“นาธาน” แหล 10 ดอก โกงเงิน ไม่ได้ไปถ่ายหนัง ปลอมตัว ปลอมเสียง โกงอายุฯลฯ 2

Tuesday, July 28, 2009

 

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับร้านในหนังสือพิมพ์เนชั่น ฉบับวันที่ 31 พฤกษภาคม ซึ่งก็แปลว่า "นาธาน" ไม่ได้ไปถ่ายหนังที่เมืองนอกเหมือนที่ให้สัมภาษณ์


ลายเซ้นต์ "นาธาน" ที่ลงบันทึกว่าไปเรียนทำกาแฟกับ "เจเจ" แต่กลับปฏิเสธว่าไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับร้าน


14 พฤษภาคมที่ผ่านมา "หุ้นส่วน" จัดงานวันเกิดให้ที่ร้าน แสดงว่าเจ้าตัวอยู่ที่เมืองไทยไม่ได้ไปถ่ายหนังที่เมืองเหมือนที่เคยให้สัมภาษณ์






ความแตกเพราะไม่ยอมให้หุ้นส่วนดูสมุดบัญชี
       
"เรื่องมันมาชัดเจนตอนที่นาธานเดินทางไปต่างประเทศวันที่ 8 มิถุนายน เขาให้สมุดบัญชีร้านกับพี่เต็มแม่เลี้ยงเอาไว้ และเขาก็เป็นคนเอาเงินไปเข้าบัญชีแทน เราก็บอกให้เอาสมุดบัญชีมาให้ดูเงินเหลือเท่าไหร่เดือนนี้จะมีค่าเช่าบ้านหรือยัง ตอนนั้นก็ยังเห็นสมุดบัญชีอยู่นะ พอผ่านไปสักพักหนึ่งกลับไปถามหาสมุดบัญชีกับพี่เต็มอีกครั้งเขาบอกว่าติดไปกับนาธาน ทุกคนก็มาประชุมกันว่าทำไมมีการพูดโกหกกันอย่างนี้"
       
       "จากนั้นจู่ๆ ก็มีคนๆ หนึ่งมาที่ร้านมาเอาของไปให้นาธาน เราก็ถามว่าจะเอาไปให้ที่ไหนเดี๋ยวจะจัดการเมลล์ไปให้ เขาก็บอกว่าจะบินตามไปให้ แล้วก็มีเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้เราเริ่มสงสัยว่าเขาไปเมืองนอกจริงหรือเปล่า คือมีคนเอาของมาทิ้งไว้หน้าบ้านเป็นแก้วกาแฟ พักหนึ่งนาธานก็โทรเข้ามาบอกมีคนเอาแก้วมาฝากหน้าบ้าน ให้ออกมาเอาเดี๋ยวหาย เราก็เริ่มรู้สึกทำไมเขารู้เร็วจัง คือ ณ ตอนนั้นเขาบอกว่าเขาไปเมืองนอก แต่เบอร์ที่เขาโทรมาเป็นเบอร์ที่เขาใช้ปกติในเมืองไทย มันก็ขึ้นเลขปกติเหมือนที่เราใช้ในเมืองไทย"
       

       ดอกที่ 4 บอกทีมข่าวผู้จัดการรายวันว่า โทรมาจากมาเลเซียบอกจะกลับเมืองไทยวันที่ 13 และได้นัดให้สัมภาษณ์วันที่ 14 แต่ "เจเจ" ยืนยันว่า นาธานกลับวันที่ 14 จริงแต่กลับมาจากมัตกัส
       

       "นาธานเขาบอกเราว่าไปเมืองนอกตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน กลับมาอีกทีวันที่ 13 กรกรฎาคม แต่พี่เต็มเคยชวนให้เราไปที่คอนโดนาธานและฟลุคไปเจอรถเขาจอดอยู่ที่คอนโดเครื่องยังร้อนเหมือนมีคนพึ่งเอาไปใช้ แต่ก็อาจจะเป็นคนอื่นเอาไปใช้ก็ได้ ไปเคาะประตูห้องเหมือนมีคนอยู่ในห้องแต่ไม่เปิดประตู"
       
