน้ากลบเกลื่อนการค้าประเวณี สำหรับแม่ค้าส้มตำกว่า 20 เจ้าที่นี่ส่วนใหญ่จะอยู่ในวัยประมาณ 15-25 ปีหน้าตาจิ้มลิ้ม ใส่เสื้อสายเดี่ยวรัดรูป รองเท้าส้นตึก ใช้โทรศัพท์มือถือราคาแพง มาปูเสื่อขายส้มตำหาลำไพ่พิเศษซึ่งหากดูย้อนกลับไปเมื่อ 2-3 ปีก่อนผู้หญิงที่มาขายบริการจะมีอายุไม่ต่ำกว่า 30 ปี และไม่มีการแต่งเติมสีสันบนหน้าตาใช้ลิปสติกเพียงแท่งเดียวก็ออกหากินได้แล้ ว ตลาดค้าเนื้อสดแห่งนี้จะเริ่มทันทีเมื่อตะวันลับตกดิน บรรดาหญิงขายบริการจะทยอยกันออกมายึดหัวหาดตั้งร้านอยู่ริมฟุตบาทด้านถนนพระ รามสี่ รายล้อมบริเวณรอบสถานีรถไฟหัวลำโพง "แอ๋ว" หญิงขายบริการวัย 20 ปีในชุดเสื้อรัดรูปสีชมพูอ่อน กางเกงยีนส์ขายาวสีขาว เล่าว่า หญิงสาวที่ขายบริการอยู่ที่นี่ประจำมีอยู่ประมาณ 20 คน แต่ฤดูที่ไม่ทำไร่ทำนาจะมีมากเป็นพิเศษ สำหรับหาบส้มตำที่วางขายกันอยู่นั้นเธอกล่าวว่า เอามาจากเจ้าเดียวกันเกือบทั้งหมด ย่านถนนไมตรีจิต เพียงไปสั่งจองว่าต้องการหาบส้มตำ เจ๊เจ้าของหาบก็จะจัดหาเตรียมไว้ให้ ขายราคาจานละ 20 บาท จะได้ครกละ 5 บาท หากต้องไปกับแขกก็ต้องฝากหาบส้มตำไว้กับเพื่อนที่อยู่ใกล้ๆ ให้ช่วยขายให้ สำหรับลูกค้าที่มาใช้บริการส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ใช้แรงงานอยู่ละแวกนี้ ค่าใช้บริการก็มีเพียงราคาเดียวคือ 500 บาท ทั้งนี้ยังไม่รวมค่าห้องอีก 150 บาทให้เวลาไม่เกิน 1ชั่วโมง +
วงเวียน 22 แหล่งค้าประเวณีดั้งเดิม
ขณะที่ตลาดค้าบริการย่านหัวลำโพงกำลังคึกคัก ตลาดค้าเนื้อสดย่านถนนไมตรีจิต ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็คึกคักไม่แพ้กัน หญิงขายบริการมียืนเรียงรายอยู่สองฟากถนนกว่า 50 คน ตามมุมมืดหน้าโรงแรมจิ้งหรีด จากการสอบถามหญิงที่ขายบริการทราบว่าพวกเธอย้ายมาจากวงเวียน 22 กรกฎา เป็นส่วนใหญ่ เพราะถูกกวาดล้างจากตำรวจท้องที่อย่างต่อเนื่อง ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า การกวาดล้างผู้หญิงขายบริการบริเวณถนนไมตรีจิต ค่อนข้างลำบากเนื่องจากมีซอยเล็กซอยน้อยมากมาย ทะลุต่อกันได้ สำหรับราคาค่าบริการอยู่ที่ 300 - 500 บาท ส่วนค่าเช่าห้องหรือโรงแรมชั่วคราว 2 ชั่วโมงอยู่ที่ประมาณ 150 ค้างคืนอยู่ที่ 300 บาท ส่วนลูกค้าที่นิยมใช้บริการจะเป็นกลุ่มเดียวกับลูกค้าที่มาใช้บริการที่หัวล ำโพง
อีตัวหนุ่มใกล้กรม รด.
สำหรับแห่งที่สาม เราได้เข้าไปสำรวจบริเวณหน้าวังสราญรมย์ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีในหมู่นักเที่ยวที่ต้องการใช้บริการทางเพศกับเด็กหนุ่ม ว่าบริเวณดังกล่าวถือเป็นตลาดใหญ่ที่กำลังได้รับความนิยม ตั้งแต่ 2 ทุ่มเป็นต้นไปบริเวณริมฟุตบาทด้านหน้าวังสราญรมย์ กรมแผนที่ทหาร กรมการรักษาดินแดน ตลอดแนวริมรั้ววัดโพธิ์ไปสิ้นสุดที่หน้ากระทรวงกลาโหม จะมีเด็กหนุ่มวัยรุ่นหน้าตาดี ร่างกายกำยำ ล่ำสัน ยืนรวมตัวจับกลุ่มกันเป็นแนวยาว ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีในหมู่นักเที่ยวที่ต้องการใช้บริการทางเพศกับเด็กหนุ่ม ว่าบริเวณดังกล่าวถือเป็นตลาดใหญ่ที่กำลังได้รับความนิยม ผู้ชายขายบริการที่นี่ส่วนใหญ่จะแต่งกาย ด้วยเสื้อผ้าสะอาดสะอ้านดูทะมัดทะแมง บริเวณริมหัวถนนหน้ากรมแผนที่ทหาร เป็นจุดแรกที่มีเด็กวัยรุ่นผู้ชายจับกลุ่มพูดคุยกันอยู่ด้วยอิริยาบถแตกต่าง กันไป สายตาคอยสอดส่ายหาลูกค้าทั้งขาจรและขาประจำที่เคยมาใช้บริการ ถัดขึ้นมาบริเวณริมฟุตบาทหน้ากรมการรักษาดินแดน จากการสังเกตพบว่าผู้ขายบริการส่วนมากจะเป็นเกย์คิงส์ ซึ่งกลุ่มนี้จะยืนเรียงรายให้เลือกอยู่มากพอสมควร หากเลยออกไปอีกหน่อยบริเวณด้านหน้าวังสราญรมย์ รอบรั้ววัดโพธ์ จนถึงหน้ากระทรวงกลาโหม กลุ่มผู้ขายบริการก็จะเปลี่ยนไปเป็นสาวประเภท 2 แต่ก็ยังมีหญิงแท้ให้เห็นบ้างประปราย ตรงจุดนี้จะมีผู้ขายบริการมากกว่าจุดอื่นประมาณกลุ่มละ 7-8 คน และมีมากกว่า 10 กลุ่ม หลังจากเฝ้าสังเกตการณ์อยู่นานกว่า 4 ชั่วโมง ทีมงาน "คม ชัด ลึก" ทำทีเข้าไปทาบทามขอซื้อบริการจากชายคนหนึ่งในกลุ่ม ซึ่งมีรูปร่างสันทัด ผิวเหลือง อายุประมาณ 27-28 ปี ขณะยืนหาลูกค้าอยู่หน้ากรมแผนที่ทหาร เมื่อขับรถเข้าไปใกล้ชายหนุ่มคนดังกล่าวกลับเดินเลี่ยงออกไปทางอื่น ทำให้เพื่อนๆ ที่อยู่ใกล้เคียงต่างแยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง แต่ระหว่างที่ขับรถไปจอดที่หน้ากรมการรักษาดินแดน กลับมีชายหนุ่มอีกคนรูปร่างสูง ท่าทางสะอาดสะอ้านคนหนึ่งซึ่งยืนรอท่าอยู่ พอได้จังหวะจึงชะโงกหน้าเข้ามาในรถพร้อมกับเสนอขายบริการให้ทันที "พี่จะเรียกผมไปไหมครับ ผมขอ 500 บาท ผมเป็นได้ทั้งสองอย่าง พี่มากันกี่คนครับผมมีเพื่อน แล้วพี่มีที่ค้างหรือเปล่าถ้าไม่มีผมจะพาไป