เขาชนไก่ ตอนที่ 1

Thursday, November 20, 2008


ตอนที่ 1
“ ถึงแล้วครับพี่ “
ผมลืมตาขึ้น สลัดความง่วงออกจากตัว รีบคว้าเป้หนัก 9 กิโลกรัมสะพายหลังทันที แล้วจ่ายเงินให้กับคนขับ ก่อนจะก้าวลงจากรถแท็กซี่ด้วยความรวดเร็วผมเหลือบดูนาฬิกา เกือบจะ 6 โมงแล้ว มาก่อนเวลารวมพลตั้งนาน ก็เลยถือโอกาสเดินเล่นนิดหน่อย อากาศยามเช้านี่สดชื่นจริงๆ ผมเดินไปก็มองหาเพื่อนไปด้วย แต่ก็หาไม่เจอเพราะว่ามีคนเยอะมาก นักศึกษาวิชาทหารชั้นปีที่ 3 และ 4 กำลังทยอยเดินทางมาถึงสวนเจ้าเชต สถานที่รวมพลที่ทุกคนคุ้นเคยกันดีผมสะพายเป้สนามเดินไปเดินมาซักพักก็เริ่มรู้สึกหนักและเมื่อยขา ก็เลยนั่งลงใต้ต้นไม้แถวๆ นั้น ปลดเป้สนามออกจากตัว ตรวจเช็คความพร้อมของอุปกรณ์ต่างๆ ก่อนออกเดินทาง ทุกอย่างพร้อมหมด กระติกน้ำก็เติมน้ำจนเต็มแล้ว เข็มขัดสนามก็คาดมาอย่างดี รองเท้าถูกขัดมันจนเป็นเงา หัวเข็มขัดก็ขัดจนเหลืองอร่ามน่าดูมาก ขณะที่ผมกำลังนั่งนึกอะไรเพลินๆ ก็รู้สึกเหมือนมีมือหยาบกร้านมาตบที่ไหล่ผมเบาๆ ผมรีบหันไปดูแล้วก็ต้องยิ้มอย่างดีใจ




“ ไงไอ้บอม มาเร็วเหมือนกันนี่หว่า นั่งก่อนๆ เพื่อน “ไอ้บอมยิ้ม ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ผมแล้วพูดว่า“ พร้อมมั๊ยวะหนุ่ม “ผมมองหน้ามันแล้วตอบช้าๆ“ พร้อมอยู่แล้วว่ะ เรารอวันนี้มานานแล้ว วันที่เราจะได้กลับไปยังที่ที่เรารักอีกครั้ง ““ ท่าทางนายจะรักเขาชนไก่มากเลยใช่มั๊ยวะ ดูนายอยากไปมากเลย “ผมยิ้มกว้าง พลางนึกถึงเหตุการณ์เก่าๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วที่เขาชนไก่ ก่อนจะตอบไอ้บอม“ แน่นอน เรารักเขาชนไก่มากว่ะ เพราะเขาชนไก่สอนให้เราเข้มแข็งขึ้นกว่าเดิมมาก ““ แต่ปี 4 นี่ ไม่สบายเหมือนปี 3 นะ เราบอกไว้ก่อน ครูฝึกที่คุมเราโหดไม่ใช่เล่น ตอนปี 3 นายอยู่กองพันอะไรวะ ““ 32 ว่ะ ถามทำไมเหรอ “ไอ้บอมฟังแล้วก็ถอนใจเฮือก แล้วรีบพูดต่อ“ เฮ้อ 32 เหรอวะ โคตรน่าอิจฉาเลย ครูฝึกพัน 32 น่ะใจดีนะ ตอนเราปี 3 เราเจอแต่ครูฝึกโหดๆ ทั้งนั้น ปี 4 นี่ก็โหด ตอนเรียนธรรมดานี่ก็ไม่เท่าไหร่หรอก แต่ตอนฝึกภาคสนามนี่แหละ นรกชัดๆ นายคอยดูต่อไปแล้วกัน ““ โห อย่างนั้นยังเรียกว่าใจดีอีกเหรอวะ รู้เปล่าครูฝึกน่ะสั่งทำโทษตลอดเลย ไม่ได้ใจดีอะไรอย่างที่นายคิดหรอก เออ แต่ไม่ว่าการฝึกมันจะนรกจะโหดขนาดไหน เราก็จะสู้ว่ะ เราไม่กลัวหรอก เกิดเป็นลูกผู้ชาย จะกลัวอะไรวะ ใช่มั๊ยไอ้เพื่อนเลิฟ “ไอ้บอมอมยิ้ม แล้วกอดคอผมแน่น กลิ่นสาปชายของไอ้บอมแตะจมูกผม มันช่างหอมเหลือเกิน ผมรีบซุกหน้าลงไปที่อกของมันทันที ไอ้บอมก็ไม่ว่าอะไร สักพักก็ได้ยินเสียงครูฝึกตะโกนใส่โทรโข่งดังลั่น“ นักศึกษาชั้นปีที่ 3 และ 4 รวมพล รวมพล “




