เครือข่ายสตรีข้ามเพศ เรียกร้อง ศธ.แก้กฎระเบียบให้กลุ่มเพศชายที่เป็นสตรีข้ามเพศ คือ จิตใจเป็นหญิงใส่ชุดผู้หญิงรับปริญญา เพราะรับไม่ได้ที่ต้องแต่งกายเป็นชาย ในวันรับปริญญา ชี้ เป็นการคุกคามทางเพศ ทำร้ายจิตใจ ขู่ฟ้องศาลปกครองหาก ศธ.เพิกเฉย
นายยลลดา สวนยศ ปธ.เครือข่ายสตรีข้ามเพศแห่งประเทศไทย พร้อมกลุ่มนิสิตนักศึกษาและอาจารย์สตรีข้ามเพศ กล่าวว่า เครือข่ายได้รับการร้องเรียนจากนิสิต นศ.ครูอาจารย์ที่จัดอยู่ในกลุ่มสตรีข้ามเพศ ถึงปัญหาการถูกบังคับให้แต่งกายเป็นเพศชายในสถาบันการศึกษา โดยเฉพาะการเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ทำให้เยาวชนข้ามเพศขาดแรงบันดาลใจในการศึกษาต่อ รวมถึงมีการคอร์รัปชันในรั้วมหาวิทยาลัย เรื่อง การติดสินบนอาจารย์เพื่ออนุญาตให้แต่งชุดบัณฑิตหญิงเข้ารับปริญญา ขัดต่อหลักการดูแลผู้ป่วยจิตเวชโรคสตรีข้ามเพศรวมทั้งรัฐธรรมนูญ
"ขอเรียกร้องผ่านกระทรวง สั่งการทุกมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ พิจารณาแก้ไขกฎระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวกับการแต่งกายให้นิสิต นักศึกษา บัณฑิต และอาจารย์สตรีข้ามเพศ แต่งกายให้ตรงกับเพศจิตใจของตนเอง หาก ศธ.เพิกเฉยก็อาจจะยื่นฟ้องศาลปกครอง"
นายยลลดา อธิบายพฤติกรรมผิดเพศตามหลักทางการแพทย์ ว่า แตกต่างจากสาวประเภทสอง หรือกะเทย หรือเกย์ โดยจะมีอาการป่วยทางจิต จิตไร้สำนึกซึ่งลึกกว่าจิตใต้ จะรู้สึกว่าเป็นเพศตรงกันข้ามกับเพศร่างกายตั้งแต่จำความได้ อึดอัดในเพศสภาพตนเอง รังเกียจและรู้สึกว่าอวัยวะเพศเดิมของตนเอง ต้องการศัลยกรรมเปลี่ยนเพศ ซึ่งเป็นหนทางเดียวที่จะรักษาโรคดังกล่าวได้สมบูรณ์ ทั้งนี้ เชื่อว่า โรคดังกล่าวเป็นโรคที่มีสาเหตุจากการที่ผู้หญิงเกิดมาในร่างกายของเพศชาย หรือเรียกว่า Trans Female
นายจารวี ทองวล นิสิตคณะสังคมศาสตร์ มศว กล่าวว่า หากในวันที่ 14 ธ.ค.มหาวิทยาลัยไม่อนุญาตให้แต่งกายข้ามเพศเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ก็อาจตัดสินใจไม่เข้ารับ
นายปรัชญา ตั้งสุขอำพัน นศ.คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวว่าตัดสินใจแต่งกายเป็นชายเพื่อเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร เพื่อให้พ่อแม่ดีใจ เพราะตนเองเป็นลูกคนโต
นายทัชชภร (วรัญญา) สัมมะสุต อาจารย์ ม.เกษตรศาสตร์ ศรีราชา กล่าวว่า การแต่งกายชายหรือหญิงไม่ได้ทำให้คนอื่นเดือดร้อน อยากถามผู้บริหารมหาวิทยาลัยหรือคณบดีผู้ชาย ว่า ถ้าบังคับให้แต่งกายเป็นหญิงสักวันหนึ่งจะทนได้หรือไม่ ทุกวันนี้บางครั้งก็ไม่อยากไปสอนที่มหาวิทยาลัย เพราะต้องแต่งกายเป็นชาย ทุกวันนี้นิสิตข้ามเพศบางคน นำใบรับรองแพทย์มาแต่งกายเป็นหญิง แต่มหาวิทยาลัยไม่อนุญาตโดยอ้างว่าจะลดความศักดิ์สิทธิ์ของการพระราชทานปริญญาบัตร