ตรงที่พี่ผ่านมานั่นส่วนใหญ่เขาให้บริการแต่ผู้หญิง ถ้าเป็นผู้ชายต้องมาตรงนี้ คนที่มาหาซื้อบริการส่วนใหญ่จะมีทั้งผู้ชายผู้หญิงคละเคล้ากันไป มีตั้งแต่พวกรับจ้างขนผักที่ปากคลองตลาด ไปจนถึงคนรวยหรือบางครั้งก็มีดารามาใช้บริการเหมือนกัน" ชายหนุ่มจาระไน "ตุ้ย" เด็กหนุ่มวัย 19 ปี คือคนที่เข้ามาเจรจากับทีมงาน กล่าวว่า สถานที่แห่งนี้ผู้ขายและผู้ซื้อบริการจะแยกกันชัดเจน ลูกค้าส่วนมากจะรู้ว่าโซนไหนขายบริการประเภทใด สำหรับนักเที่ยวขาจรจะสุ่มมาตามคำบอกเล่า แต่ด้วยสัญชาตญาณของนักเที่ยวแล้ว จะสามารถสื่อกันได้เองโดยอัตโนมัติ ราคาค่าตัวจะมีตั้งแต่ 150 บาทไปจนถึง 1,500 บาท ตามเกรดของสินค้าและการตกลง "ตุ้ย" เล่าอีกว่า สถานที่ใช้บำเรอกามนั้นมีหลายแห่ง มีทั้งราคาถูกไปจนถึงราคาแพง ถ้าเป็นโรงแรมจิ้งหรีดก็ถูกหน่อย ชั่วโมงละ 20 - 50 บาท ส่วนม่านรูดชั่วโมงละ 120 - 150 บาทมีห้องน้ำในตัว อยู่หลังศาลอาญาและกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีในหมู่ผู้ชายขายบริการทุกคน "สำหรับลูกค้าระดับล่างที่ไม่มีแม้แต่เงินค่าโรงแรม จะใช้รถเมล์ที่จอดอยู่ที่ท่ารถเป็นสถานที่สำเร็จกิจ ส่วนโรงแรมใหญ่ตรงข้ามสนามหลวง ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ เขาจะให้พนักงานของโรงแรมขี่มอเตอร์ไซค์มารับไปให้บริการถึงที่ แล้วจ่ายค่าตัวให้เรา จากนั้นจะไปบวกกับแขกเท่าไหร่ผมไม่ทราบเหมือนกัน รายได้ของผมไม่แน่นอน ถ้าต้นเดือนก็พอมีรายได้เยอะหน่อย ปลายเดือนก็ได้น้อยหน่อย แต่อย่างต่ำก็อยู่ที่ประมาณ 500 บาทต่อวัน" ชายหนุ่ม กล่าว นอกจากนี้ "ตุ้ย" ยังกล่าวด้วยว่า ผู้ชายหากินที่มาตั้งหลักหาลูกค้าที่นี่ ส่วนมากหนีมาจากสวนลุมฯ เป็นส่วนใหญ่ สาเหตุเนื่องจากช่วงหลังๆ ถูกตำรวจกวดขันหนัก ต่อไปหากที่นี่มีการกวาดล้างอีก ก็ต้องหนีไปที่อื่นอีกเช่นกัน
คลองหลอดแหล่งรวม "ผีขนุน"
คลองหลอดคือ สถานที่สี่ ที่เราสำรวจเพราะบริเวณนี้เป็นอีกแห่งที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการขายบริการทา งเพศ หรือที่รู้จักในนาม "ผีขนุน" ลูกค้าส่วนใหญ่คือ ผู้มาขายหรือมาซื้อของแถวปากคลองตลาด ส่วนผู้ที่มาขายบริการในบริเวณนี้ นอกจากจะเป็นหญิงที่อยู่ในวัยตกรุ่นแล้ว ก็ยังมี สาวประเภทสอง ให้เห็นกันเต็มสองข้างถนน เวลาประมาณ 21.30 น. ทีมข่าว คม ชัด ลึก ซุ่มจอดรถอยู่ในมุมมืดข้างประตูวัดแห่งหนึ่งริมคลองหลอด เพื่อซุ่มดูการซื้อขายบริการทางเพศของสาวประเภทสองเหล่านั้นพบว่า มีผู้ชายเดินแวะเวียนมาต่อรองราคาอยู่ตลอดเวลาทั้งเดินเท้า ขี่จักรยานยนต์และขับรถยนต์มาจอดเทียบ แต่เมื่อการต่อรองราคายังไม่เป็นที่พอใจ เธอจึงนั่งรอต่อไปเรื่อยๆ หลังจากนั้น 5 นาที ก็มีรถกระบะเข้ามาจอดเทียบเธอยื่นหน้าเข้าไปคุยจากนั้นก็คว้าถุงใบหนึ่งเข้า ไปนั่งในรถและปิดประตู ทีมงานคม ชัด ลึก เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ในรถแต่ไม่เห็นทีท่าว่ารถคันดังกล่าวจะเคลื่อนที่แต่อย่ างใด ทีมข่าวของเรายังซุ่มดูอยู่ต่อไปจนเวลาผ่านไปเกือบ 10 นาที เธอก็เดินลงมาจากรถและเดินไปหยิบขวดน้ำที่วางอยู่บนกำแพงวัดเพื่อล้างปาก ทำให้เราพอจะเดาได้ว่า เธอได้ปฏิบัติกามกิจกับคนในรถกระบะคันนั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งราคาในลักษณะนี้จะอยู่ที่ประมาณ 50-150 บาท ถูกกว่าการหอบหิ้วกันไปถึงโรงแรม
สวนลุมฯ - สนามหลวงกวาดอย่างไรก็ไม่หมด
ส่วนแห่งที่ห้าและหกนั้นคงเป็นที่คุ้นเคยกันดีคือ บริเวณรอบสวนลุมพินีและรอบสนามหลวง เพราะตรงนี้เป็นที่ขึ้นชื่อลือชามานาน จากการสำรวจล่าสุดพบว่า หลังจากมีการกวาดล้างกันอย่างต่อเนื่องมาก่อนหน้านี้ ยังมีหญิงค้าประเวณีให้เห็นเช่นเดิม แต่สองแห่งนั้นจะแตกต่างในเรื่องของอายุผู้ขายบริการเท่านั้น โดยบริเวณรอบๆ สวนลุมนั้นส่วนมากจะเป็นวัยรุ่นสนนราคาอยู่ประมาณ 500-1,200 บาท แพงกว่าหญิงขายบริการย่านสนามหลวงที่มีราคาไม่เกิน 500 บาท
เพชรบุรีตัดใหม่ แหล่งรวมสาวรุ่น
บริเวณหน้าโรงแรมสยาม ถนนเพชรบุรีตัดใหม่เป็นแห่งที่เจ็ด ที่เราเข้าสำรวจพบว่า ก่อนหน้านี้ขึ้นชื่อลือชาว่ามีเด็กนักเรียน นักศึกษา ออกมาขายบริการหาลำไพ่ตั้งแต่หัวค่ำ ที่นี่บรรยากาศการค้าจะเริ่มขึ้นช่วงหัวค่ำประมาณ 1 ทุ่ม สาวๆ กว่าครึ่งร้อยจะแต่งเนื้อแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีสวยสดใส ใส่เสื้อสายเดี่ยวบ้างเกาะอกบ้างกางเกงขาสั้น หรือไม่ก็ยาวรัดเปรี๊ยะจนเห็นเรือนร่างโค้งเว้าทุกสัดส่วนยืนอยู่ในมุมมืดบ้ างอยู่ในมุมสว่างบ้าง ตั้งแต่เชิงสะพานอโศกไล่ลัดเลาะเข้าไปถึงโรงแรมสยาม ผู้หญิงที่ขายบริการช่วงหัวค่ำส่วนมากจะเป็นเด็กสาวอายุตั้งแต่ 18-20 ปี