ผมและไอ้บอมรีบผละจากกัน คว้าเป้สนามวิ่งไปเข้าแถวทันที หลังจากที่จัดหมวดหมู่เรียบร้อยแล้ว ก็ทยอยขึ้นรถ รถออกจากสวนเจ้าเชต 6 โมงครึ่งพอดี ผมนั่งดีใจไปตลอดทาง ดีใจที่จะได้กลับไปยังที่ที่ผมรักและประทับใจ และดีใจที่จะได้ไปฝึกความเป็นลูกผู้ชายอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ผ่านการฝึกแบบหฤโหดมาแล้ว 1 ครั้งเมื่อปีที่แล้ว ผมคิดไม่ผิดที่ตัดสินใจเรียนร.ด. ต่อถึงแม้ว่าเพื่อนๆ หลายคนจะคัดค้านและไม่เห็นด้วย หลายคนบอกว่าเสียเวลาเปล่า แถมเหนื่อยอีก จะเรียนไปทำไม แต่ผมคิดว่าถึงจะเหนื่อย แต่ก็สนุก แถมยังได้ประสบการณ์ชีวิตที่น้อยคนจะมีโอกาสได้สัมผัส ได้มีโอกาสฝึกร่วมกับผู้ชายแท้ๆ นับร้อย มันส์ดีออก เสียดายที่นักศึกษาชั้นปีที่ 4 มีน้อยกว่าชั้นปีที่ 3 มาก ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะไม่ค่อยมีใครอยากจะเรียนต่อกัน เห็นว่าเรียนจบปี 3 ก็พอแล้ว ไม่ต้องเกณฑ์ทหาร น้อยคนที่จะคิดเรียนต่อปี 4 พวกที่เรียนต่อปี 4 ส่วนใหญ่จะเป็นพวกที่ชอบทหารจริงๆ ชอบการฝึกแบบโหดๆ หนักๆ มันส์ๆ ตามประสาลูกผู้ชาย ดังนั้นจึงอย่าแปลกใจที่เพื่อนๆ ปี 4 ของผมจะเป็นแมนกันทุกคน ถึงเป็นเกย์ก็เป็นเกย์แมนไม่แสดงออกกันทั้งนั้น




ไอ้บอมเป็นเพื่อนคนเดียวที่ผมรู้จัก เราเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน เป็นเกย์เหมือนๆ กันและมีความคิดคล้ายๆ กัน เรา 2 คนชอบทหารและเต็มใจที่จะเรียนร.ด. ด้วยเหตุผลโก้ๆ ว่าต้องการซึมซับความเป็นลูกผู้ชายจากการเรียนร.ด. ให้มากที่สุด เรียนร.ด. ทำให้เป็นลูกผู้ชายเต็มตัว และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ ต้องการจะใกล้ชิดกับผู้ชายแท้ๆ ให้มากที่สุด เวลาได้อยู่ใกล้ๆ เขาเหล่านั้น มันมีความสุขมากจริงๆ ครับ




