ปอกเปลือกใจ 'ผู้ชายป้ายเหลือง' แดนโรตี

Thursday, April 3, 2008

ที่มา หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2551

"ผู้ชายขายตัว" หรือ"จิกะโล่" ในสแลงที่ต่างชาติเรียก เป็นกลุ่มที่ถูกรวมเข้ารวมกับกลุ่มคนในเงามืดของสังคมอินเดีย แต่เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้สื่อข่าวบีบีซีได้มีโอกาสไปพบปะพูดคุยกับกลุ่มผู้ชายป้ายเหลืองในเมืองกัลกัตตา หวังหาคำตอบว่า อะไรคือสิ่งที่ทำให้ชาย 4 คนซึ่งมาจากครอบครัวคนชั้นกลางในอินเดีย ยอมทิ้งงานอันน่าเบื่อเพื่อไปทำงานขายความสุขทางเพศรสให้แก่หญิงสาวท่ามกลางหมู่คนในเมืองทางตะวันออกของประเทศ หลังจากที่ลองลิ้มชีวิตใต้โคมแดงมานานดิบาการ์ สัมฤทธิ์ พัลลาบ และ โกตัม ผู้ชายป้ายเหลือง 4 คนก็ตัดสินใจทำงานร่วมกับกลุ่มที่เรียกว่า"อนันดัม"ซึ่งมีสมาชิกเป็นทั้งกลุ่มรักร่วมเพศ ทั้งเกย์ เลสเบี้ยน กลุ่มผ่าตัดแปลงเพศหรือกลุ่มรักสองเพศ(Bisexuals)ด้วย โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันให้มีโครงการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีในคนกลุ่มนี้ นอกจากความกล้าในการทำงานร่วมกับกลุ่มอนันดัม หนุ่มทั้ง 4 คนยังออกจากเงามืดมาเปิดเผยปัญหาในสังคมและเรื่องราวชีวิตตัวเองซึ่งมีน้อยคนนักที่จะรู้เพราะการพูดถึงเรื่องเพศยังคงเป็นเรื่องต้องห้าม เช่นเดียวกับการที่กลุ่มรักร่วมเพศ และการเรียกร้องทางเพศถือเป็นเรื่องผิดกฎหมายในอินเดีย โสเภณีส่วนใหญ่ในแดนภารตะ มักจะเดินเตร็ดเตร่ตามท้องถนนหรือทำงานในย่านโคมแดงที่เฟื่องฟูเพื่อหาลูกค้า แต่หนุ่มป้ายเหลืองเหล่านี้ต้องใช้วิธีเดินตระเวนไปยังย่านธุรกิจ หรือทำงานตามโรงอาบอบนวดมอซอ หรือใช้วิธีเหวี่ยงแหไปในห้องแชตรูมบนอินเทอร์เน็ต ในเมืองใหญ่ๆ จะมีผู้ชายขายตัวเหล่านี้ทำงานอยู่หลายพันคน และมีทีท่าว่ากำลังเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะโทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ตทำให้พวกเขาทำธุรกิจเช่นนี้ได้ง่ายขึ้น แต่แม้จะทำงานในแวดวงแห่งกามาซึ่งเป็นกลุ่มที่ถูกมองว่าเสี่ยงที่จะติดโรคมากที่สุดในประเทศ แต่ชายเหล่านี้กลับเป็นกลุ่มรณรงค์เพื่อป้องกันการติดเชื้อเอดส์อย่างแข็งขันมากที่สุดกลุ่มหนึ่งในประเทศด้วยเช่นกัน "ไม่มีใครคิดออกจริงๆ ว่าพวกเรากำลังทำอะไรอยู่ ปัญหาอะไรที่พวกเรากำลังเผชิญ ในอินเดีย ทุกคนมักจะคิดว่า ผู้ชายขายตัวทำเพื่อความสนุก เพื่อนบางคนถึงกับบอกผมด้วยว่า"พวกนายช่างมีชีวิตที่น่าอิจฉาเสียนี่กระไร"สัมฤทธิ์ หนุ่มวัย 30 ต้นๆ ผู้จบการศึกษาปริญญาตรีสาขาวิทยาศาสตร์ กล่าวอย่างเซ็งๆ ผู้ชายขายตัวส่วนใหญ่ในอินเดียมักจะบอกเล่าบูมหลังเรื่องราวของว่าตัวเองมาจากชนชั้นกลางหรือชนชั้นล่าง และได้รับคำแนะนำให้เข้าสู่โลกแห่งการขายกามจากเพื่อนๆ การร่วมงานปาร์ตี้ หรือการทำงานในอาบอบนวดซอมซ่อที่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดทั่วประเทศ กลยุทธหาลูกค้าทุกวันนี้ยังพัฒนาไปถึงการโฆษณาตามหน้าหนังสือพิมพ์ และตามนิตยสารประเภท"เพื่อนทางจดหมาย"หรือบางคนก็เปิดตัวเลยว่าทำงานเป็น"คู่เดท"หรือยินดีเป็น"เพื่อน"ให้กับลูกค้า พวกเขายังเผยด้วยว่า ไม่เพียงแต่ลูกค้าจะจ่ายเงินค่าเสพรักที่อาจสูงถึง 1,000 รูปี(ราว 825 บาท)ต่อชั่วโมงเท่านั้น