ลื่น ‘ไถล’ ทางเพศ?

Wednesday, November 12, 2008



ผมรู้จักกับ “เจเจ” มาสักสามปีแล้วล่ะครับ เพื่อนรุ่นน้องคนนี้เป็นนักฝึกอบรมมืออาชีพที่เป็นเกย์ รูปลักษณ์ภายนอกของเขาก็เหมือนชายทั่วไป ไม่ได้มีอาการกระตุ้งกระติ้งให้ใครบางคนเกิดอาการตากระตุก หรืออักเสบทางอารมณ์



บางครั้งหนุ่มตัวเล็กคนนี้ก็ไว้หนวดหรอมแหรม ดูไม่ค่อยพิถีพิถัน แต่ก็แอบน่ารักอยู่ในบุคลิกว่องไวชองเขา เขาเป็นพูดเร็ว เสียงดัง ที่สำคัญอารมณ์ดีอยู่เสมอ
งานของเขาทุกวันนี้คือ เดินทางไปทั่วประเทศ และนอกประเทศ เราสองคนจะเจอกันก็เฉพาะตามงานและภารกิจกิจกรรมสาธารณะต่างๆ เราไม่เคยไปไหนมาไหน ไม่เคยเฮฮาปาร์ตี้ด้วยกัน ความใกล้ชิดจึงมีขอบเขตเพียงแค่คนรู้จัก
กระทั่งวันหนึ่ง ผมก็ได้พบตัวจริงๆ ของเขา ทำเอาอึ้งเลยล่ะครับ
“เมื่อก่อน ผมคิดว่า ผมเป็นกะเทย” เจเจเล่า “พี่เชื่อมั๊ย ผมชอบไว้ผมยาว ถักเปียสองข้าง รักสวยรักงาม ตอนเด็กๆ ผมคิดว่า ผมเป็นผู้หญิง ผมเกิดมาเพื่อเป็นผู้หญิง ที่ชอบมากคือ ซื้อกางเกงในผู้หญิง แล้วก็ใส่ยกทรง ใครจะว่าอะไร ไม่สน”
ผมนิ่งฟัง พยายามนึกภาพตาม นึกไม่ออกเลยล่ะคุณ….ไอ้หมอนี่เนี่ยนะ สาวประเภทสอง?
เขาเล่าต่อว่า พ่อพยายามเปลี่ยนแปลงเขา ให้ซ้อมมวย ให้เล่นกีฬา จะบังคับฝืนใจแค่ไหน เด็กชายเจเจ ก็อยากเป็นเด็กหญิงอยู่ดี
“พ่ออยากให้เป็นนักกีฬา ผมก็ทำตามนะ ผมเล่นกีฬาจนเป็นตัวแทนโรงเรียน ครั้งสุดท้ายที่จำได้ พ่อตี จับผมแก้ผ้า แล้วตีๆ ๆๆๆ เลย ผมเข้าใจ ผมเป็นลูกคนโต ครอบครัวผมเป็นคนจีน
ยังไงๆ ผมก็อยากเป็นเด็กผู้หญิง สิ่งที่ตอนเด็กลำบากอีกเรื่องก็คือ ต้องพูดคำว่า ‘ครับ’ มันกล้ำกลืนฝืนทน อึดอัด ทรมาน พูดยากจริงๆ เลย คำๆ นี้ ผมต้องใช้เวลาตั้งหลายปีกว่าจะพูดคำว่า ‘ครับ’ ได้เต็มปาก”

