คุณตำรวจเกย์ครับ

Wednesday, November 12, 2008



สองอาทิตย์ก่อนโน้น ได้มีโอกาสเขียนถึงนายตำรวจท่านหนึ่ง แต่ไม่ได้เอ่ยชื่อของเขา เขามาร่วมงานสัมมนาครั้งสำคัญที่โรงแรมเอเชีย ซึ่งจัดขึ้นใหญ่โตเป็นครั้งแรกในหัวข้อสื่อและเกย์
ในงานนั้น พอประเด็นทางกฎหมายได้รับการพูดถึงบนเวที เขาก็เดินไปที่ไมโครโฟน แล้วแนะนำตัวเอง

“ผมชื่อร้อยตำรวจ.......................................ผมเป็นเกย์…”

แล้วเสียงปรบมือก็ดังก้องทั่วทั้งห้อง
“ผู้กองตั้ม” เล่าให้ผมและเพื่อนๆ ฟังผ่านรายการสัมภาษณ์ทางวิทยุในเวลาต่อมาว่า เป็นเกย์และยอมรับตัวเองมาตั้งแต่เด็กๆ ใฝ่ฝันอยากจะเป็นตำรวจมาตั้งแต่ยังจำความได้
พอเข้าเรียนในโรงเรียนตำรวจก็ตั้งใจมาก ผลการเรียนจึงอยู่ในระดับที่ 1-10 มาตลอด
สำคัญยิ่งกว่านั้น เขาย้ำ การที่เขาเป็นเกย์ ไม่ได้สร้างปัญหา หรือทำให้ใครเดือดร้อนทั้งสมัยเรียนหนังสือและเรื่อยมาถึงช่วงทำงาน ก็คงเป็นเพราะ เขาเป็นคนเปิดเผย ตรงไปตรงมา เข้ากับทุกๆ คนได้
พวกเราที่กำลังรุมสัมภาษณ์เขาอยู่ มองหน้ากันอย่างงงๆ (และบางคนก็เกิดอาการอยากจะจีบตำรวจ) อดสงสัยไม่ได้
เขาผ่านจุดล่อแหลมบางอย่างมาได้ยังไง?
“ตอนเรียนหนังสืออยู่ ก็ต้องมีอาบน้ำรวมๆ กัน ใช่ไหมครับ ก็ไม่มีปัญหาอะไรนะครับ” เขาตอบอย่างอารมณ์ดี
เขาเล่าต่ออีกว่า เพื่อนร่วมอาชีพคนหนึ่งที่เขารู้จัก ก็เป็นเกย์ แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะไม่รู้สึกปลอดภัย ต่อมาพอเพื่อนคนนี้มีแฟนเป็นชาวต่างชาติ เลยตัดสินใจลาออกจากราชการตำรวจ แล้วไปใช้ชีวิตคู่อยู่นอกประเทศไทย
เสียดาย ยังไม่เคยมีสถิติว่า กรมตำรวจสูญเสียตำรวจเกย์ไปมากน้อยแค่ไหน? แล้วรู้สึกเสียดายมั่งมั๊ย?
ผมเดาว่า ผู้กองตั้ม “คงโชคดี” กว่าใครๆ ที่ผู้บังคับบัญชา ผู้ร่วามงาน และลูกน้อง ต่างก็รักใคร่เอ็นดู แต่จะมีกี่คนที่ได้รับโอกาสอย่างนี้?
มันทำให้ผมนึกถึงหนังเรื่อง “เพื่อนกูรักมึงว่ะ”
หากใครจำได้ ในช่วงที่หนังยังไม่มีกำหนดชัดเจนว่าจะเข้าโรงเมื่อไหร่ ก็ตกเป็นข่าวร้อน ร้อนไปถึงหลายๆ คนที่เกี่ยวข้องในช็อตหนึ่ง นักข่าวได้สัมภาษณ์ความเห็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ท่านก็พูดแนวปรามๆ ผสมขอร้องแกมบังคับคนทำหนังเรื่องนี้ว่า ขออย่าเอาเรื่องตำรวจไปผูกเรื่องในหนัง ยิ่งบอกว่า ในหนังมีตำรวจเป็นเกย์แล้ว จะทำให้ภาพลักษณ์ของตำรวจเสียหาย

