คนขายกาม

Thursday, April 3, 2008


จริง ๆ แล้วจุดเริ่มต้นของการขาย...ไม่ได้อยู่ที่ความอยาก..แต่อยู่ที่การเริ่มต้นได้เสียกับคนรักก่อน..โดยวาดหวังว่าจะมีความมั่นคงถาวรแต่เมื่อไม่เป็นอย่างหวัง..ก็กลับกลายเป็นว่าเมื่อเสียแล้วไม่ได้อะไรคืนมาสู้..ขาย...ดีกว่า..(เคยลงในคอลัมน์เวทีชีวิต ทุ่งศรีเมืองทุกเรื่องเมืองอุบล ปีที่ 1 ฉบับที่ 6 เดือนมีนาคม 2548)สังคมไทยปัจจุบันมีความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวัฒนธรรม ความเป็นอยู่ เศรษฐกิจ สังคม ปัญหาที่มองเห็นในสังคมที่ผิดจารีตก็มีอยู่มากเช่นกัน โดยเฉพาะวัยรุ่นไทยที่หันไปเห่อวัตถุนิยมมากกว่าจิตใจ ทำให้หลายคนหลงเข้าไปสู่วงจรการขายตัว เนื่องจากหลงวัตถุ ความอยากได้ ความอยากมีเหมือนกับเพื่อนคนอื่น สร้างให้เด็กต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่เหมือนคนอื่น...แต่จริง ๆ แล้วจุดเริ่มต้นของการขาย...ไม่ได้อยู่ที่ความอยาก..แต่อยู่ที่การเริ่มต้นได้เสียกับคนรักก่อน..โดยวาดหวังว่าจะมีความมั่นคงถาวรแต่เมื่อไม่เป็นอย่างหวัง..ก็กลับกลายเป็นว่าเมื่อเสียแล้วไม่ได้อะไรคืนมาสู้..ขาย...ดีกว่า..จากการได้พูดคุยกับข้าราชการผู้หนึ่งซึ่งเคยใช้บริการ...เล่าให้ฟังว่า... “สถานบันเทิงหลายแห่งกลายเป็นที่ขาย..สำหรับสาว ๆ กลุ่มนี้..และยังมีที่แอบอ้างเป็นสาวมัธยมโรงเรียนมีชื่อในเมืองอุบลราชธานีเพื่อยกระดับราคาให้กับตัวเอง การตั้งราคาค่างวดของสาว ๆ จะเริ่มต้นระดับ 1,000 บาท อย่างรุ่นคอซองก็จะอยู่ในเกรด 1,500 บาท ส่วนระดับอุดมศึกษาก็จะแพงขึ้นมาหน่อยสนนราคาอยู่ที่ 2,000 บาท ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยทางด้านรูปร่างหน้าตา ความสด ความสวยด้วย แต่ก่อนที่อาเสี่ยหรือหนุ่มรักสนุกทั้งหลายจะได้แอ้มก็ต้องผ่านแม่เล้าเสียก่อน..แม่เล้าในที่นี้จะมีตั้งแต่รุ่นเด็กอาชีวะไปจนถึงระดับคุณป้า..ซึ่งคุณป้าจะอยู่ในโรงแรมจิ้งหรีดเรไร..ส่วนแม่เล้าวัยกระเตาะก็จะอยู่ในโรงเรียน เธอจะแฝงตัวในหมู่นักเรียน นักศึกษา การสังเกตคงไม่ได้แสดงออกให้เห็นชัดเจนมากนัก แต่จะเห็นเธอเหล่านี้ตามสถานบันเทิง และยังถามได้จากพนักงานเสิร์ฟหรือกัปตันในสถานบันเทิง ปัจจุบันมีบริการส่งถึงที่แล้วด้วยซ้ำไป.แต่จะต้องเป็นคนที่รู้จักกันในวงการนี้ไม่มีการสุ่มสี่ห้าหกไปอย่างแน่นอน..” ฟังแล้วก็อึ้ง...