       "แล้วจู่ๆ เขาก็โทรมาหาเจเจว่าไม่ต้องสืบเลยนะว่าไปไหนทำอะไร โทรมาติหาว่าเราไปหาเขาที่คอนโดก็เลยถามกลับไปว่ารู้ได้ยังไงว่าไปหาที่คอนโดและดูรถ แต่ก็คิดว่าพี่เต็มอาจจะบอกเขาก็ได้ ต่อมานาธานวันที่ 13 กรกฎาคมเขาก็โทรมาบอกให้ไปรับด้วย สักพักโทรมาบอกว่าไม่ต้องไปรับแล้ว เราเช็คไปที่สายการบินก็มีชื่อเขาจริงมัสกัต-กรุงเทพเขากลับมาวันที่ 13 กรกฎาคม(แต่กลับบอกทีมข่าวผู้จัดการว่าจะกลับมาจากมาเลเซีย) พอเขากลับมาเราพยามติดต่อให้เข้ามาคุย แต่นาธานบ่ายเบี่ยงว่าเหนื่อยเอาไว้เจอกันอีกทีวันอังคารแล้วกัน"
       
       ดอกที่ 5 บอกว่าจะไปถ่ายรายการ "ที่นี่หมอชิต" ทางบันเทิงผู้จัดการได้เชคไปที่รายการ กลับได้รับการปฏิเสธว่า ไม่เคยบันทึกเทป "นาธาน" แต่อย่างใด
       
       
"พอวันอังคารที่ 14 กรกฎาคม โทรศัพท์ไปตามให้มาคุยกันที่ร้านก็บอกว่ายุ่งมากต้องไปให้สัมภาษณ์หลายที่เราบอกว่าไม่เป็นไรจะรอ เพราะต้องคุยกันแล้วนะเริ่มมีปัญหาต้องกลับมาคุยกันให้เคลียร์เขาก็บอกว่าได้ๆ ค่ะเดี๋ยวกลับมา และกลับเข้ามาที่ร้านประมาณเที่ยงคืน มาถึงคุยไม่เกินสิบนาทีเอารูปมาโชว์ว่าไปถ่ายหนังมาจริงๆ มาดูๆ ซึ่งเป็นรูปเดียวกับที่เห็นในข่าวของผู้จัดการ จากนั้นก็รีบวิ่งออกไปบอกว่าพี่ดู๋ สัญญารอถ่ายรายการอยู่ ที่นี่หมอชิต ต้องรีบไปถ่ายต่อยังไม่เสร็จ เราก็บอกว่ารู้เรื่องหมดแล้วทำไมถึงทำแบบนี้เขาก็บอกว่าเดี๋ยวเคลียร์ให้มีสลิปต์ทุกใบยืนยัน"
       

       ดอกที่ 6 บอกว่าไปเมืองนอก แต่กลับมีการถอนเงินบัญชีของร้านในเมืองไทย
       
       "คือพอนาธานกลับมาเราเอาสมุดบัญชีไปอัพบุ๊คบัญชีเดินตลอด คือเขาบอกว่าเขาไปเมืองนอกวันที่ 8 มิถุนายน แต่บัญชีกลับมีการเคลื่อนไหวตลอด มีการเบิก ถอน โอน มีค่าธรรมเนียม 5 บาท 35 บาทจนถึงวันที่ 3 กรกฎาคมถึงไม่มีการเคลื่อนไหว"
       
       "อย่างเราเอาเข้าแบงค์หมื่นเก้าตอนเช้า พอตอนเย็นก็มีรายการเอาเงินออกหมื่นเก้าเลย แต่มีโอนกลับมานะไม่ได้หายไปเหมือนคล้ายๆ ว่าเขาโยกเอาไปใช้ก่อนแล้วโอนกลับมาให้ คือมันค่อนข้างชัดเจนเพราะตอนที่นาธานอยู่อาจจะมีการเบิกเงินไปซื้อของ แต่พอเขาไปเมืองนอกเงินมันจะต้องเข้าอย่างเดียวสิเพราะไม่มีใครสามารถเบิกได้เพราะบัญชีนี้ไม่มีเอทีเอ็ม แต่นี่กลับมีการเคลื่อนไหวตลอดในขณะที่เขาไปเมืองนอก
       