เพื่อนๆ คนอื่นๆ ที่ฝึกด้วยกันก็พอรู้จักกันบ้าง แต่ก็ไม่ได้สนิทเท่าไหร่ แต่ประเดี๋ยวพอไปถึงเขาชนไก่ ก็คงสนิทกันมากขึ้นเองแหละ เพราะเราต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันถึง 7 วันทีเดียว ผมนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนเผลอหลับไป ตื่นมาอีกทีก็เริ่มร้อนผ่าวๆ ไปทั้งตัว ความรู้สึกแบบนี้ มันกลับมาอีกแล้ว เราเข้าเขตเขาชนไก่แล้วแน่ๆ ผมมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นทิวทัศน์ที่เคยคุ้นตามาแล้ว ภูเขาลูกใหญ่ๆ ลูกนั้นยังตั้งตระหง่านอยู่ ตัวอักษร “ ร.ด. “ ขนาดใหญ่มากที่ติดอยู่บนนั้นทำให้ผมหวนนึกไปถึงเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้น ณ ที่แห่งนี้ ความสุข ความประทับใจ มิตรภาพ ของลูกผู้ชาย ล้วนเกิดขึ้นที่นี่ทั้งสิ้น เสียดายที่คราวนี้ ไม่มีเพื่อนๆ ชุดนั้นแล้ว
“ ผมกลับมาแล้วนะ เขาชนไก่ “
ผมพูดกับตัวเองเบาๆ นึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว วันที่ผมเดินทางออกจากที่นี่ คำถามที่เพื่อนรักคนหนึ่งของผมถามผมเล่นๆ ยังคงดังก้องอยู่ในหัวผมทุกวินาที เขาถามว่า…… มึงอยากมาอีกรึไง……




ในวันนั้น ผมไม่ได้ตอบอะไรไป แต่ ณ วันนี้ ผมตอบได้เต็มปากว่า ผมอยากมา และในที่สุดผมก็ได้มาที่นี่อีกครั้งหนึ่งจริงๆ เขาชนไก่ในวันนี้ยังไม่เปลี่ยนไปเท่าไหร่ เพียงแต่ดูแห้งแล้งขึ้น และน่าเกรงขามมากขึ้นกว่าเดิม ผมนั่งมองดูต้นไม้สองข้างทางไปเรื่อยๆ คิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วไปพลางๆ




10 โมงกว่าๆ รถก็แล่นมาถึงอุทยานประวัติศาสตร์สงครามเก้าทัพ ( ซึ่งเมื่อปีที่แล้ว ผมเรียกที่นี่ว่า พิพิธภัณฑ์ทหาร ) พอรถจอดสนิท นักศึกษาวิชาทหารชั้นปีที่ 4 ทุกคนก็ทยอยลงจากรถ ครูฝึกพาพวกเราชมการแสดงนิทรรศการในอาคาร และดูชัยภูมิของไทยจากหอคอย เมื่อดูแล้วผมจึงสรุปได้ว่า ทางฝ่ายไทยเรามีชัยภูมิที่ดีกว่าพม่า ทำให้สามารถรบชนะพม่าได้ ผมและเพื่อนๆ ก็ดูกันตามสบาย อากาศตอนนี้ยังไม่ค่อยร้อนก็เลยไม่มีใครบ่น ซักครู่เราก็ขึ้นรถไปที่ลานพระบรมรูปรัชกาลที่ 6 เพื่อทำพิธีเปิดเมื่อพิธีเปิดเสร็จสิ้นลง เราก็ขึ้นรถต่อไปยังที่พักของเรา นั่นคือ กองพัน 41ทันทีที่รถจอดสนิท ครูฝึกก็ตะโกนใส่โทรโข่งดังลั่น




“ ลงมาเข้าแถว เร็วๆ ชักช้าโดนหมอบแน่ๆ “ผม ไอ้บอม และเพื่อนๆ รีบลงจากรถอย่างรวดเร็ว แล้วรีบเข้าแถว ผมมองไปรอบๆ เห็นนักศึกษาวิชาทหารผลัดก่อนๆ ที่มารอกลับบ้านยืนกอดคอเกาะกลุ่มกันเต็มไปหมด ทุกคนชี้มาที่พวกผม แล้วตะโกนซ้ำๆ ว่า
“ พวกมึงต้องตายๆๆๆๆๆ ตายแน่ๆ มึงตายแน่ๆๆๆๆๆ ““ ตายแน่ๆ มึงเอ๊ย 5555 “