นายยลลดา สวนยศ ปธ.เครือข่ายสตรีข้ามเพศแห่งประเทศไทย พร้อมกลุ่มนิสิตนักศึกษาและอาจารย์สตรีข้ามเพศ กล่าวว่า เครือข่ายได้รับการร้องเรียนจากนิสิต นศ.ครูอาจารย์ที่จัดอยู่ในกลุ่มสตรีข้ามเพศ ถึงปัญหาการถูกบังคับให้แต่งกายเป็นเพศชายในสถาบันการศึกษา โดยเฉพาะการเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ทำให้เยาวชนข้ามเพศขาดแรงบันดาลใจในการศึกษาต่อ รวมถึงมีการคอร์รัปชันในรั้วมหาวิทยาลัย เรื่อง การติดสินบนอาจารย์เพื่ออนุญาตให้แต่งชุดบัณฑิตหญิงเข้ารับปริญญา ขัดต่อหลักการดูแลผู้ป่วยจิตเวชโรคสตรีข้ามเพศรวมทั้งรัฐธรรมนูญ
"ขอเรียกร้องผ่านกระทรวง สั่งการทุกมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ พิจารณาแก้ไขกฎระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวกับการแต่งกายให้นิสิต นักศึกษา บัณฑิต และอาจารย์สตรีข้ามเพศ แต่งกายให้ตรงกับเพศจิตใจของตนเอง หาก ศธ.เพิกเฉยก็อาจจะยื่นฟ้องศาลปกครอง"
นายยลลดา อธิบายพฤติกรรมผิดเพศตามหลักทางการแพทย์ ว่า แตกต่างจากสาวประเภทสอง หรือกะเทย หรือเกย์ โดยจะมีอาการป่วยทางจิต จิตไร้สำนึกซึ่งลึกกว่าจิตใต้ จะรู้สึกว่าเป็นเพศตรงกันข้ามกับเพศร่างกายตั้งแต่จำความได้ อึดอัดในเพศสภาพตนเอง รังเกียจและรู้สึกว่าอวัยวะเพศเดิมของตนเอง ต้องการศัลยกรรมเปลี่ยนเพศ ซึ่งเป็นหนทางเดียวที่จะรักษาโรคดังกล่าวได้สมบูรณ์ ทั้งนี้ เชื่อว่า โรคดังกล่าวเป็นโรคที่มีสาเหตุจากการที่ผู้หญิงเกิดมาในร่างกายของเพศชาย หรือเรียกว่า Trans Female
นายจารวี ทองวล นิสิตคณะสังคมศาสตร์ มศว กล่าวว่า หากในวันที่ 14 ธ.ค.มหาวิทยาลัยไม่อนุญาตให้แต่งกายข้ามเพศเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ก็อาจตัดสินใจไม่เข้ารับ
นายปรัชญา ตั้งสุขอำพัน นศ.คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวว่าตัดสินใจแต่งกายเป็นชายเพื่อเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร เพื่อให้พ่อแม่ดีใจ เพราะตนเองเป็นลูกคนโต
นายทัชชภร (วรัญญา) สัมมะสุต อาจารย์ ม.เกษตรศาสตร์ ศรีราชา กล่าวว่า การแต่งกายชายหรือหญิงไม่ได้ทำให้คนอื่นเดือดร้อน อยากถามผู้บริหารมหาวิทยาลัยหรือคณบดีผู้ชาย ว่า ถ้าบังคับให้แต่งกายเป็นหญิงสักวันหนึ่งจะทนได้หรือไม่ ทุกวันนี้บางครั้งก็ไม่อยากไปสอนที่มหาวิทยาลัย เพราะต้องแต่งกายเป็นชาย ทุกวันนี้นิสิตข้ามเพศบางคน นำใบรับรองแพทย์มาแต่งกายเป็นหญิง แต่มหาวิทยาลัยไม่อนุญาตโดยอ้างว่าจะลดความศักดิ์สิทธิ์ของการพระราชทานปริญญาบัตร
0 comments:
Post a Comment