       "ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไปเบิกเงินจากต่างประเทศ เพราะในบัญชีจะมีบอกเลยว่าเสียค่าโอน 5 บาท ต่างสาขาต่างจังหวัด 35 บาท แล้วตรงแบงค์เขายังมีบอกรหัสด้วยว่ามาจากถอนหรือโอนมาจากที่ไหน ซึ่งถ้าเขาโอนถอนที่ต่างประเทศจริงมันต้องมีเรทเงินที่เป็นเศษสตางค์ สมมุติว่าหายไปห้าพันสามสิบห้าบาท ค่าธรรมเนียมคงไม่ใช่แค่ 5 บาท หรือ 35 บาทแน่นอน จะบอกว่าเขาทำเอที่เอ็มให้คนอื่นเบิกที่เมืองไทยหรือเปล่า ตรงนี้เราบอกไม่ได้มีแค่ตัวเขาที่รู้ แต่สิ่งที่เราเห็นคือมีการเดินบัญชี"
       
       ดอกที่ 7 บอกไม่มีส่วนร่วมในการเปิดร้าน แต่กลับไปขอใบอนุญาตที่สรรพสามิต
       
       
"เขาบอกว่าไม่เคยมีส่วนร่วมกับร้านนี้ไม่เคยยุ่งเกี่ยวไม่ได้ตกลงเป็นหุ้นกับร้านนี้ ซึ่งตรงนี้เขาไปพูดที่หนังสือพิมพ์มติชน ทั้งที่จริงๆ แล้วเจเจกับนาธานไปที่กรมสรรพสามิตด้วยกัน เพื่อที่จะไปขออนุญาตขายสุราและบุหรี่ ชื่อผู้ขออนุญาตก็เป็นชื่อเขาเองหลักฐานที่สรรพสามิตก็มีต้นขั้วอยู่ที่นั่น และถ้าเขาไม่ได้เป็นหุ้นเขาจะไปขอใบอนุญาตทำไม"
       
       "พอเกิดเรื่องเจเจรีบไปที่กรมสรiพสามิตเพื่อไปขอใบอนุญาตใหม่ เพราะว่านาธานเขามารื้อขนของออกจากร้านไป เราก็บอกว่าอยากได้อะไรให้เอาไปให้หมดเลย เขาก็เอาใบอนุญาตที่เป็นชื่อเขาไปด้วย เพราะมันเป็นสิทธิ์ของเขาจริงๆ เราก็โอเคเอาออกไปแล้วจะได้ไม่มีอะไรต่อกันอีก แล้วเดี๋ยวมาเคลียร์เรื่องเงินทีหลังว่าจะเอายังไง"
       
       "นาธานก็พูดมาว่าเป็นหนี้เท่าไหร่ลบหุ้นเขาไปสิก็มีค่าเท่ากัน และเขาไม่ได้ติดหนี้อะไร แต่ทางพฤตินัยมันผิดตลอด ตัวเลขเราไม่ได้เสียอะไรมากเงินที่หายไปในบัญชี ถ้าบวกลบคุณหารแล้วจะหายไปประมาณหลักหมื่นไม่ถึงแสน แต่มันทำให้เงินสะดุดจริงๆ เพราะว่ามันเป็นเงินหมุนของร้านเราวางแผนไว้ห้าคนไม่ได้วางไว้ 4 คน"
       
       ดอกที่ 8 เก็บเงินลูกค้าไปทัวร์เนปาล แต่พอลูกค้ายกเลิกกลับไม่ยอมคืนเงิน
       
       "นอกจากนั้นเขาก็ยังมีการจัดขายทัวร์ไปเนปาลให้กับลูกค้าที่มาเที่ยวร้าน มีการมัดจำกันไปโดยที่ไม่มีหลักฐานอะไร เพราะเห็นว่าเป็นคนกันเองที่มาเจอกันที่ร้านอยู่บ่อยๆ ถึงวันนี้ลูกค้าต้องไปพึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะที่ผ่านมาเราพยายามติดต่อไกล่เกลี่ยให้เขามาพูดคุยจะผ่อนผันยังไงก็ได้ ตามไปถึงคอนโดก็ไม่ยอมมาบอกว่ารถหม้อน้ำแตกอยู่ที่ปั๊ม แต่ยามที่คอนโดบอกว่าพึ่งจะตอกบัตรออกไปเมื่อ 5 นาทีที่แล้วนี่เอง จนนาทีสุดท้ายก็ยังโกหกเรา"
       

