เขาชนไก่ ตอนที่ 12

Monday, November 24, 2008

ตอนที่ 12
เราเดินกันไปเรื่อยๆ ผมรู้สึกเหนื่อยและเมื่อยขามาก มือก็เมื่อยเพราะถือปืนอยู่ แต่ก็ต้องอดทน ทั้งหมู่ไม่มีใครพูดคุยกันแล้วเพราะต่างก็พยายามเร่งฝีตีนเพื่อให้ถึงฐานเร็วๆ ไม่นานก็เจอสุมทุมพุ่มไม้ขวางอยู่ด้านหน้า มีเพียงช่องแคบๆ กว้างพอให้คลานผ่านไปได้ทีละคนเท่านั้น ไอ้สันติทำสัญญาณมือโดยคว่ำฝ่ามือลง แล้วเลื่อนมือลงด้านล่างอย่างช้าๆ หมายถึงให้ทุกคนหมอบลงไปอย่างเงียบๆ แล้วมันก็พูดว่า
" คลานสูงผ่านไปทีละคนนะมึง ! เงียบๆ ด้วยล่ะ "
แล้วมันก็คลานสูงโดยใช้ศอกซ้ายสลับกับศอกขวาคลานผ่านช่องแคบนั้นไป โดยประคองปืนไว้ในอุ้งแขนทั้งสอง ทุกคนในหมู่ก็คลานตามมันอย่างช้าๆ พื้นที่เราคลานเต็มไปด้วยหินและทรายสกปรกๆ ยากต่อการคลานอย่างยิ่ง แถมต้องประคองปืนไปด้วย สุดยอดแห่งความทรมานจริงๆ แต่เราก็จำเป็นต้องคลาน ผมคลานผ่านไปด้วยความยากลำบาก พอพ้นแล้วก็ลุกขึ้นเดินต่อ ไม่นานก็ได้ยินเสียงแปลกๆ ดังมาจากหลังพุ่มไม้ด้านหน้า
สวบ….สวบ…….สวบ…….
ไอ้ปกป้องสะกิดไอ้สันติ แล้วกระซิบเบาๆ
" ครูฝึกแอบอยู่แน่ๆ เลยว่ะ ทำไงดีวะ ติ "
ไอ้สันติกัดฟันแน่น ก่อนจะตอบสั้นๆ
" ทำยังงี้ไง "
แล้วไอ้สันติก็ออกวิ่งปรู๊ดไปข้างหน้าทันที ไอ้ปกป้องและเพื่อนคนอื่นที่เดินตามมาซึ่งไม่รู้อิโหน่อิเหน่ พอเห็นไอ้สันติวิ่งก็ตกใจ พากันวิ่งตามไปด้วย ผมก็วิ่งเคียงข้างกับไอ้ธีระ ปากก็ถามว่า
" เฮ้ย เฮ้ย คนข้างหน้าน่ะ วิ่งทำไมวะ ??? "
ไอ้ธีระรีบสวนกลับมาทันที
" เงียบเถอะน่า อย่าเพิ่งถาม วิ่งๆ ตามมันไปก่อน เดี๋ยวหลงนะเว้ย "
ผมวิ่งตามเพื่อนๆ ไปเรื่อยๆ ทุกคนในหมู่วิ่งกันไปไกลมากจนผมรู้สึกว่าวิ่งต่อไปไม่ไหวแล้ว เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ก็พอดีได้ยินไอ้สันติตะโกนลั่น
" เอ้า หยุดวิ่งก่อนเหอะพวกมึง พักแป๊ปนึง ครูฝึกมันไม่ตามมาหรอก มันจะอยู่แต่ตรงนั้นแหละ แฮ่ก ! แฮ่ก ! เหนื่อยว่ะ เกือบจะโดนจับได้แล้วมั๊ยล่ะ เมื่อกี้ถ้าไม่วิ่งล่ะก็ เสร็จแหงๆ โอยเหนื่อยชิบหายเลย "
ผม ไอ้สันติ ไอ้ปกป้อง และไอ้ธีระ หยุดยืนหอบแฮ่กๆ ด้วยความเหนื่อย ซักพักไอ้ปกป้องก็พูดขึ้นว่า
" นี่อยู่กันครบมั๊ยเนี่ย "
" เออนั่นดิ เมื่อกี้คนในหมู่วิ่งตามกูกันมาหมดรึเปล่า ไหนเช็คคนหน่อยสิวะ "
ไอ้สันติพูดแล้วหันไปเพ่งมองเพื่อนคนอื่นที่ยืนอยู่แถวนั้น ( เพราะมันมืดมองไม่ค่อยเห็น ) ผมเลยพูดว่า
" กูไอ้หนุ่ม กับไอ้ธีระว่ะ "