ที่ทำเป็นไซค์ไลท์หรือมาทำเพียงรอบเดียวพอได้เงิน 1,000-2,000 บาทก็เลิกแล้วเข้าไปเที่ยวตามสถานบันเทิงที่อยู่ใกล้เคียง ส่วนกลุ่มผู้หญิงที่มาขายบริการในช่วงตีหนึ่ง พบว่าส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงที่มีทำอาชีพขายบริการอยู่แล้วและใช้เวลาหลังจาก เลิกงานจากอาบ อบ นวดที่เป็นงานปกติไปทำงานพิเศษที่หน้าโรงแรมสยามต่อจนถึงเช้า สำหรับราคาค่าบริการทราบว่าราคาการใช้บริการหญิงสาวพวกนี้จะแพงกว่าที่อื่นโ ดยเริ่มต้นตั้งแต่ 800 บาทจนถึง 3,000 บาท ทั้งนี้ยังไม่ได้รวมค่าโรงแรม ที่มีราคาอย่างต่ำ 300 บาทหากใช้บริการห้องของโรงแรมสยาม ราคาไม่เกิน 500 บาท แต่หากวันใดตำรวจออกกวาดล้างหญิงขายบริการที่ยืนอยู่ริมถนนก็จะหลบเข้าไปอยู ่ในบริเวณบ่อตกกุ้งซึ่งอยู่ในร้านอาหารใกล้เคียง โดยการนั่งจับกลุ่มกันในโต๊ะเดียว
ซอยนานาแหล่งรับแขกต่างชาติ
แหล่งขายบริการอีกสองแห่งที่ทีมข่าว "คม ชัด ลึก" เข้าสำรวจคือบริเวณใกล้โรงแรมแอมบาสเดอร์และย่านนานาเหนือ-ใต้ ทั้งสองแห่งนี้มีลักษณะคล้ายๆ กัน ลูกค้าส่วนมากเป็นชาวต่างชาติ ความแตกต่างจะอยู่ตรงที่ค่าบริการ ซึ่งผู้หญิงที่มาขายบริการบริเวณนานาเหนือและใต้ จะแพงกว่าบริเวณรอบๆ โรงแรมแอมบาสเดอร์เพราะส่วนมากจะเป็นชาวต่างชาติเกรดเอที่มาใช้บริการ ตลาดค้าบริการของทั้งสองแห่งนี้จะเริ่มตั้งแต่เวลา 2-3 ทุ่ม มีหญิงสาวขายบริการทั้งชาวไทยและต่างชาติกว่ากว่า 500 คน ในแต่ละค่ำคืนบริเวณนี้จะมีผู้หญิงไทยออกหาล่าเหยื่อชาวต่างชาติประเภท "ผิวดำ" ไม่รวมถึงสาวรัสเซียและสาวอุซเบกิสถานที่แอบเข้ามาขายบริการในโรงแรมเล็กๆ ในตรอกซอยแถวนั้นด้วย การใช้บริการหญิงสาวต่างชาติเหล่านี้หากเป็นคนไทยจะค่อนข้างลำบากเพราะไม่มี นายหน้าหรือคนที่รู้จักคุ้นเคยนำพา จะถูกผู้จัดการโรงแรมปฏิเสธทันที เนื่องจากช่วงที่ผ่านมามีเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการค้าประเวณีของหญิงสาวชาว ต่างชาติค่อนข้างมาก แต่หากผู้ที่ใช้บริการมากับไกด์หรือคนรู้จักกัน ผู้จัดการโรงแรมก็จะจัดหาสาวๆ ชาวไทยหรือชาวต่างชาติที่ไม่สามารถพูดไทยได้มาให้เลือก สำหรับสนนราคาเริ่มต้นที่ 1,500 บาทเป็นอย่างต่ำ แต่สำหรับขาประจำที่รู้ทางจริงๆ อาจจะเหลืออยู่ที่ 1,000 บาท ไม่รวมค่าห้องชั่วคราวที่เดินขึ้น บันไดไม่ถึง 20 ขั้น ก็ถึงเตียงวิมานคิดราคา 300 บาท ส่วนผู้ที่นิยมสาวๆ ชาวต่างชาติจะต้องควักสตางค์ค่อนข้างแพงถึง 2,500-4,000 บาทต่อการเรียกใช้บริการครั้งหนึ่ง ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่าผู้หญิงชาวต่างชาติทั้งรัสเซียและสาวอุซเบกิสถานที่ มาปักหลักขายบริการอยู่แถบนี้จะระมัดระวังตัวมากเป็นพิเศษ เพราะกลัวว่าจะถูกล่อซื้อแล้วถูกจับกุมส่งกลับประเทศ หากแขกมีลักษณะเหมือนคนมีสีหรือแม้กระทั่งถือวิทยุสื่อสาร เธอจะหลบหายไปในทันที ส่วนตลาดเนื้อสดบริเวณด้านหน้าโรงแรมแอมบาสเดอร์นั้นพบว่า ตลาดจะเริ่มคึกคักพร้อมๆ กับซอยนานา แต่เกรดของผู้หญิงที่ขายบริการจะด้อยกว่าทางซอยนานาเหนือและใต้ นอกจากนี้ในร้านอาหารดังแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในย้านนั้นยังเป็นแหล่งนัดพบขอ งหนุ่มสาวที่เสร็จจากงานในช่วงเวลากลางคืน หญิงสาวบางคนยังอารมณ์ค้างอยู่กับการขึ้นห้องกับแขกในเวลางาน ก็จะนิยมมาที่นี่เพื่อซื้อขายบริการเสพสุขกันอย่างเสรี ซึ่งสนนราคาอยู่ที่ความพอใจกันของทั้งสองฝ่าย ตำรวจปวดหัวจับเท่าไรก็ไม่หมด
ย่านค้ากามทั้ง 9 แห่งล้วนเป็นแหล่งเดิมๆ ที่รู้กันดีว่ามีพฤติกรรมเช่นนี้เกิดขึ้น ตำรวจแต่ละท้องที่ก็ออกกวาดล้างเป็นระยะๆ แต่ดูเหมือนว่าโสเภณีเร่ร่อนทั้งหญิง ชายจะไม่ได้ลดลงสักเท่าไร พ.ต.อ.อุทาสิน ฤทธิ์เรืองเดช ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลพระราชวัง (ผกก.สน.พระราชวัง) ยอมรับว่า บริเวณหน้าวังสราญรมย์มีกลุ่มผู้ชายมาปักหลักขายบริการอยู่เป็นเวลานานแล้ว ที่ผ่านมามีการระดมกวาดล้างอย่างต่อเนื่อง จนระยะหลังกลุ่มผู้ขายบริการลดน้อยลงไปบ้าง แต่ก็ยังคงมีให้เห็นอยู่ "เรามีการจับกุมตัวมาดำเนินคดีทุกวัน บางวันจับได้มากที่สุดถึง 30-40 คนเลยทีเดียว ไม่รู้มาจากไหนกัน ตอนนี้เราทำได้อย่างเดียวก็คือออกตรวจวันละ 2 ครั้ง ช่วง 3 - 4 ทุ่มและตี 3 - ตี 4 แต่ก็ยังไม่วายที่จะมีคนเข้ามาลักลอบขายบริการอยู่ดี" พ.ต.อ.อุทาสิน กล่าว ผกก.สน.พระราชวัง กล่าวต่อว่า ปัจจุบันผู้ชายที่มาขายบริการในบริเวณดังกล่าวไม่ใช่คนในพื้นที่ ส่วนใหญ่จะเดินทางเข้ามาจากที่อื่นตั้งแต่หัวค่ำ ปัจจุบันไม่มีสถิติผู้ค้าประเวณีที่แน่นอน เพราะบางช่วงก็มีมากบางช่วงก็มีน้อย ขึ้นอยู่กับท้องที่ไหนมีการกวาดล้างก็จะหนีมาอยู่ที่นี่ หมายเหตุเก็บมาเพราะมันน่าสนใจดี