       "เมื่อวันที่ 26 กรกฏาคมที่ผ่านมา นาธานเป็นคนกำหนดวันเองว่าจะมาเจอกับเราวันที่ 26 กรกฎาคม เดี๋ยวจะเอาเงินมาจ่ายให้และเอาเงินมาคืนให้กับกรุ๊ปทัวร์เนปาลต่อหน้าตำรวจ ก่อนถึงวันผู้จัดการส่วนตัวก็ขับรถมาวนที่หน้าร้านเรา และเขาก็ยังบอกว่างั้นเจอกันวันอาทิตย์นะ พอถึงวันตำรวจโทรไปบอกว่าไม่รู้เรื่องว่านัดกันวันนี้ จนตอนนี้ยังเงียบไปเราอยากที่จะให้นาธานเอาเงินมาคืนลูกค้าไม่อย่างนั้นทางร้านก็ต้องรับผิดชอบแทนแล้วเรื่องของร้านเราจะคุยกับเจ้าของบ้านอยากที่จะเห็นหลักฐานไม่อย่างนั้นเราจะต้องรับผิดชอบทั้งหมดอีก ซึ่งมันก็หลายบาทอยู่หลักแสนเหมือนกัน คนที่ทำร้านใหม่ๆ มาเจอแบบนี้ก็แย่เหมือนกัน อยากที่จะให้เขาทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่นาธานยังหนีอยู่"
       
       ดอกที่ 9 ชอบปลอมเสียงเป็นผู้หญิงเวลารับโทรศัพท์ บอกว่าตัวเองไม่อยู่
       
       "เขาจะเป็นคนที่เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์บ่อยๆ และจะมีอะไรแปลกๆ เยอะมาก ตอนที่อยู่ร้านจะมีคนโทรมาหาเขาก็ไม่รู้ทวงเงินหรือเปล่า แต่แอบได้ยินเขาเปลี่ยนเสียงเป็นคนชื่อตุ๊กตาบ้าง เป็นรจนาบ้างอันนี้ไม่ได้พูดเล่นเลยนะ(หัวเราะ) นาธานทำแบบนี้จริงๆ เปลี่ยนเสียงฮัลโหลค่ะตุ๊กตาค่ะอ๋อยังไม่กลับมาเลยค่ะเดี๋ยวกลับมาแล้วจะบอกอะไรแบบนี้"
       
       "ซึ่งแรกๆ ก็คิดว่าเขาตลกแต่หลังๆ เริ่มได้ยินบ่อยขึ้น เพราะคนมันอยู่ด้วยกันทุกวันโกหกกันไม่ได้บางครั้งแอบได้ยินบ้าง บังเอิญนั่งรถไปด้วยกันแล้วเขารับสายพอดี ตัวนาธานยังแซวตัวเองว่าคุณพี่ขำๆ ซึ่งเราจะจี้ให้จนมุมก็ได้ แต่คิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา อาจจะเป็นเรื่องเงินหรือว่าเรื่องแฟนก็ไม่รู้แต่เขาจะมีพฤติกรรมแปลกๆ แบบนี้ต่อเนื่องมาเรื่อยๆ"
       
       ดอกที่ 10 บอกว่า เกิดปี 2526 ทุกคนในร้านเลยรักเหมือนน้อง ตอนหลังความแตกที่แท้เกิด 2519 อายุเท่ากัน ซ้ำเป็นพี่หุ้นส่วนบางคนซะอีก
       
       
"แล้วก็มีเรื่องอายุด้วย คือตั้งแต่รู้จักกันมาตั้งแต่ปี 2005 เขาบอกว่าเกิด พ.ศ. 2526 เราคิดว่าเขาเป็นน้องและเชื่อมาตลอด ปรากฎว่าวันนั้นด้วยความที่เราไม่เชื่อใจเขาแล้วบอกให้นาธานเอาสำเนาบัตรประชาชนมาแล้วเซ็นต์กำกับว่าจะคืนเงินให้เขาก็ไม่ยอมให้ จนน้องเกดหุ้นส่วนร้านอีกคนวิ่งขึ้นไปบนรถเขาด้วยเพราะกลัวว่าเขาจะหนี ซึ่งในตอนแรกเขาบอกว่าไม่มีสำเนา เกดก็บอกว่างั้นเอาบัตรประชาชนตัวจริงมาถ่ายเอกสารแล้ววันรุ่งขึ้นจะเอาตัวจริงไปให้ นาธานก็บอกว่าไม่ได้ทำไมต้องเอาด้วยต้องทำกันขนาดนี้เลยเหรอ"
       