อีกนัยหนึ่ง เหมือนท่่านกำลังจะบอกว่า วงการสีกากีไม่มีเกย์เป็นตำรวจ และตำรวจเป็นเกย์ก็คงไม่มี (ซะงั้น) ได้ยินได้ฟังแบบนี้แล้ว ถึงตอนนี้ ผมก็อดนึกถึงผู้นำประเทศอิหร่านที่โดนชาวโลกประณามหลังแขวนคอวัยรุ่นเกย์สองคนไม่ได้ ท่านประกาศคล้ายๆ กันว่า “ประเทศอิหร่านไม่มีเกย์”
ถ้ามนุษย์เรากล้ายอมรับความจริง ผมคิดว่า อะไรๆ ในโลกนี้ มันคงง่ายขึ้นเยอะ เพราะเรานิยมโกหกตัวเอง และโกหกคนรอบข้างอยู่อย่างนี้ไม่ใช่หรือ ที่ทำให้เราๆ ท่านๆ ทำอะไรไม่ได้เต็มที่ สำหรับคุณผู้อ่านที่เป็นเกย์ ยิ่งคุณแอบ คุณจะยิ่งกลัว
ผู้กองตั้ม ยอมรับความจริงของตัวเองมานานแล้วอย่างไม่น่าเชื่อ และการเป็นเกย์ และเป็นเกย์อย่างเปิดเผยของเขาอาจมีส่วนทำให้ชีวิตของเขา และคนอื่นๆ พลิกผัน
เขากำลังจะจบปริญญาเอกที่มหาวิยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เขาเลือกหัวข้อดุษฎีนิพนธ์ที่หลายๆ คนคงเมิน เพราะเข้าถึงข้อมูลได้ยากหากไม่ได้มีเครื่องแบบ

“แนวทางในการผลักดันการสร้างมาตรการป้องกันแก้ไขปัญหาการตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมของเกย์ในกรุงเทพมหานคร” (Approaches to Leverage Measures to Prevent and Correct Problems of Criminal Victimization Among Bangkokian Gay Members)
ผมมีโอกาส ก็รีบไปฟังเขา “defense” งานวิจัยของเขาต่อหน้าคณะกรรมการและประธานผู้ทรงคุณวุฒิ กรรมการท่านหนึ่งคือ รศ. ดร. เสรี วงศ์มณฑา และต้องบอกว่า ไม่เคยไปงาน defense ป. เอกมาก่อนเลยล่ะครับ

ประเด็นหลักของดุษฎีนิพนธ์ของผู้กองหนุ่มคนนี้ก็คือ แนวทางผลักดัน ซึ่งผมเชื่อว่า สิ่งที่เขาทำตอนนี้ จะช่วยจุดประกายให้ตำรวจและเกย์ “ทำงานร่วมกัน” มากขึ้น เมื่อเกิดอาชญากรรม ไม่ว่าจะเป็นที่ใด
“ตอนเข้าหาแหล่งข้อมูล อย่างเพื่อนตำรวจ หรือตำรวจจากที่ทำหน้าที่สอบสวน พวกเขาก็จะมองหน้า บางคนหัวเราะหึๆ แล้วก็เดินจากไป ด้วยอาการ “ตูไม่เห็นว่า เรื่องนี้มันจะสลักสำคัญ” อะไรเลย”
แต่เขาก็ได้ข้อมูลมาจนครบล่ะคับ เขาสัมภาษณ์และทำแบบสอบถามเกย์ไปจำนวน 400 คน และได้คุยกับพนักงานสอบสวนไป 326 คน