ขนาดมีบริการส่งถึงบ้านเหมือนส่งพิซซ่าอย่างนี้คงไม่ต้องพูดถึงการตลาด ท่าทางจะต้องมีโปรโมชั่น...อย่างกับสินค้าขายทั่วไปตามห้างแน่..สอดคล้องกับที่น้องชายนักเที่ยวซึ่งเรียนอยู่สถาบันอุดมศึกษาแห่งหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานีคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า เขามีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งเป็นแม่เล้า...เธอจะมีเบอร์โทรศัพท์ของสาว ๆ ไว้เพื่อเรียกตัวมาให้ลูกค้าดู..เมื่อก่อนจะมีที่ประจำอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ 24 ชั่วโมงใกล้โรงแรมแห่งหนึ่งย่านตลาดหก ที่นี่จะเป็นที่นัดพบให้เลือกตัวก่อนจะตกลงซื้อ..สมัยนั้นยังอยู่ในราคาประมาณ 500 บาท ก่อนจะไปทำกิจกรรมกันที่หอพักใกล้ ๆ กับโรงเรียนคริสต์แห่งหนึ่งที่มักจะเรียกว่า...รั้วส้ม... ปัจจุบันการขายได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์แล้วเหมือนกับยุคเปลี่ยนสินค้าก็เปลี่ยนไป มีการขายแบบเรียกตัวจากแม่เล้า ส่วนสาวๆ จะโชว์ตัวตามสถานบันเทิง ราคาจะขึ้นอยู่กับว่าเป็นสถาบันการศึกษาไหน เช่น ระดับคอซองราคาจะอยู่ที่ 1,500 บาท แต่ถ้าเป็นอดีตโรงเรียนชายขึ้นชื่อจของจังหวัดราคาก็จะขึ้นมาอีก สาเหตุเพราะไม่ค่อยมีคนขายและส่วนใหญ่เป็นเด็กเรียน ทำให้หนุ่ม ๆ อยากลอง....ราคาระดับอุดมศึกษาจะอยู่ที่ประมาณ 2,000 บาท เพราะพวกเธอจะดูดีมีราคา..ทั้งรสนิยมสูง...สถานที่ขายสมัยนี้คงไม่ใช่นางงามตู้กระจกแต่เจ้าหล่อนจะไปตามสถานบันเทิง..จะไม่มีโต๊ะเป็นของตัวเองเพราะจะมีคนชวนไปนั่งด้วย..แต่งตัวสวยสะดุดตา อย่างร้านอาหารบางแห่งก็เป็นที่ขายในเวลากลางวัน ถ้าเป็นร้านอาหารตามริมทางจะเป็นอีกเกรดหนึ่ง แต่ระดับเกรดสาว ๆ จะต่ำลงมาอีก... ร้านนี้ก็อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลและอยู่ตรงข้ามกับสถานที่ราชการแห่งหนึ่ง จุดเด่นมีร้านตรวจสภาพรถใกล้ ๆ กัน..เพราะสถานราชการแห่งนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องรถครับ มองง่ายเพราะพนักงานเสิร์ฟในร้านจะแต่งตัวสุดยอด...เปรี้ยวถูกใจวัยคนทำงานระดับเฒ่าหัวงู...