       "เกดก็บอกว่าไม่เป็นไรถ้าอย่างนั้นไปถ่ายเอกสารด้วยกันก็ได้ แต่จู่เขาก็เอื้อมมือไปหยิบซองสีน้ำตาลเอาสำเนาบัตรประชาชนออกมาให้ เกดก็งงว่านี่เอกสารของจริงหรือของปลอมทำไมเกิด พ.ศ. 2519 เพราะเท่าที่รู้เขารู้คือเกิด พ.ศ. 2526 ก็ถามว่าอันนี้ของจริงหรือของปลอมทำไมบอกว่าเกิด 2526 อันนี้ของปลอมหรือเปล่าเขาก็พูดมาว่าเกิด 19 เกดก็ยืนยันว่าขอดูตัวจริงได้ไหม เพราะเราต้องเอาไปให้ตำรวจ สักพักหนึ่งเขาก็หยิบบัตรประชาชนมาให้ดูก็เป็นพศ. 2519 สรุปแล้วเขาโกหกมานานหลายปีและหลายเรื่องมาก"
       

       "แต่ด้วยความที่เป็นตัวเขาเวลาเห็นเรายังเอ็นดูเราเสียใจช้ำใจ จนกระทั่ง ณ ตอนนี้บอกเลยว่าแค้นใจแรกๆ ยังสงสารแต่ตอนนี้แค้นมาก (หัวเราะ) เพราะเขาไม่ยอมรับความจริงเลย แถมยังมาพูดด่าใส่เราอีก มันมีเงินในร้านที่หายไปหยิบจับใช้ไปเราไม่นับด้วยซ้ำไม่เอาตรงนั้นมาพูด ก็คิดว่าเออเขาอยู่ที่นี่กินที่นี่เฝ้าร้านก็ต้องได้อภิสิทธิ์ที่ดีกว่าคนอื่นบ้าง บางทีก็มาบอกว่าเดี๋ยวยืมก่อนนะให้คนมาต่อขนตาต่อคิ้วที่ร้านประจำ"
       
       "ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันเราดูแลเขาเหมือนน้อง นาธานใช้เงินกับพวกเราตลอด ใช้เงินร้านขึ้นทางด่วนพวกเราจ่าย เติมน้ำมันรถมีบ้างที่เขาจ่ายแต่ส่วนใหญ่เราจ่าย ซื้อของกินข้าวร้านจ่ายเราจ่าย ทุกคนพูดง่ายๆ คือดูแลเขา ไม่เคยที่จะไปจี้ถามว่าไม่มีเงินเหรอเราสงสารเขาก็ดูแลกันไปเดี๋ยวไปถ่ายหนังที่เมืองนอกก็มีตังค์เองแหล่ะ เมื่อวันเกิดเขาก็ยังเอาเค้กมาเซอร์ไพร์สเขายังตกใจเลยดีใจ คือเราเห็นว่าเขาไม่มีใครญาติพี่น้องก็ไม่มีอยู่ตัวคนเดียว เราก็อยากทำทุกอย่างให้อยู่กันแบบอบอุ่น"
       
       "เขารู้ดีที่สุดว่าเราดีกับเขาขนาดไหน ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงฆ่าเราได้โดยที่ไม่รู้สึกถึงสิ่งดีๆ ที่เราทำให้ วันนี้ถึงเขามาเคลียร์เจเจบอกเลยนะ วันนี้มิตรภาพไม่มีอีกต่อไปแล้ว เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีเขามีพฤติกรรมแปลกๆ เขาจะไม่มีวันได้มิตรภาพจากเราอีก และจะไม่มีวันได้เหยียบเข้ามาในร้านนี้อีกเลย"
       

 

0 comments:

Blog Archive