" เออ มึง 2 ตัวยังอยู่นะ แล้วที่เหลือน่ะใครวะ บอกชื่อกูมาที กูมองไม่เห็นหน้า ตรงนี้มันมืด "
ไอ้สันติพูดกับผู้ชายอีก 2 คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย หนึ่งในสองคนนั้นกระแอมเบาๆ แล้วพูดช้าๆ
" กูไอ้กรน่ะ แล้วนี่ไอ้หมอก "
" อ้า……ไอ้กร หัวหน้ากองพันเองเหรอ มึงมาได้ไงวะเนี่ย ไอ้หมอกอีกคน กูล่ะงงจริงๆ "
" ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อกี้กูเห็นพวกมึงวิ่งก็นึกว่าหนีอะไรกันมา ก็เลยพาไอ้หมอกวิ่งไปกับพวกมึงด้วย กูหลงกับหมู่ตนเองว่ะ ไอ้Hereก็มันมืดอย่างนี้ มองทางก็แทบจะไม่เห็นอยู่แล้ว นับประสาอะไรกับการมองคน กูเดินอยู่ดีๆ หมู่กูก็หายไปเฉยเลย นี่ยังดีนะที่เจอหมู่ของพวกมึง ไม่งั้นกูแย่แน่ๆ ขอพวกกูไปด้วยละกัน "
" เออ ไม่เป็นไร เดินไปด้วยกันก็ได้ เดี๋ยวถึงฐานแล้วค่อยกลับหมู่ตนเอง ไอ้ห่า เป็นถึงหัวหน้ากองพัน เสือกหลงกับหมู่ตนเองซะนี่ น่าขายหน้าว่ะกร "
ผมพูดยิ้มๆ ไอ้กรบีบหัวไหล่ผมเบาๆ แล้วพูดว่า
" คนเราก็มีผิดพลาดกันได้โว้ย "
ไอ้หมอกซึ่งเงียบอยู่นาน เดินไปสะกิดไอ้สันติ แล้วพูดเบาๆ พอได้ยินกัน 2 คนว่า
" คืนนี้ ที่เก่า เวลาเดิมนะมึง กูหิว อยากดูดKมึงกับไอ้ป้องว่ะ "
ไอ้สันติขมวดคิ้ว
" อ้าว ไหนมึงบอกว่าคืนนี้มึงจะไม่มาไง "
" กูเปลี่ยนใจล่ะ ดูดดีกว่า คืนนึงกูดูดKหลายเต็นท์ว่ะ ดูดให้มึง 2 คนแป๊ปนึง ไม่เห็นเป็นไร มันส์ปากดีออก "
" งั้นก็ได้ กูจะรอ "
ไอ้สันติพูดกับไอ้หมอกจบแล้วก็หันไปพูดกับเพื่อนๆ ต่อ
" นี่ก็แสดงว่าไอ้บอมกับไอ้โต้ง แล้วก็อีกหลายคนในหมู่ หาย แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็ไปเจอกันที่ฐานเอง เดินกันต่อดีกว่าว่ะ เดี๋ยวไปช้าจะโดนครูฝึกแดกเอา "
" โอเค ไปต่อกันเลย "
ผมและคนอื่นๆ รับคำ แล้วจึงออกเดินทางต่อไป
…………………………………
ยิ่งเดิน สภาพของป่าก็ยิ่งโล่งมากขึ้นทำให้เรามั่นใจว่ามาถูกทางแล้ว แต่ตอนนี้เกิดความผิดปกติบางอย่างขึ้นกับร่างกายของผม ผมรู้สึกปวดหัวเข่าและขาอย่างหนัก มีความรู้สึกว่าตีนจะบวมเป่งเหมือนลูกมะนาวเนื่องจากใช้งานติดต่อกันมาอย่างหนัก เหนื่อยก็เหนื่อย เมื่อยก็เมื่อย เวลาเดินก็ต้องระวังหลุมและพุ่มไม้ไปตลอดทาง ร่างกายของผมอ่อนแรงลงไปทุกทีๆ ไม่คิดว่าการฝึกมันจะหนักขนาดนี้ ถึงจะเหนื่อยแสนสาหัสเพียงใด ผมก็ต้องกัดฟันก้าวตีนเดินต่อไป หยุดไม่ได้ ถ้าหยุดก็เดินไม่ทันเพื่อนแน่ๆ ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมา
ตูม !!!!!!!!!