ย้อนกลับมาเรื่องการขายในระดับเกรดนักเที่ยวนะครับ ในสถานบันเทิงเองก็มีการแบ่งเกรดเช่นกัน อย่างสถานบันเทิงมีชื่อบนถนนพิชิตรังสรรค์จะอยู่ระดับไฮโซหน่อย เพราะคนขายส่วนใหญ่อยู่วัยอุดมศึกษา แต่จริง ๆ เขามุ่งเน้นเป็นเด็กเสี่ยซึ่งจะขอยกไปพูดถึงในตอนที่สองฉบับหน้า และสถานบันเทิงที่ตั้งใกล้กับโรงภาพยนตร์เปลี่ยนชื่อไปแล้วหลายรอบนั้นก็จะเป็นกลุ่มแม่ค้าวัยกระเตาะแต่มีชั้นเชิงสูง... การขายนะหรือครับส่วนใหญ่จะเป็นคนรู้จักกับแม่เล้ากันมาก่อนแล้วค่อยแนะนำกันต่อเป็นทอด ๆ ขณะเดียวกันที่แห่งนี้ก็จะเป็นทั้งจุดขายของหนุ่มที่ชื่นชอบไม้ป่าเดียวกัน..เรียกง่าย ๆ ก็คือ ผู้ชายขายตัว ซึ่งเมื่อก่อนนิยมไปขายที่บริเวณทุ่งศรีเมือง ราคาจะอยู่ที่ 200 -300 บาท ผู้มาใช้บริการก็คือ กระเทยหรือหนุ่มที่ชื่นชอบป่าไม้เดียวกันเป็นพิเศษ การขายบริการในกลุ่มนี้จะมีสัญลักษณ์พิเศษ เช่น การจับติ่งหูซ้ายบ้าง คนขายที่เป็นเด็กหนุ่มก็จะปลดกระดุมเสื้อบนสองเม็ด ซึ่งศูนย์ข่าวประชาสังคมฯ เคยนำเสนอข่าวเรื่องนี้ไปแล้ว รวมทั้งปัญหาอื่นเกี่ยวกับวัยรุ่นมั่วสุมจนทำให้มีการประกาศปิดประตูทุ่งศรีเมืองในยามค่ำคืนหลังจากนั้น กลุ่มผู้ชายขายตัวก็เงียบหายไป ซึ่งคงจะมีการปรับเปลี่ยนสถานที่หลังจากที่มีข่าวข้าราชการอุบลฯ คนหนึ่งถูกแทงพรุนเนื่องจากเด็กที่จ้างมาไม่ยอม ส่วนเด็กสองคนก็ได้รับค่าจ้างเพียง 100 บาทเพื่อเสพสมประตูหลัง ชี้ให้เห็นว่าอุบลฯมีเรื่องของ ‘คนขายกาม’ ทั้งหญิงและชาย ซึ่งสาเหตุของเรื่องนี้คืออะไร? สังคมคงต้องช่วยกันหาคำตอบให้พบเสียก่อนจึงจะแก้ไขได้ตรงจุดมันไม่ใช่เรื่องยากเลยแม้จะไม่รู้จักแม่เล้า...ท่านก็ซื้อได้ สมัยนี้ในอินเตอร์เน็ตเขามีขายกันเกร่อ..โชว์ให้เห็นชัดในเว็บไซด์ที่รู้จักกันดี (ดีดี) ให้เบอร์โทรศัพท์ติดต่อกันอย่างโจ่งแจ้ง..บางรายก็โพสต์ต้องการเงินด่วนบอกจำนวนที่ต้องการ สัดส่วนร่างกาย และเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ มีการชักชวนกันไปหลับนอนเหมือนเป็นเรื่องปกติ มีการโพสต์กระทู้คุยเรื่องเซ็กส์แถมโชว์ลีลาให้ดูอีกต่างหาก ยกตัวอย่างที่ขายกันบนเว็บบอร์ดนะครับ...แล้วก็ไม่มีใครไปดูแลเลยครับ..ทำให้ไม่น่าสงสัยเลยว่าทำไมเด็กไทยถึงแก่แดดแก่ลมนักหนา..