บางคนตะโกนแล้วก็ชี้ไปที่แผลที่กบาลบ้าง ชี้ไปที่แผลที่แขน หรือขาบ้าง คือจงใจจะบอกว่าการฝึกมันสุดโหดจริงๆ โหดถึงขนาดได้แผลมานับไม่ถ้วน ผมและไอ้บอมมองแล้วก็หน้าซีด แต่ก็คิดปลอบใจตัวเองว่า ไม่มีอะไรหรอกน่า พวกนั้นคงแค่ขู่เล่นๆ คงไม่ได้ฝึกโหดอะไรขนาดนั้น ผมหันไปมองเพื่อนคนอื่นๆ ทุกคนก็มองกันเฉยๆ ไม่มีใครแสดงอาการวิตกกังวลหรือกลัวแต่อย่างใดครูฝึกรีบจัดการต้อนนักศึกษาผลัดก่อนๆ ขึ้นรถไปจนหมด เมื่อพวกนั้นไปกันหมดแล้ว หัวหน้าชุดฝึกก็กล่าวต้อนรับ พอกล่าวต้อนรับจบ ก็หาเหตุมาทำโทษพวกเราจนได้




“ ยุกยิกกันทำไม เอ้า ทุกคน หมอบ! “ทุกคนจำใจต้องหมอบลงไป ฝุ่นคละคลุ้งไปหมด กองพัน 41 นี่สภาพภูมิประเทศไม่ดีเท่าไหร่นัก มีแต่ฝุ่น กรวด และทรายเต็มไปหมด ผมถึงกับต้องกลั้นหายใจก่อนจะหมอบลงไป แต่ฝุ่นก็เข้าจมูกจนต้องไอออกมา ทุกคนก็ไอเหมือนกันหมด พอเราหมอบลงไปหมดแล้ว หัวหน้าชุดฝึกก็สั่งต่อ“ ทั้งหมด ลุก ! “ทุกคนรีบลุกขึ้นมาทันที“ ทั้งหมด แถว – ตรง ตามระเบียบ – พัก “ทุกคนปฏิบัติตาม หลังจากนั้นก็เป็นการเข้าแถวใหม่โดยการจัดคละสถาบันการศึกษา ผมยังคงได้อยู่หมู่เดียวกับไอ้บอม โชคดีจริงๆ มีการแต่งตั้งหัวหน้าหมู่ หัวหน้าหมวด หัวหน้ากองร้อย และหัวหน้ากองพัน กองพัน 41 แบ่งออกเป็น 3 กองร้อย คือ ร้อย 1 ( อินทรีย์ ) ร้อย 2 ( เสือดำ ) ร้อย 3 ( ฉลามขาว ) ผมอยู่ร้อย 1 หมวด 1 หมู่ 1 ทั้งหมู่ผมรู้จักไอ้บอมคนเดียว นอกนั้นไม่รู้จักใครเลย




ระหว่างที่จัดหมวดหมู่กันอยู่นั้น หมวดของผมคงจะคุยกันเสียงดังไปหน่อย ทำให้ครูฝึกประจำหมวดรำคาญ ก็เลยแผดเสียงลั่น“ หมวด 1 เสียงดังชิบหายเลย ทั้งหมด วิดพื้นท่าเตรียม ! “ทุกคนปฏิบัติตามคำสั่ง “ เตรียม ! ““ 50 ครั้ง ปฏิบัติ ! “




ทุกคนวิดพื้นตามคำสั่งจนครบ เสร็จแล้วจึงลุกขึ้นมายืนท่าตรง ผมหอบแฮ่กๆ ด้วยความเหนื่อย แถมปวดกบาลตึ้บเพราะอากาศเริ่มร้อนขึ้นทุกทีๆ เมื่อจัดหมวดหมู่เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาแดกข้าว การแดกข้าวของปี 4 ไม่เหมือนตอนปี 3 ตอนปี 3 เราจะได้รับข้าวและกับข้าวใส่มาในถาดหลุมๆ ให้เสร็จ แดกได้ทันที แต่ปี 4 นี่ ทุกคนจะได้หม้อข้าวสนามคนละ 1 อัน คนหนึ่งรับข้าว อีกคนรับกับข้าว แล้วมานั่งจับบัดดี้แดกข้าวกันเอง ผมได้รับข้าว ส่วนไอ้บอมได้กับข้าว ผมก็เลยชวนไอ้บอมมาแดกด้วยกัน พอทุกคนจับบัดดี้และนั่งลงเป็นคู่ๆ แล้ว หัวหน้าชุดฝึกยังไม่ปล่อยให้เราแดกทันที