เจเจ รู้สักตัวเองว่าคงเป็นกะเทย จนกระทั่งอายุ 20 ถึงเวลาไปเกณฑ์ทหาร
ตอนนั้นเขาเก็บออมเงินสะสมไว้พร้อม และพร้อมที่สุดที่จะมี “นม” เป็นของตัวเอง ไม่ต้องใส่เสื้อชั้นในดันทรง
“ตอนนั้น ผมบอกตัวเองว่า ต้องเป็นผู้หญิงให้ได้ กำเงินไว้แล้วล่ะ หกหมื่นห้า ถ้าไม่ต้องไปเกณฑ์ทหาร ผมจะเอาเงินไปทำนม สุดท้ายแล้ว ผมก็ไม่ต้องเกณฑ์ทหาร”
แต่เจเจก็ไม่ได้ไปทำนม
“มันสองจิตสองใจน่ะครับ ในที่สุด คิดๆ ดูอีกที ตกลงเราเป็นอะไรกันแน่ แล้วถ้าทำนมไปแล้ว ชีวิตผมจะเป็นยังไง ไม่แน่ใจ จริงๆ ผมก็ยังพอใจของๆ ผมอยู่ ต่อไปจะให้ผ่าตัดแปลงเพศเลย ก็เอ…ก็ไม่รู้สึกอย่างนั้นนะ ตอนนั้นแค่อยากสวย อยากมีนมเป็นของตัวเอง เท่านั้น”
ได้ฟังเรื่องของเจเจแล้ว ผมก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึง บรรดาน้องๆ “กะเทยหัวโปก” ทั้งหลาย ไม่ต้องหาที่ไหนอื่นไกล ลองไปเดินสยามฯ ดู จะเห็นพวกเขา ในวัยใสมัธยมต้น ผมสั้นถึงผมเกรียน เดินกันเป็นกลุ่มๆ แต่ตัวกันมันส์สุดๆ บางครั้งก็เน้นความเซ็กซี่ที่ดูแล้วยากจะมี เมื่ออยู่ในชุดนักเรียน การแสดงออกและการพูดจาของพวกเขาทำให้ผู้ใหญ่หลายๆ คน ขัดเคืองนัยน์ตาอย่างหาที่สุดไม่ได้
คุณรู้สึก หรือเคยรู้สึกอย่างนี้ใช่มั๊ยเวลาเห็นพวกเขา?
เฮ้อ…เกิดมาเป็นผู้ชายดีๆ ไม่ชอบ เฮ้อ…พวกเบี่ยงเบน เฮ้อ…ทำไมนะโลกนี้ต้องมีคนพวกนี้ด้วย? เฮ้อ…หน้าตา ผมเผ้าก็ไม่ให้ พยายามจะทำสวย แต่งหน้าทาปากเข้าไป สวยตายล่ะ
ผมก็เคยรู้สึกและคิดอย่างเดียวกันนั่นแหละ แต่พอตั้งสติค่อยๆ คิดดู ไม่เอาอคติส่านตัวมาปน ผมคิดว่า พวกเขาก็คงไม่อยากเกิดมาให้ถูกดูถูกดูแคลนหรอก แต่คงเป็นเพราะวัย บวกกับความไม่เข้าใจอะไรบางอย่าง เลยต้องแต่งหน้าทาปาก เขียนคิ้วโก่ง
ลองคิดดูนะครับ ถ้าเยาวชน “หัวโปก” โตขึ้น แล้วไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นล่ะ?
พวกเขาอาจจะแค่ “พวกมากลากไป” แต่งตัวและออกอาการแบบนั้นเพราะความสนุก? หรือไม่ก็ขาดความเข้าใจ?
อย่างวันนั้น ถ้าเงินที่กำไว้ แปรสภาพไปเป็นนม? หรือต่อมา เจเจตัดสินใจแปลงเพศ เปลี่ยนจู๋เป็นจิ๋ม แทน แต่มารู้ทีหลังว่า ตัวเองไม่ได้เป็นกะเทย แต่เป็นเกย์? ชีวิตเขาคงเปลี่ยนไป?
สิ่งเหล่านี้เรียกว่า ความลื่นไหลทางเพศ หรือเปล่า?
คำๆ นี้ชาวบ้านยังไม่ค่อยได้ยินหรอกครับ เพียงแค่รณรงค์ว่า เกย์ กะเทย ทอม ดี้ ไม่เกี่ยวอะไรกับการ “เบี่ยงเบน” ก็ยากมากๆ อยู่แล้ว เพราะทัศนคติคนต้องค่อยๆ ปรับกัน ปรับไปให้มองทะลุมิติภาพลักษณ์ภายนอก ส่องให้เห็นถึงภายใน หนีจากกรอบสิ่งแวดล้อมทางสังคมที่หล่อหลอมให้คุณยึดติดกับทางความคิด จนกระทั่ง คุณมองออกว่า เขา หรือเธอก็เป็นเช่นนั้นเอง ไม่ได้เบี่ยงหรือเบนจากอะไรไปเป็นอะไรทั้งสิ้น
แต่กรณีของเจเจ คุณผู้อ่านบางคน อาจจะตั้งคำถามไปไกลกว่านั้น ถึงที่ว่า
ถ้าเป็นอย่างนี้แล้ว เกย์ก็เปลี่ยนไปเป็นผู้ชายรักผู้หญิงได้สิ! ดูอย่างเจเจ ยังเปลี่ยนจากกะเทยหัวโปกในวัยเด็ก มาเป็นเกย์ได้เลย ถ้าอย่างนั้น…เพื่อนร่วมงานคนนั้น ที่ฉันแอบรักอยู่ ก็มีสิทธิ์ “เลิก” เป็นเกย์ แล้วหันมาชอบฉันได้ ใช่มั๊ย?
ช้าก่อน คือผมไม่ได้ทำให้ใครรู้สึกผิดหวังนะครับ ผมคิดว่า การลื่นไหล หรือน่าจะเป็น “ลื่นไถล” ดังกรณีของเจเจ เนี่ย น่าจะเกิดเป็นกรณีไป แต่จะให้เจเจ เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากผู้ชายรักผู้ชาย ไปเป็นผู้ชายรักผู้หญิงเนี่ย ผมว่า ไม่น่านะ
“ความลื่นไถล” ในสภาพความเป็นจริง และตามที่รับรู้มาจากกรณีอื่นๆ ผมคิดว่า ก็เป็นการลื่นไถลไปมาอยู่ในวงโคจรของมัน
จากความรู้สึกของเจเจ (ที่อาจเป็นความเข้าใจผิด) ที่ว่า ตัวเองเป็นกะเทย ก็ไม่ได้เป็นกะเทย แต่เป็นเกย์กรณีอย่างเจเจคงเคยเกิดขึ้นกับอีกหลายๆ คน แต่ผมว่า จะให้เปลี่ยนไปเป็นชายทั่วไปที่รักผู้หญิง เลย คงจะยาก และ ไม่น่าจะเกิดขึ้น ถ้าไม่งั้นบรรดาโครงการ “conversion therapy” ทั้งหลาย ที่ประกาศปาวๆ ว่า เปลี่ยนเกย์ได้ ก็น่าจะร่ำรวยผิดปกติ
คุณว่างั้นมั๊ย?

0 comments:

Blog Archive