ก็เพราะมันมี ‘สื่อเสื่อม’ เยอะ จากข่าวที่เด็กอายุ 16 ไปเที่ยวกับแฟนแล้วมีอะไรกันก่อน แฟนหนุ่มจะส่งเพื่อนอีก 4 คนมายำต่อ ดูหน้าตาแล้วยังเด็ก ๆ กันทั้งนั้นเลย ยกตัวอย่างใกล้ตัวนะครับ.. ที่บริเวณทุ่งศรีเมืองยามค่ำคืนจะกลายเป็นที่พลอดรักของหนุ่มสาว บังเอิญที่ช่วงหัวค่ำผมจะต้องขับรถผ่านหน้าโรงเรียนอนุบาลอุบลเป็นประจำ เวลาประมาณทุ่มสองทุ่มจะมีคู่รักหนุ่มสาวมานั่งพลอดรักที่ม้านั่งสีเหลืองนั่นแหละครับ บางคืนเกือบครบทุกที่นั่ง เมื่อสามเดือนก่อนผมเคยถามยามที่ดูแลศาลหลักเมืองอยู่เหมือนกันครับว่าดึก ๆ ที่นี่นอกจากวัยรุ่นไล่ตีกันแล้วมีอะไรอีกไหม.. ปรากฎว่า เช้า ๆ คนกวาดขยะจะเห็นถุงยางที่ใช้แล้วตกในมุมไม้บ่อย ๆ แต่ปัจจุบันเขาปิดประตูเลยทำให้จำนวนขยะเหล่านั้นลดน้อยลง นับว่าทางเทศบาลนครอุบลฯจัดการแก้ปัญหาได้ถูกจุด แม้ว่าที่กรุงเทพฯจะเคยมีการจับกุมหญิงขายบริการที่ยืนเร่ขายอย่างโจ่งแจ้งไปแล้วแต่กฎหมายก็ได้แค่ปรับ ทำให้พวกสาว ๆ กลับไปขายเช่นเดิม แล้วก็บอกว่าเพราะสังคมไม่หางานที่เหมาะสมให้ ทำให้ต้องขบคิดกันแล้วครับว่า..การปรับอย่างเดียวเพียงพอแล้วหรือ? แม้ว่านี่จะเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะขาย.. แต่สังคมไทยยังรับไม่ได้.. ผู้ชายเองก็เช่นกัน.. เมื่อก่อนเราเรียกผู้หญิงเหล่านี้ว่า..หญิงงามเมือง..ปัจจุบันเปลี่ยนมาเป็นโสเภณี..แต่จะโทษผู้หญิงอย่างเดียวไม่ได้เพราะผู้ชายที่มักมากก็ผิดเพราะถ้าไม่มีคนซื้อก็ไม่มีคนขายอยู่ดี..เมื่อกลับบ้านยามค่ำคืนประมาณสามสี่ทุ่มจะเห็นสาว ๆ วัยรุ่นเมืองดอกบัวสวมเสื้อกล้าม เกาะอก กางเกงขาสั้นจู๋ขับรถจักรยานยนต์ไปซื้อสินค้าที่ร้านค้าสะดวกซื้อ.. เห็นสายตายามหรือแม้แต่สามล้อที่อยู่แถวนั้นมองแล้วก็กลัวปัญหาที่เกิดขึ้นตามมา..ไม่แปลกเลยที่มีคดีข่มขืน..เพราะมีทั้งสิ่งยั่ว..และสิ่งยุ..ผมขอเปรียบเทียบความรู้สึกของกามารมณ์และคนขายกามคล้ายกับดอกราตรี..กลิ่นมันหอม..อบอวล..เย้ายวน..แต่พอเช้า..มันก็หายไป..เหลือกลิ่นไอบางเบาให้อยากตามหาต่อในคืนต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด..แต่ค่าของดอกไม้เหล่านี้ก็เป็นได้เพียงดอกไม้ของค่ำคืน..เท่านั้นเอง..ฉบับหน้ายังมีเรื่องของการขายกามในอีกรูปแบบ ขายแบบประจำหรือที่เรียกว่าเด็กเสี่ย..ซึ่งยืนยันได้ว่ามีทั้งหญิงและชาย และปัญหาที่แท้จริงของวัยรุ่นนักเที่ยวทั้งหลายที่คุยกันง่าย นอนกันง่าย ที่สำคัญผลร้ายซึ่งจะติดตามมาจากการมีอะไรง่าย ๆ เหล่านั้นกำลังจะกลายเป็นภาระหนักหน่วงให้สังคมต้องขบคิดถึงหนทางการแก้ปัญหาต่อไป

Link : ที่มา :วาทิต รักษ์อักษร วันที่ (12/11/2006)

0 comments:

Blog Archive