รีเอ็กซเรย์ตลาด"ผู้ชายขายตัว"


"เด็กขายน้ำ"!!! ในอดีตหากเอ่ยคำนี้หลายคนคงคุ้นหู และรู้ว่าคือคำนิยามที่หมู่รักร่วมเพศใช้เรียกขาน "ชายขายบริการทางเพศ".....มาถึงสมัยนี้แวดวงหมู่ชาวเกย์ เด็กขายน้ำดูเป็นคำโบราณคร่ำครึ คำที่ทันสมัยในปัจจุบันจึงผันเปลี่ยนมาใช้คำว่า "เซลล์".....นัยว่าจะช่วยยกระดับอาชีพนี้ให้ดูดีขึ้น วันนี้ด้วยสังคมที่เปิดกว้าง ยอมรับรสนิยมกามารมณ์ส่วนตัวมากขึ้นเท่าใด จำนวน "เซลส์" ที่เคยมีบริการกันแบบ "ลับเฉพาะ" ในสถานบริการบางแห่ง จึงพัฒนาแพร่ขยายมาถึงขั้นมี "นายบริการทางโทรศัพท์"....."เซลล์" หรือ "ธุรกิจโสเภณีชาย" ไปไกลกว่าที่คนนอกวงการคาดคิด เพราะมีบริ การแบบ "ฟูลออพชั่น" ทั้งเป็นแบบเพื่อนเที่ยว เพื่อนออกงานสังคม และเพื่อนนอน ยิ่งกว่านั้นวันนี้ "โสเภณีชาย" ไม่เพียงขายตัวกับเกย์ หากแต่รวมไปถึงการขายตัวให้กับบรรดาสาวแก่แม่ม่ายใน "แวดวงไฮโซ"!!! ทั้งนี้เมื่อนึกถึงสถานที่ที่มีผู้ชายขายตัว "วังสราญรมย์" เป็นสถานที่แห่งหนึ่งในอันดับต้นๆ ที่ชายที่ชอบไม้ป่าเดียวกันและ "ผู้หญิงขี้เหงา" ส่วนใหญ่นึกถึง เพราะบริเวณนี้ถือเป็นศูนย์รวมของผู้ ชายขายตัวทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายที่มีจิตใจเป็นหญิง หรือผู้ชายที่รูปร่างกำยำ แต่มีจิตใจชอบผู้ ชาย และประเภท "เสือไบ" หรือผู้ชายที่ได้ทั้งชายและหญิง ปัจจุบัน "ตลาดกาม" แห่งนี้มีความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ที่ครั้งหนึ่งจะมีเพียงการขายตัวธรรมดา ตกลงราคากันข้างทาง ถูกใจก็ขึ้นรถไปกับลูกค้า แต่งตัวตามแฟชั่นทั่วไปเท่านั้นไม่ได้เน้นอะ ไรมากมายนัก แต่ทุกวันนี้ "โสเภณีชาย" ย่านนี้มีการพัฒนามากขึ้น บางคนผูกไทใส่สูท รูปร่างกำยำ หน้าตาหล่อเหลา การพูดจาสื่อสารสุภาพ อีกทั้งมี "โปรโมชั่น" ใหม่ๆให้ลูกค้า "แมค" หนุ่มวัย 22 ปี รูปร่างกำยำ หน้าตาหล่อเหลา แต่งกายสะอาดตา หนึ่งใน "โสเภณีชาย" ที่ยึด "วังสราญรมย์" เป็นแหล่งทำมาหากิน บอกว่า อัตราค่าบริการของเขาอยู่ที่ 500 บาท เพิ่มเวลาให้จากเดิม 2 ชั่วโมง เป็น 3 ชั่วโมง หากให้บริการต่อเนื่องได้ "ไม่ถึง 30 นาที ยินดีคืนเงิน" หรือ "ฟรี" สำหรับลูกค้าผู้หญิงและลูกค้าเพศชายที่เป็นฝ่ายรับ แต่สำหรับลูกค้า "ชาวต่างชาติ" เขาจะเพิ่มราคาเป็น 800 บาท ไม่รวมค่าห้องพักที่จะต้องตกเป็นภาระของลูกค้า "แมค" เล่าอีกว่า ขณะนี้ผู้ชายที่มาขายบริการในสถานที่นี้ต้องแข่งขันแย่งลูกค้ากันด้วยวิธีการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกายที่จะต้องดูดีสะอาดตา บางวันมีคนใส่สูทผูกเนคไทมายืนขายบริการ ขณะที่รูปลักษณ์ที่กลุ่มลูกค้าให้ความสนใจ คือ ต้องมี "รูปกายกำยำ" เขาก็ต้องไปเล่นกล้ามเพาะกายตาม "ฟิตเนส" ราคาถูก ส่วนคนที่ไม่มีเงินมากนักก็จะออกกำลังกายอย่างง่ายๆอยู่กับที่พัก..... ส่วน "ลูกค้า" มีมากหน้าหลายตา บางคนขับรถยนต์ยี่ห้อดีราคาหลักล้าน บางคนนั่งแท็กซี่ บางคนขี่รถจักรยานยนต์ บางรายให้เจ้าหน้าที่จากโรงแรมขับรถมารับถึงที่ สำหรับลูกค้าผู้ชายที่นิยมชายด้วยกัน อายุเฉลี่ยประมาณ 25 ปีขึ้นไป ขณะที่ผู้หญิงที่เข้ามาใช้บริการน้อยกว่าอายุประมาณ 25 ปีขึ้นไปเช่นกัน โดยส่วนใหญ่ลูกค้าจะ "เมา" มาแล้วแทบทั้งสิ้น "ผมเข้ามาหากินอยู่บริเวณนี้นานหลายเดือนแล้ว ก่อนหน้านี้ขายบริการอยู่แถบถนนสีลม แต่ด้วยการที่มีคนเข้ามายึดอาชีพนี้เยอะ มีเด็กรุ่นใหม่หน้าตาดี ทำให้รายได้น้อยลง จึงตัดสินใจออกมาหากินแบบอิสระ ตอนอยู่ร้านแห่งหนึ่งแถวสีลม คืนหนึ่งๆผมได้แค่ 800 บาท โดนตัดหัวคิวครึ่งต่อครึ่ง อีกทั้งคนเชียร์แขกถ้าไม่ให้เขา เขาก็จะเชียร์คนอื่น ผมออกมาหากินข้างนอกดีกว่า" แมค กล่าว อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่าในอนาคต "แมค" และผองเพื่อนร่วมอาชีพ "โสเภณีชาย" อาจจะต้องได้รับผลกระทบมากขึ้น เพราะนอกเหนือจาก "เด็กใหม่" ที่ก้าวขึ้นมาแทนที่แล้ว ขณะนี้พบว่า "ชาว ต่างชาติ" โดยเฉพาะประเภท "นิโกร" กำลังคืบคลานเข้ามาแย่งส่วนแบ่งการตลาดจากพวกเขา เพราะกำลังได้รับความนิยมอย่างยิ่งจากลูกค้า จากการสำรวจผนวกกับงานวิจัยหลายๆชิ้น พบว่า ปัจจุบันจำนวน "โสเภณีชาย" มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ผู้ชายที่ขายบริการจะมีอายุตั้งแต่ 12-35 ปี กลุ่มเด็กที่มีอายุ 12-13 ปี จะขายบริการให้กับผู้ ชายต่างชาติ ส่วนผู้ชายที่มีอายุตั้งแต่ 18-35 ปี จะขายบริการให้กับกลุ่มหญิงไทยและต่างชาติ "ผู้ชายขายบริการ" ส่วนใหญ่จะมีหน้าตาดี มีการศึกษา เป็นพนักงานบริษัท และนักศึกษา ที่ต้องการรายได้เสริม หรือ "กลุ่มเด็กเร่ร่อน" "ผู้ชายไทย" ค่อนข้างได้รับความนิยมจาก "หญิงต่างชาติ" โดย เฉพาะญี่ปุ่น ที่ขึ้นชื่อลือชาถึงขั้น "เหมาทัวร์" มาใช้บริการ เพราะผู้ชายไทยเอาใจเก่ง.....ที่สำคัญ ราคาแบบไทย เมื่อคิดเป็นเงินเยน "ไม่แพง"!!! กลับกันรสนิยมลูกค้า "หญิงไทย" กลุ่มที่มีอายุมากและฐานะร่ำรวย จะนิยม "ผู้ชายต่างชาติ" โดยเฉพาะขณะนี้เน้นไปที่ "หนุ่มนิโกร" เพราะเชื่อกันว่าร่างกายแข็งแรง บึกบึน มีความโลดโผน รุน แรง..... เมื่อ "หนุ่มนิโกร" เป็นสินค้าที่ตลาดต้องการ "เอเย่นต์" ก็ต้องพยายามนำเข้า เท่าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และตำรวจท่องเที่ยว มีข้อมูล คือ ส่วนใหญ่เป็นนิโกรจากจาเมกา และไนจีเรีย ซึ่งมีการผลัดเปลี่ยนเวียนหน้า ประมาณปีละ 100 คน "ทำเลที่นิโกรเหล่านี้เตร็ดเตร่จะอยู่แถวๆ ซ.นานา สุขุมวิท สินค้าดี ตลาดต้องการ ทั้งยังมีจำ นวนไม่มาก ค่าบริการหนุ่มนิโกรจึงค่อนข้างแพงมาก แพงที่สุดประมาณครั้งละ 7,000 บาท เทียบกับผู้ชายไทยมาตรฐานเดียวกัน ไม่เกิน 5,000 บาท และ 7,000 บาทนี้ เป็นแค่ค่าตัว ไม่รวมค่าเครื่องดื่ม ค่าที่พัก เบ็ดเสร็จแล้วต่อครั้งประมาณ 2-3 ชั่วโมง การใช้บริการจากหนุ่มนิโกร จะมีค่าใช้จ่ายถึง 1 หมื่นบาท ซึ่งบริการหนุ่มผิวดำราคาแพงขนาดนี้ ลูกค้าส่วนใหญ่จะต้องเป็นไฮโซ มีเงินเหลือใช้ ไม่ใช่สิน ค้าสำหรับหญิงไทยทั่วไปที่มีฐานะระดับขั้นพอมีหยิบฉวย" แหล่งข่าวจากตำรวจท่องเที่ยว ให้ข้อ มูล แหล่งข่าวรายเดิม ให้ข้อมูลอีกว่า สำหรับ "ลูกค้าไฮโซ" ที่นิยมชมชอบซื้อบริการทางเพศ "หนุ่มนิโกร" ก็ไม่ใช่ประเภทอ้วนฉุ อายุมาก หรือหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่อะไร เพราะส่วนใหญ่ที่เห็นจะหน้าตาดี รูปร่างไม่ธรรมดา แถมอายุอานามไม่ได้มากมายอย่างที่คิด เท่าที่ทราบเคยมีถึงขนาดบางครั้งอายุแค่ 20 ปีก็มี ซึ่งหลายคนคงเกิดคำถามว่าแล้วด้วยสภาพเช่นนี้ ทำไมผู้หญิงเหล่านี้ยังต้องออกมาหาความสำราญนอกบ้าน ถึงขั้นต้อง "ซื้อบริการทางเพศ"..... คำตอบมันก็ง่ายๆ คือ ชายผู้เป็นสามี หรือที่เป็นแฟนไม่เอาไหน ไร้อารมณ์ "นกเขาไม่ขัน" หรืออาจ "นกกระจอกไม่ทันกินน้ำ" และที่สำคัญพวกเธอคงได้รับความหฤหรรษ์..... "ไม่ถึงใจ"!!! ถ้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังปล่อยให้ "ตลาดโสเภณีชาย" ทั้งไทยและเทศ เติบโตอยู่เช่นนี้ต่อไป สุดท้ายผลกระทบจะเกิดขึ้นกับ..... "สถาบันครอบครัว"!!! ขอบคุณหนังสือพิมพ์แนวหน้า