“ ทุกคน พูดตามครู สี่หนึ่ง สี่หนึ่ง !!!! ความทุกข์ที่เกินทน จะหลอมคนให้ทนทาน กองพันลูกผู้ชาย เอี้ย ! เอี้ย ! เอี้ย ! “ทุกคนแหกปากตะโกนลั่น“ สี่หนึ่ง สี่หนึ่ง !!!! ความทุกข์ที่เกินทน จะหลอมคนให้ทนทาน กองพันลูกผู้ชาย เอี้ย ! เอี้ย ! เอี้ย ! “หัวหน้าชุดฝึกพูดต่อ“ ที่นี่คือ กองพันลูกผู้ชาย ! ที่ที่จะหล่อหลอมผู้ชายธรรมดาๆ ให้กลายเป็นลูกผู้ชายเต็มตัว ทั้งร่างกายและจิตใจ ที่นี่ไม่มีความสบายให้ มีแต่ความลำบาก ความทุกข์ เพราะว่า ความทุกข์ที่เกินทน จะหลอมคนให้ทนทาน ทุกคน ขัดฉาก ! “ ผมและเพื่อนๆ ยกแขนขึ้นขัดฉาก หัวหน้าชุดฝึกถามว่า“ ไหนใครไม่มีช้อน ยกมือขึ้นซิ “หลายคนยกมือ หัวหน้าชุดฝึกมองแล้วก็พูดว่า“ ในเมื่อบางคนมีช้อน บางคนไม่มี ไม่เสมอภาคกัน งั้นทุกคนก็กินด้วยมือเปล่าแล้วกัน ! “ผมอึ้งไปนิดนึง ไม่นึกว่าจะต้องแดกข้าวด้วยมือเปล่าแบบนี้ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยแดกข้าวด้วยมือเลย แล้วครูฝึกก็สั่งให้หัวหน้ากองพันพูดปลุกขวัญว่า“ เรากินเพื่ออยู่ เราสู้เพื่อชาติ วินัยสร้างศักดิ์ศรี ซื่อสัตย์สร้างความดี สามัคคีสร้างพลัง เชิญรับประทาน ! “พอหัวหน้ากองพันพูดจบ ผมและเพื่อนๆ ต้องพูดตามที่ครูฝึกสั่งว่า“ ขอบคุณครับ ครูครับ ทานข้าวไหมครับ “แล้วทุกคนก็รีบก้มหน้าก้มตาเปิบข้าวใส่ปากทันที ผมมองข้าวที่อยู่ในหม้ออย่างแหยงๆ แล้วก็เหลือบไปมองหม้อของไอ้บอมที่ใส่แกงส้มกุ้งแห้งไว้จนเต็มหม้อ พลางคิดในใจ….นี่เราต้องแดกด้วยมือจริงๆ เหรอเนี่ย ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเปิบข้าวด้วยมือเลย เวรแท้ๆ ผมกำลังจะเอามือเปิบข้าวก็พอดีได้ยินหัวหน้าชุดฝึกตะโกนลั่น“ อย่าโอ้เอ้ ให้เวลา 10 นาทีเท่านั้น ใครกินไม่หมดโดนราดหัวแน่…..ผ่านไป 1 นาที 2 นาที “




ผมได้ยินอย่างนั้นก็รีรออะไรไม่ได้แล้ว ขืนแดกช้าจนแดกไม่หมดมีหวังโดนราดกบาล เละทั้งตัวแน่ๆ แถมหัวหน้าชุดฝึกยังแกล้งนับให้เวลามันผ่านไปเร็วๆ แบบนั้นอีก เอาวะ ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ใช้มือแดกข้าว แดกก็แดก ผมคิดแล้วก็ตัดสินใจเอามือเปิบข้าวใส่ปากทันที แล้วจึงล้วงหม้อของไอ้บอมหยิบแกงส้มใส่ปากไปอีก 1 คำ ไอ้บอมก็เอื้อมมือมาล้วงข้าวในหม้อผมใส่ปากแดกเช่นเดียวกัน เรา 2 คนผลัดกันแดกอย่างรีบเร่ง คำแล้วคำเล่า จนลืมไปว่าหัวหน้าชุดฝึกหยุดนับไปนานแล้ว และกำลังนั่งมองพวกเราแดกอย่างใจเย็น ตอนนี้ไม่มีใครพูดกันเลย ต่างก็รีบเปิบข้าวและกับข้าวเข้าปากด้วยความหิวโหยจนมือเลอะไปตามๆ กัน

1 comments:

เรียนต่อต่างประเทศ said...

ขอบคุณมาก ๆ นะครับ

Blog Archive