แต่ลูกค้ายังช่วยเติมเงินโทรศัพท์มือถือให้ รวมทั้งจ่ายค่าโทรศัพท์ไว้ต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อไว้โทรศัพท์และเพื่อมีเซ็กซ์ผ่านโลกไซเบอร์กัน นอกเหนือจากเสนอบริการลึกซึ้งกับลูกค้าผู้หญิงที่พร้อมยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อเซ็กส์ที่นับวันมีแต่จะเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ดี งานนี้ก็ไม่ใช่งานที่ทำได้ง่ายๆ เลยในกรณีที่ไม่มีสถานบริการ ผู้ชายขายตัวอย่างสัมฤทธิ์จะออกทำงานหลังพลบค่ำเพื่อหาลูกค้าตามที่หลายตาไว้ ส่วนใหญ่เป็นชนชั้นสูงหรือชนชั้นกลางหรือหญิงร่ำรวยที่มักจะขับรถเข้ามาพร้อมกับกระจกติดฟิล์มสีเข้ม "นี่ไม่ใช่เกมหรือเรื่องสนุกอย่างที่ใครทุกคนคิดกัน โสเภณีผู้หญิงอาจจะเผชิญกับการใช้ความรุนแรงหรือถูกโกงค่าตัว เราก็พบกับสถานการณ์เช่นนั้นเหมือนกัน
"สันทีป ชา ผู้ชายป้ายเหลืองอีกคนหนึ่งเผย สันทีปจบการศึกษาปริญญาตรีสาขาบัญชีเป็นลูกชายนายธนาคารที่เข้าสู่วงการค้ากามหลังเงินขาดมือขณะทำงานเป็นลูกจ้างบริษัทขายยาขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของประเทศ ที่มีสำนักงานอยู่ในกรุงนิวเดลี "ลูกค้ามักจะไม่ยอมจ่ายผม และเมื่อผมทักท้วง พวกเขาก็ขู่ว่าจะไปฟ้องตำรวจว่าผมข่มขืนเขา และก็มีลูกค้าประเภทที่ชอบจี้บุหรี่ลงบนร่างกายพวกเรา ทุกวันนี้ผมต้องเริ่มคิดเงินค่าจี้บุหรี่บนตัวเป็นเงิน 500 รูปี(ราว 360 บาท)ต่อมวน"สันทีปเผย แต่แม้จะเผชิญกับปัญหานานัปประการสันทีปก็ยอมรับว่าทุกวันนี้หาลูกค้าได้ง่ายขึ้นมากเช่นเดียวกับสัมฤทธิ์และเพื่อนที่เผยว่าพฤติกรรมของผู้หญิงที่หาซื้อความสุขใส่ตัวได้เปลี่ยนไปแล้ว "เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ลูกค้าทั้งหลายจะเป็นพวกคนระดับสูง เมียนักธุรกิจ ผู้บริหาร ข้าราชการแต่ตอนนี้หญิงชนชั้นกลางก็เรียกใช้บริการเรา"สัมฤทธิ์เผย ขณะที่สันทีปเสริมว่าไม่ใช่เรื่องยากที่จะติดต่อกับลูกค้าอีกต่อไปแล้ว "ผู้หญิงที่หาเราไม่เขินอายอีกต่อไปแล้วพวกเธอมืออาชีพเหมือนกับพวกผู้ชายที่หาหญิงบริการเลยล่ะ"สันทีปกล่าว ก่อนจะเผยว่าตัวเองพบลูกค้าคนแรกในงานปาร์ตี้ของเพื่อน เธอเป็นภรรยาขี้เหงาของนักธุรกิจคนหนึ่ง ซึ่งพบปะกันก่อนที่ทั้งคู่จะเริ่มออกเดทกันหลายครั้ง "ตอนแรกเธอจ่ายเงินเพื่อให้ผมออกไปเป็นเพื่อน ก่อนจะจ่ายเงินเพื่อแลกกับเซ็กส์ เธอจะให้เงินติดกระเป๋าผม โดยการที่อยู่กับเธอ ผมสามารถหาเงินได้ 800 รูปีทุกครั้งที่เราพบกัน
ดังนั้นผมจึงคิดว่า ทำไมผมจึงไม่เข้ามาสู่วงการค้าเนื้อหนังเช่นนี้บ้างล่ะ"สันทีปเผยอย่างตรงไปตรงมา ส่วนกลุ่มที่อายุน้อยกว่าอย่างโกตัม พัลลับ และ อดิทยา ที่ออกจากโรงเรียนเพื่อมาเป็นหมอนวดก่อนจะตัดสินใจขายบริการ เผยว่า ลูกค้าทุกคนก็ไม่ได้โตตามวัยสักเท่าไหร่ บางคนก็แค่หลับนอนกับผู้ชายเพื่อทำให้รสรักกับครอบครัวยังคงดำเนินไปได้ด้วยดี "ผู้หญิงบางคนก็เรียกร้องมากเหลือคนบางคนนี่ถึงกับทำให้ผมช็อคไปเลยกับการเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนแบบชนชั้นกลาง แถมบางครั้งเวลาหาลูกค้าไม่ได้ พวกเราก็ต้องนอนกับผู้ชายนี่ไม่ใช่เรื่องสนุกอย่างที่ใครคิดแน่นอน"พัลลับ กล่าวทิ้งท้าย

มลฤดี จันทร์สุทธิพันธุ์ : เรียบเรียง

0 comments:

Blog Archive