ตัวเหี้ยในคราบของแขก

อย่าคิดว่ามีแต่เด็กวังเท่านั้นนะคั้บที่ปล้นแขก แขกบางประเภทถือเป็นคนอันตรายของเด็กวังเหมือนกัน แขกประเภทนี้บอกได้เลยว่า เมริงอย่ามาหาเด็กแถววังอีกเป็นอันขาด อย่าให้เด็กจำหน้าจำทะเบียนรถได้ มียกพวกกระทืบ ปล้นคืนให้สาสม สัดเป็ด
ลักษณะหรือพฤติกรรมของแขกจัญไรประเภทนี้
1.หลอกเด็กวังไป แล้วเกิดเปลี่ยนใจหลอกให้เด็กวังลงจากรถแล้วแมร่งชิ่งหนี บางรายยังดีที่ให้ค่ารถกลับ บางรายเหี้ยกว่า ปล่อยกลับเอง เฮอๆ
2.พาเด็กไป เย็ดเสร็จ แมร่งหาอุบายไม่จ่ายตังค์ ทั้งชิ่งหนี ทั้งหลอกให้ไปซื้อของ 7-11 (อันนี้บ่อย) แล้วแมร่งก็ชิ่งหนี สัด ไม่มีเงิน ก็ชักว่าอยู่บ้านสิ เมริงจามาหาหลอกกันทำไม คนทำมาหากินนะเว้ย
3.อันนี้หนักกว่าข้อสองอีก เย็ดเสร็จ นอกจาไม่จ่ายแล้ว ยังขโมยของเด็กวังติดไม้ติดมืออีก สัดพวกนี้ไม่ตายดีแน่
เอาเป็นว่ามีกันทุกรูปแบบ มันน่าเจ็บใจ ต้องกระทืบให้สลบคาตรีน
ตอนนี้ขอฝากถึงเพื่อนๆเด็กวังด้วยละกันว่า
1.พูดคุยกับลูกค้าอย่างเป้นกันเอง พยายามสอบถามถึงทรัพย์สินมีค่าของแขกว่าเอามาเท่าไหร่ เก็บไว้ที่ไหน ????-.-* อะอะ ล้อเล่น ก็พยายามทำความรู้จักกับแขกให้มากที่สุด แต่อย่าถามจนเขารำคาญหล่ะ เดี๋ยวจะโดดถีบตกรถกันพอดี แล้วอย่ามาบ่นให้ฟังแระกัน
2.ถ้าเป็นไปได้ ขอเก็บเงินแขกล่วงหน้าไปเลย วัดใจกัน เมริงจ่ายมา กรูได้ กรูชิ่ง อิอิ ล้อเล่นอีกแล้ว 555+
3.อย่าเอาของมีค่าติดตัวไป เอาแต่ค่ารถไปก้อพอ ที่เหลือไปเอากับแขก อิอิ
4.กรณีแขกเล่นตัว ทำมั่วนิ่ม อิดออดไม่ยอมจ่ายตัง ทำท่าจะเบี้ยวค่าตัว หรือให้เราไปซื้อของให้ อันนี้รีบขอค่าตัวมาก่อนเลย ก่อนลงจากรถ ไม่ไห้ก้อไม่ต้องลง ถ้ามันยังยึกยักอีก ก้อขู่ไม่ก้อปล้นมันซะเลย ซ้อมเอาให้หนัก แล้วเก็บทรัพย์สินของมันมาทั้งหมด เอาให้หมดเนื่อหมดตัวไปเลย
ปล.อย่าลืมฝากเบอร์รองเท้าไว้ที่หนังหน้าของมันด้วย เอามาชัดๆเน้นๆละกัน