" เฮ้ย !!! ระเบิด !!!!! "
ด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของมนุษย์ ผมร้องลั่นแล้วกระโดดหลบตรงพุ่มไม้ข้างๆ นั้นทันที เพื่อนๆ ของผมก็ทำแบบเดียวกัน ซักพักเสียงก็เงียบลง ไอ้ปกป้องชะโงกหน้าออกมาจากต้นไม้ที่มันหลบแล้วบอกว่า
" สงสัยจะเป็นระเบิด TNT ข่มขวัญว่ะ ไม่มีอะไรหรอก เดินต่อเหอะ "
ทุกคนจึงเดินกันต่อไป ไม่นานก็เจอกับลวดหนามเส้นใหญ่มากขึงอยู่เป็นแผงตรงหน้า ไอ้สันติทำสัญญาณคว่ำฝ่ามือลงอีกครั้ง แล้วค่อยๆ ย่อตัวลงหมอบ ทุกคนรีบทำตาม
ไอ้สันติพลิกตัวเป็นนอนหงาย เอาปืนพาดไว้บนลำตัวตรงประมาณแนวหน้าอก แล้วเลื่อนตัวลอดลวดหนามไปข้างหน้าโดยใช้ส้นตีนทั้งสองข้างถีบพื้นเพื่อยันตัวให้ขยับเลื่อนขึ้นไป ทุกคนทำตามมัน โชคดีที่ลวดหนามขึงเอาไว้ห่างจากพื้นมากๆ ก็เลยไม่อันตราย ครูฝึกคงเห็นว่าเป็นตอนกลางคืนก็เลยทำลวดหนามให้พวกเราลอดผ่านไปได้ง่ายๆ ผมและเพื่อนๆ ลอดผ่านมาได้อย่างง่ายดาย ไม่โดนลวดเกี่ยวเลย ( ผมมารู้ทีหลังว่า ลวดหนามนั้น เขาตัดคมหนามออกหมดแล้วเพื่อความปลอดภัย ถึงจะเผลอเอาตัวไปโดนก็ไม่เป็นไร )
พอเราลอดลวดหนามผ่านมาได้แล้วก็ลุกขึ้นเดินต่อไป แต่เดินไปไม่กี่ก้าว ก็เกิดมีแสงสว่างจ้าอยู่เหนือกบาลของพวกเราทุกคน ไอ้สันติรีบทำสัญญาณมือให้ทุกคนหมอบลงอีกครั้ง ไอ้ธีระหมอบแล้วกระซิบถามผมว่า
" อะไรวะนั่นน่ะ "
" พลุส่องแสง มึงหลับตาซะ ตาจะได้ไม่พร่า "
ผมตอบแล้วก็หลับตาลง ไอ้ธีระก็หลับตาเช่นกัน ทุกคนหลับตาแล้วหมอบคอยอย่างเงียบกริบ พลุส่องแสงแวบๆๆ อยู่บนท้องฟ้าซักพักหนึ่งก็ดับไป พอพลุดับ ไอ้สันติก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน แล้วเดินนำต่อไป
" ทุ่มทุนสร้างจริงๆ ว่ะ ยังกะอยู่ในสนามรบจริงๆ เลย มีทั้งลวดหนาม แล้วยังมีพลุส่องแสงอีก "
ไอ้ธีระพูด ผมยิ้ม ไม่พูดอะไรต่อ เราเดินต่อไปเรื่อยๆ แล้วก็มาเจอกับคูแคบๆ ไอ้ปกป้องเป็นคนพูดขึ้นมาบ้าง
" โดดข้ามไปทีละคนนะ มาขอกูก่อนบ้าง "
แล้วไอ้ปกป้องก็กระโดดข้ามไปก่อนเป็นคนแรก คนอื่นๆ ก็กระโดดตามกันไป ผมกระโดดเป็นคนสุดท้าย พอกระโดดผ่านไปแล้วรู้สึกว่าจะขาจะแพลงนิดหน่อย แต่ก็ต้องฝืนเดินต่อไป ทั้งๆ ที่เจ็บจะตายอยู่แล้ว ทันใดนั้นทุกคนก็ได้ยินเสียงแปลกๆ
สวบ……สวบ…….กรอบแกรบ……..กรอบแกรบ……
เสียงดังออกมาจากพุ่มไม้ที่อยู่ด้านซ้ายบ่งบอกว่ามีคนอยู่ตรงนั้น ไอ้สันติสะดุ้ง รีบหันไปพูดกับไอ้ปกป้อง
" ครูฝึกอีกแล้วว่ะ คราวนี้วิ่งหนีไม่ได้แล้ว พุ่มไม้เต็มไปหมด เอาไงดีวะ "