เด็กวังปล้นแขก

หลายครั้งหลายครา ที่ตกเป็นข่าวทางโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ เรื่องของการถูกมอมยารูดทรัพย์ หรือเรียกเพื่อนๆมาช่วยปล้นแขกในโรงแรม แต่ว่าโอกาศดีๆแบบนี้ (-.-") ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก อย่างที่ผมเคยบอกเอาไว้นะคั้บว่า เด็กวังที่นี่มาจากทุกสารทิศ ร้อยพ่อพันแม่ ร้อยสันดานมาเลยละ ย่อมต้องมีทั้งที่ดีและไม่ได้ปะปนกันไป สำเรื่องเรื่องต้องขอฝากแขก หรือลูกค้าไปเลยก้อแล้วกันนะคั้บ ว่าการมาเที่ยวลักษณะแบบนี้ต้องมีความระมัดระวังตัว มีสติ ไม่ประมาท อย่าลืมนะคั้บ ว่าแขกหรือลูกค้าเองที่เป้นคนเลือกว่าจะใช้บริการจากเด็กวังคนไหน แต่ในที่นี้จะขอแนะนำวิธีป้องการจากการถูกปล้นโดยเด็กวัง ซักเล็กน้อยนะคั้บ
1.หาเพื่อนไปด้วย (เอาไปหมู่ อิอิ)
2.อย่าอวดร่ำอวดรวย เงินอะพกไปแต่พอจ่ายค่าตัว กะค่าโรงเเรม แล้วก็ค่าน้ำมันรถกลับก็พอ ของมีค่าไม่จำเป็นก็ไปต้องใส่มา นั่นหน่ะมันตัวล่อตาล่อใจเลยนะคั้บ หุหุ
3.อย่าเปิดช่อง หรือโอกาศให้เด็กวังได้อยู่ใกล้ชิดกับทรัพย์สินอันมีค่ามากมายก่ายกองของท่านเพียงลำพัง ความโลภมักเปลี่ยนนิสัยคนเสมอ
4.ควรทำความรู้จักกับเด็กวังที่ท่านเลือกพอสมควร ในกรณีที่เกิดเหตุจะได้ง่ายต่อการติดตามตัว (หรือเรียกใช้บริการในครั้งต่อไป)
5.มีสติ
ร่วมด้วยช่วยกันให้สังคมเด็กวังอยู่อย่างมีความสุข

เด็กวัง VS ยาเสพติด

เหมือนระบบนิเวศวิทยา หรือห่วงโซ่อาหาร ไม่ใช่สิ เอาเป็นวงเวียน วงจรชีวิตไปแระกัน ด้วยเหตุผลของการมายืนของเด็กวังนั้นมากจากหลายๆเหตุผลด้วยกัน เพราะแต่ละคนพื้นฐานทางครอบครัว สถานะ สภาพ ล้วนแล้วแต่ต่างกัน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ยาเสพติดก็เป็นอีกผลหนึ่ง ของการมายืนของเด็กวังบางส่วน เหตุผลในการเล่นยาของเด็กวังนั้น สำหรับความคิดของผม คงจะแยกได้ 2 ประเภท
1.พวเล่นยาโดยสันดาน
ติดยาว่างั้น โดยเฉพาะยาบ้าที่มีออกเกลื่อน เด็กวังบางคนเป็นทั้งผู้เสพและผู้ขายในคนๆเดียว (เหมือนใส้เดือนที่มี 2 เพศใน ตัวเดียวกัน) เด็กวังประเภทนี้เมื่อได้ลูกค้ามักจะหายหน้าหายตาไป 1-2 วัน แล้วแต่ว่าได้เงินมาจากลูกค้ามากน้อยเพียงใด สามารถนำไปเปลี่ยนเป็น "ของ" ได้มากน้อยแค่ไหน และมีผู้ร่วมเสพมากเท่าได เมื่อ "ของ" หมด วังวนเดิม คือต้องมายืนเพื่อหาเงินไปแลก "ของ" มาเล่นใหม่

2.พวกเล่นยาบางครั้งเพื่อาชีพ
พวกนี้มักจะไม่ติดยา ใช้ยาเพียงชั่วครั้งชั่วคราว เช้น กรณี ลูกค้าพาไปหมู่ หรือต้องการมีเซ็กแบบมาราธอน ยาก็สามารถช่วยปลุกเร้าอารมณ์ได้ ยาที่เล่นส่วนใหญ่จะเป็นพวก ไวอากร้า ยาปลุกเซ็ก ยาไอซ์ เป็นต้น

เด็กวัง VS ตำรวจ

Tuesday, April 1, 2008

คงจะดีไม่น้อยถ้ามีตำรวจมาขอซื้อบริการจากเรา(ไม่ใช่ล่อซื้อนะ ชื้อจิงๆอ่ะ) แต่ฝังกลางวันไปก่อน หุหุ สำหรับเด็กวังแล้ว สน.ที่ถูกฉโลกถูกกำหนดให้มาคู่กันคือ สน.พระราชวัง และ สน.สำราญราษฎ์ ก้ที่ๆเรายืนอยู่งเป็นเขตรับผิดชอบ(ที่หากิน)ของทั้ง 2 สน. แล้วคุณพี่แกก็เสือกออกหากินกับพวกเราทุกคืน ๆ (สงสัยเเมร่งจบมาทางด้านจับคนขายตัวอ่ะ พวกยาเสพติด อาจญากรรม แมร่งไม่มีผลงาน ) แล้วแต่ว่าพี่แกอยากได้เงินเข้ากระเป๋าของมันกะของนายเท่าไหร่ แน่นอน ปริมาณการออกรอบก็แปรผันตรงกับความต้องการอยู่แล้ว ดังนั้น ภาระอันหนักอึ้งจึงตกมาอยู่กับขาวเด็กวังอย่างเราๆ ไหนจะต้องหาเงินเลี้ยงตัว เลี้ยงสามี เลี้ยงภรรยา เลี้ยงครอบครัว เลี้ยงไอ้พวกรีดไถ ยังต้องมาเลี้ยงตำรวจอีก (กุศลแรงกล้า) สำหรับข้อหาที่เหล่าเด็กวังได้รับดังปรากฏในใบเสร็จคือ "ติดต่อชักชวน" โดยจะต้องเสียค่าปรับ(เงินปากผี) จำนวน 100 บาทเป้นขั้นต่ำ(แต่ปกติก็ปรับ100นะ ไม่เคยมีมากกว่านี้ น้อยกว่านี้ได้ถ้าตกลงราคากันได้อ่ะนะ)
ยังมีพฤติกรรมของตำรวจทำปฏิบัติตัวกับเด็กวังต่างๆนานา มีทั้งคนพี่ตำรวจที่นิสัยดีๆ กับไอ้พวกตัวเหี้ย ตัวเหลือบในชุดเครื่องแบบ บางวันตัวโคตรเหี้ยในชุดนอกเครื่องแบบก็มีเหมือนกัน
ปล.แต่ก็ยังมีแอบปลื้มคุณพี่ตำรวจคนผอมๆสุง ขาวๆยิ้มเก่งๆ ถึงไม่ยิ้มก้อน่ารัก น่าฟัด น่าฟัน แห่ง สน.พระราชวัง หุหุ 0.0
ปล2.กับเด็กวังแมร่งไล่จับชิบหาย ทีไอ้พวกเด็กแว้น รีดไถ ปล้น ทำร้ายร่างกาย ไม่เคยเห็นแมร่งจับได้ซักตัว แสรดดด เครียดดด

เด็กวัง VS เด็กแว้น

ดูเหมือนจะกลายเป็นคู่ขากับปาท่องโปแล้ว ระหว่างเด็กวังกะเด็กแว้น(ไอ้สัดแก็งค์ฟีโน่) ไอ้พวกนี้ไม่ยอมทำมาหาแดกอะไร มีแต่มาไถตังค์ ไล่ตี ไม่ก้อปล้นเด็กวังอย่างพวกผมไปเลย -.-* สงสารโคตรพ่อ โคตรแม่ โคตรเหง้าสักหลาดมันที่อุตห์เย็ดจนมีมันออกมาเป็นตัวปัญหาให้โลก

อุตส่าห์สั่งอุตส่าห์สอนให้แมร่งเป็นคนดี(สอนจิงป่าวไม่รุ้) แต่ด้วยสันดานของมัน รอยหยักในสมองอันน้อยนิดจำไม่สามารถจดจำคำสอนดีๆเหล่สนั้นได้เลยแม้แต่น้อย กิจกรรมยามว่างของพวกมันคือขับรถกวนตรีน รีดไถ ไล่กระทืบ รวมไปถึงการปล้นอ เหล่าเด็กวัง โดยเฉพาะเด็กวังที่หน้าอ่อนๆไม่สู้คน สาวแตก ประมาณนี้ จะตกเป็นเหยื่อของมันตลอด

ครั้งแรกกับอาชีพเด็กวัง

พอรู้ที่รู้แหล่ง ผมก็เริ่มทำมาหากิน -.-* แต่ด้วยความอ่อนประสบกาม(การณ์) วันแรกของการประกอบอาชีพจึงผ่านไปอย่างช้าๆและน่าเบื่อหน่าย ไม่มีคนสนใจ ไม่มีคนสอบถาม ทำเหมือนว่ากรูเป็นสูญญากาศ เงียบ.....
จำได้ว่าไปยืนตั้งแต่ 3ทุ่มยันตี2 บริเวณหัวโค้งตรงข้ามกระทรวงกลาโหม ตรงที่มีลุงขายน้ำอยู่ แห้วแดก


อาจเป้นเพราะผมยังเป็นหน้าใหม่ของที่นี่ กลายเป็นของแปลก ตัวแปลก หรือ หน้าตาไม่เข้าขั้นก็ไม่รู้นะ ดำ โหด ผอม เหมือนคนติดยามากตอนนั้น ประมาณโจรใต้เลยละ อย่างหลังน่าจะมาแรง งิงิ วันนั้นก็เลยถอดใจ คิดว่าไม่มาขายแล้ว ก็เลยถอนสมอกลับบ้านคิดว่าคงไม่ได้มาขายอีกแล้ว หลังจากนั้นผมก้อตั้งหน้าตั้งตาหางานตามปกติต่อไปอีก จนกระทั่ง พี่ชายที่ให้ที่พักพิงผมตลอดเวลาที่ผมเข้ามาอยู่ กทม.เกิดมรกรรีพิพาทเรื่อที่พักอาศัย พาผู้อื่นที่ไม่ใช่คนในสำนักงานเข้ามาพัก ด้วยความเกรงใจ ผมจึงต้องออกมาพเนจร กลายเป็นคน เร่ร่อนอย่างเป็นทางการ


วันนั้นคิดว่าผมคงต้องยึดสนามหลวงเป็นที่พักชั่วคราวไปก่อน เพราะมีเงินติดตัวไม่ถึง 200 บาท -.-* แต่เหมือนโชคจะให้ผมมาทำงานด้านนี้ วันนั้น ผมจึงได้พบเพื่อนรุ่นน้องร่วมชะตากรรมคนหนึ่ง เพิ่งตกงานเหมือนกัน แมจุดมุ่งหมายเหมือนกันคือ ยึดสนามหลวงเป็นที่พักชั่วคราว ด้วยความที่เป็นึคนหัวอกเดียวกัน ผมจึงชวนเขาเข้าสู่ วังวนการ ขายตัว อีกครั้ง

เหมือนโชคจะเข้าข้าง วันนั้น(3/3/51)เป็นวันที่ผมได้แขกเป็นครั้งแรก และเริ่มเข้าสู่วงการเด็กวังอย่างเต็มตัว

ปล.ได้แขกครั้งแรกกรูก็ตกเป็นรับซะแล้ววววววววววว

ถามตอบเด็กวังสราญรมย์ ผู้ชายขายตัว

มีปัญหาเกี่ยวกับเด็กวัง ถามได้นะคั้บ
ฝากคำถามทิ้งไว้ในส่วนของคอมมเม้นต์นะคั้บ เดียวจะเข้ามาตอบถ้าตอบได้คั้บ






ดู อุทยานสราญรมณ์ ในแผนที่ขนาดใหญ่กว่า





-----------------------
8


-----------
7
ถาม เด็กวัง เรื่องมากมั้ย
ตอบ ต่างคนต่างใจคั้บ อันนี้ตัวใครตัวมัน ต้องตกลงกันเองตั้งแต่ตอนแรก

----------
6
ถาม ถ้าอยากได้เด็กวังแบบผู้ชายๆ ต้องไปหาแถวไหน
ตอบ ตอบยากคั้บ เพราะเด็กวังส่วนใหญ่จะยืนกันไม่เป้นที่ และเดี๋ยวนี้ก็มีการยืนปะปนกันไป แต่ที่แนะนำให้ลองๆไปดูคือ ถนนช่วงวัดโพธิ์ โค้งกลาโหม ทั้งด้านหน้า ด้านหลัง หลังคลองหลอด ทหารเรือท่าราชวรดิษ

----------
5
ถาม ไม่มีรถจะไปเที่ยวเด็กวังได้หรือไม่
ตอบ ได้ ขออย่างเดียวให้มีเงิน

----------
4
ถาม ผู้ชายขายตัว หรือเด็กวัง มีค่าตัวเท่าไหร่ คิดค่าบริการยังงัย
ตอบ ราคาขึ้นอยู่กับการตกลงระหว่างทั้งสองฝ่าย ทั้งฝ่ายผู้ซื้อและผู้รับ ปกติเปิดราคาที่ห้าร้อย ที่เหลือตามสภาพแวดล้อม ชั่วคราว ค้างคืน ราคาตามตกลง

----------
3
ถาม คนแบบไหนมาเป็นเด็กวังได้บ้าง
ตอบ ได้ทุกแบบ จะยากดีมีจน ไม่จำกัดรูปร่างหน้าตา ลักษณะทางเพศ ไม่จำกัดวัยวุฒิและคุณวุฒิ ใครๆก็สามารถมาเป็นเด็กวังได้คั้บ อย่างที่บอกคั้บ เด็กวังคือคน (ผู้ชาย=คำนำหน้าตามบัตรประชาชน) ที่มาขายตัวเพื่อแลกเงิน

----------
2
ถาม
วังสราญรมย์อยู่ที่ไหน
ตอบ กรุงเทพมหานคร สถานที่ไกล้เคียงคือ พระบรมมหาราชวัง วัดพระแก้ว สนามหลวง กระทรวงกลาโหม วัดโพธิ์
เข้า Google แล้วพิมพ์ สวนสราญรมย์ ตามนั้นคั้บ