" เปลี่ยนเส้นทางดีกว่า เดินไปด้านโน้นเลย ไป !! "
ไอ้สันติเดินนำทุกคนไปอีกด้านแล้วจึงเดินต่อไป เราเดินลุยป่ากันนานมากจนขาลากก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะถึงฐานซักที
" สงสัยหัวหน้าหมู่มึงพามาทางอ้อมซะแล้ว แม่ง….. "
ไอ้กรบ่น ผมได้ยินก็เลยหันไปพูดกับมันว่า
" เดี๋ยวก็ถึงฐานแล้วน่า อดทนหน่อย อ้อมนิดอ้อมหน่อยไม่เห็นเป็นไร ได้ผจญภัยเพิ่มแบบนี้ สนุกดีออกว่ะ "
จู่ๆ ไอ้สันติก็ตะโกนเสียงลั่น
" ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ "
ทุกคนงง ไม่รู้ว่ามันตะโกนทำไม แต่ไอ้ปกป้องก็พลอยตะโกนไปด้วย เพื่อนๆ ที่เหลือรีบวิ่งมาดูด้านหน้าแล้วจึงเข้าใจว่าทำไมไอ้ 2 คนนั้นถึงต้องตะโกน ก็ด้านหน้าของพวกเรานั้น มีถังน้ำมันขนาดใหญ่เป็นสิบๆ ถังตั้งขวางอยู่ จะผ่านไปได้ต้องยิงถังน้ำมันเหล่านี้ให้ระเบิดก่อน ( ตามที่ครูฝึกสอนมา ) ทุกคนจึงพร้อมใจกันแหกปากลั่น ใช้กระสุนไม่รู้จักหมดกันอย่างเต็มที่ รวมทั้งผมที่แหกปากตะโกนดังกว่าเพื่อน
" ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ " " ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ " " ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ "
แล้วยังถือปืนทำท่ายิงกราดใส่ถังน้ำมันไปด้วย เล่นแบบนี้ก็สนุกดี ได้ปลดปล่อยความแมนออกมาอย่างเต็มที่ และทำให้จิตใจของผมและเพื่อนๆ ทุกคนฮึกเหิมมากขึ้น มีความรู้สึกเหมือนเป็นทหารจริงๆ อยู่ในสนามรบกันจริงๆ พอพวกเราเดินผ่านถังน้ำมันไปได้แล้วก็หยุดแหกปาก ตั้งหน้าตั้งตาเดินต่อไป
หลังจากจุดนี้ก็ไม่เจออุปสรรคอะไรอีกเลย มีแต่การเดินบุกป่าฝ่าดงกันเฉยๆ ป่าเริ่มโล่งขึ้น เดินสบายขึ้นกว่าเดิม เราใช้เวลาเดินนานมาก เวลาเจอสิ่งผิดปกติก็หมอบกันทุกครั้ง แต่ก็ไม่เจออะไรอีกเลย ครูฝึกก็ไม่เจอ เราเดินไปหมอบไปจนเกือบ 3 ทุ่ม ก็เดินกลับมาจนถึงฐานเกือบจะเป็นหมู่สุดท้ายเพราะมัวแต่หมอบกันอยู่ ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก ในที่สุดก็ถึงที่พักของเราซะที ดีใจที่ไม่โดนครูฝึกจับได้ และดีใจที่กลับมาถึงที่พักด้วยความปลอดภัย
" คืนนี้สนุกดีนะมึง "
ผมพูดกับไอ้ธีระ มันยิ้มน้อยๆ ก่อนจะตอบ
" กูก็ว่างั้น เมื่อยไปหน่อย แต่ก็โอเค มันส์ดี "
พอทุกหมู่กลับมาครบแล้ว ครูฝึกก็ให้พักนิดหน่อย ก่อนจะเรียกรวมเพื่อสวดมนต์ แล้วจึงแยกย้ายกันเข้านอน

0 comments:

Blog Archive