----------

1
ถาม
เด็กวังสราญรมย์ เด็กวัง เป็นใคร?
ตอบ ผู้ชายขายตัว เด็กขายตัว บริเวณรอบๆอุทยานสราญรมย์ รอบวัดพระแก้ว รอบวัดโพธิ์ รอบคลองหลอด เหมารวมกัน เรียกว่า เด็กวังสราญรมย์


ไดอารี่เด็กวัง : เรื่องเล่าจากเด็กวังสราญรมย์

  1.   ครั้งแรกกับอาชีพเด็กวัง
  2.   เด็กวัง VS เด็กแว้น
  3.  เด็กวัง VS ตำรวจ
  4.  เด็กวัง VS ยาเสพติด
  5.  เด็กวังปล้นแขก
  6.  ตัวเหี้ยในคราบของแขก 
  7. รีเอ็กซเรย์ตลาด"ผู้ชายขายตัว"
  8.  9 ถนนโลกีย์ ค้ากามโจ๋งครึ่มเย้ยฟ้าท้าตำรวจ
  9.  "ผู้ชายขายตัว" กับลีลาบนพื้นที่ชายขอบ
  10.  ชายขายตัว" ถูกตีตราเป็นสินค้าผิดจารีต เพราะสังคมตั้งค่าว่าชายต้องรักหญิง
  11.  ปอกเปลือกใจ 'ผู้ชายป้ายเหลือง' แดนโรตี
  12.  คนขายกาม
  13.  ตลาดผู้ชายขายตัว.....เบียดผีขนุนตกถนน..... หนุ่มนิโกรยอดฮิต.....ไฮโซเท่านั้น ถึงมีสิทธิ์
  14.  แฉผลวิจัยชายขายตัว ถูกกดดัน-ตัดจากสังคม
  15.  แท็กซี่ขายตัวแบบใหม่
  16.  เตือนสติ แขกเดิน
  17.  "โจร"มือสมัครเล่น"เฟื่องฟู(พร้อมม็อบพันธมิตร)
  18.  จงอย่าไว้ใจใคร แม้คนไกล้ตัว
  19.  กรรมกรปากคลอง อาหารตาอาหารใจ 
  20.  ผลกระทบของ "ม็อบ "กับเด็กวัง
  21.  โอวว...ม่ายย..เด็กวัง ฟันกันเอง
  22.  ถนนเด็กวัง
  23.  สรุปการบรรยายเรื่อง “ที่ว่างของผู้ชายขายตัว”
  24.  คำถามแปลกๆจากแขกเที่ยวเด็กวัง
  25.  เรื่อง (เพศ) ของผู้ใหญ่ ความจริงที่ต้องเหลียวมอง
  26. ฝนตก แขกหนี เด็กก้อโดนรวบไปเกือบหมด
  27. เด็กไหนไม่รู้ชักว่าวหน้าป้อมโรงเรียนวัดชลประทานให้กรูเห็นเฉย
  28.  เด็กมันโผล่มาจากไหนวะ
  29.  ที่นี่ "สราญรมย์" 
  30.  และแล้วกรูก้อเกือบโดนกระทืบ
  31.  ชายรักชายประหยัด ใช้"ซันไลต์"แทนเจล
  32. เทรนใหม่ เด็กวังแก้ผ้าโชว์กล้ามเป็นมัดๆ
  33. ถนนสายโลกีย์เมืองกรุง..ทั้งหญิง-ชายยืนเร่ขายบริการทางเพศ
  34.  ซวยตั้งแต่ต้นเดือนเลยกรู
  35.  ‘รุก’ เมิน ‘รับ’ หันมา “กินกันเอง”
  36.  ทำไมผู้ชายบางคนชอบ ‘อ่อย’ เกย์?
  37.  ลองของใหม่ไปเป็นเด็กบาร์ 
  38.  แมร่งปล้นกันต่อหน้ากูเลย
  39.  ถนนสายโลกีย์เมืองกรุง..ทั้งหญิง-ชายยืนเร่ขายบริการทางเพศ
  40.  เกย์ไทยบนถนนโลกีย์
  41.  ความต่างระหว่างเกย์ไทยกับเกย์ฝรั่ง
  42.  ประตูชัย สีลม
  43.  ไปเวียนเทียนกันมาหรือเปล่า
  44.  จับเฒ่ากามวิปริต จ้างเด็ก 5 คนรุมอัดถั่วดำเกย์รุ่นใหญ่-ตัวเองหมดสภาพได้แค่นั่งดู ลูกค้าผมเอง 
  45.  เกย์ในคุก
  46.  พ่อแมร่งหาผลงานบ่่อยซะเหลือเกิน
  47.  วันนี้กูคิดว่ากูตาสว่างแล้ว
  48.  เมื่อตำรวจบอก"ได้เวลากวาดล้างตู้ม้า ยาเสพติด อบายมุข"
  49.  ตื่นเต้นจัง มีคนใจดีบริจาคเงินให้บล็อคผม $150
  50.  ถ้าพ่อไม่มา-ส่ง"เคโงะ"บินไปหาเอง ไอ้ผุ้ว่าพิจิตรคนนี้มันว่างมากรึงัยวะ
  51.  เปิดใจเยาวชนต้องโทษ "ก้าวที่พลาด" บันทึกเรื่องจริง บทเรียนของสังคม
  52.  เด็กขายสนามหลวง
  53.  แฉ Taxi ขายบริการรูปแบบใหม่
  54.  เอาเพื่อนผมไปด้วยมั้ยคั้บ? สำหรับคนที่ชอบผู้ชายแพ็คคู่ !!
  55.  เจาะชีวิต นักเรียน โรงเรียนนายเรืออากาศ
  56.  มาเลือกม่านรูดกันคั้บ
  57.  โจ๋ขายบริการใกล้หอนาฬิกาอ.เฉลิมชัย 
  58.  เสือสะพานมอญ
  59.  ครั้งแรกที่ทำงานบาร์เกย์ ย่าน สีลม
  60.  Outdoor พฤติกามสุดฉาวของชาวเกย์
  61.  ทหารนอกป้อมสะพานช้างโรงสี
  62.  คลองหลอด ในมุมของเด็กวัง
  63.  ขนาดมีงานวันพ่อตำรวจยังไล่จับผู้ชายขายตัวอีก
  64.  เผยชีวิตหนุ่มขายตัวเชียงใหม่ เกินครึ่งเป็นไทใหญ่-กะเหรี่ยง
  65.  ช่องโหว่สถานที่ซื้อบริการ"รักร่วมเพศ"ต้นตอฆาตกรรมอาจารย์ม.เกษตรฯ
  66.  ห้องน้ำในห้าง สวรรค์ของนักโชว์
  67.  แฉแหล่งค้ากามชาวสีม่วง
  68.  นายทางโทรศัพท์
  69.  ไปยืนจับกลุ่มกัน แล้วมันจะขายออกเหรอ
  70.  ลูกค้าบาร์เมาแล้วโคตรมั่ว
  71.  ตกใจนึกว่าบบล็อคโดนลบ 
  72.  "คุก" ทำให้เด็กวังมีพัฒนาการขึ้นจริงๆ 
  73.  รู้สึกว่าทหารออกมายืนเยอะขึ้น หรือเปล่า???? 
  74.  เล่นเอายามาล่อซื้อเด็กซะงั้น 
  75.  เมื่อวังสราญรมย์อยู่ในเขตพื้นที่ประกาศ พรบ.ความมั่นคง
  76.  ต้องยอมรับว่าเด็กต่ำกว่า 15 ปี ออกมายืนบ่อยขึ้น 
  77.  เมื่อคืน เด็กไปกองกันบนถนนเจริญกรุงกับถนนท้ายวัง เพียบ
  78.  เรื่องเตือนใจ ในคืนหนึ่ง 
  79.  














    Blog Archive