ดุษฎีนิพนธ์ของเขาอ้างอิงว่า หลายๆ สถานที่ที่เกย์ไปมีเพศสัมพันธ์ล้วนมีความเสี่ยง แต่ไม่เท่ากัน
อย่างสวนสาธารณะ สถานบริการเฉพาะกลุ่ม เซาน่า บาร์/ไนท์คลับ สปานวด สถานกีฬา ห้างสรรพสินค้า ห้องน้ำสาธารณะ ฟิตเนส ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ที่ “บ้านนาย” หรือ “ที่บ้านเรา”
อย่างที่ทราบกันล่ะครับ สถานที่ที่มีโอกาสเจอแจ็คพ็อต ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรม ก็หนีไม่พ้น สวนสาธารณะ มาเป็นอันดับหนึ่ง นึกภาพสวนสาธารณะมืดๆ ตอนหลังเที่ยงคืน สถานกีฬา ห้างสรรพสินค้าและห้องน้ำ ตอนไม่ค่อยมีผู้คน ก็น่าเสี่ยงอยู่ไม่น้อยถ้าอยากจะมีหวาดเสียว นี่ยังไม่นับ นัดกันผ่านอินเตอร์เน็ต
ความเหงา ความอยาก และความตื่นเต้น ทำให้หลายๆ ยินดีที่จะเดินไปหาความเสี่ยง
ฝ่ายหนึ่งย่อมตกเป็นเหยื่อ และไม่กล้าแจ้งความ ต้องยอมรับความจริงว่า เกย์หลายๆ คน “ชอบเสี่ยง” เจ็บน้อยก็เสียทรัพย์สินหรือไม่ก็โดนทำร้ายร่างกาย อย่างแรงก็คือ ได้ขึ้นหน้าหนึ่ง และคงจะไม่มีวันได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ใครฟังได้
แนวทางสำคัญที่ทำให้ช่วยลดอัตราเสี่ยงและทำให้งานของตำรวจง่ายขึ้นก็คือ “การสร้างความเข้าใจ” งานวิจัยของเขาระบุไว้อย่างนั้น ขณะที่มาตราการทางกฎหมายคงค่อยๆ เป็น และช้าๆ

ดุษฎีนิพนธ์ของเขายังมีจุดน่าสนใจอยู่มากครับ คงพูดไม่ได้หมดในคอลัมน์นี้ ส่วนที่ผมอาจแชร์ได้บ้างก็คือ หากมองจากมุมสังคมวิทยา มานุษยวิทยา ผมคิดว่า หลายๆ คำพูด และหลายๆ ความหมายที่ใช้ในดุษฎีนิพนธ์ของเขาน่าจะปรับเปลี่ยน แม้เขาจะไม่ได้เกี่ยวกับสังคมวิทยา หรือมนุษยวิทยาโดยตรง เพราะหลายๆ คำ หลายๆ ความหมายที่ใช้ ยังคงสร้างภาพลบให้คนเกย์อยู่

โดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่คิดว่า ตัวเองจะเรียนให้ถึงขั้นปริญญาเอก และผมคำว่า ดอกเตอร์ไม่ได้สำคัญนักกับชีวิตผม แต่ก็อดทึ่งไม่ได้นะครับ ที่ผู้คนหลายๆ คน อยากได้คำนำหน้านี้กัน
สำหรับผู้กองตั้ม เขามีแผนการชีวิตที่ชัเจนมากๆ หลังจากนี้ว่า นอกจากจะอยู่กับแฟนคนปัจจุบันต่อไป ก็คงจะลาออกจากอาชีพตำรวจ ไปสอนหนังสือ และเขียนหนังสือ หนังสือที่เขาอยากจะเขียนเล่มหนึ่งก็คือ Gays in uniform
สายๆ ของวันนั้น
กรรมการให้บรรดาผู้ไม่เกี่ยวข้องออกนอกห้อง เพื่อประชุมกันเองส่วนตัว ผมรู้สึกดีใจที่ไม่ต้องรีบกลับ สักพักใหญ่ คนฟังกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง พร้อมได้ยินข่าวดีว่า เขาสอบผ่าน
ผู้กองตั้มคงลิงโลดไม่น้อย เขามอบพวงมาลัยให้บรรดาคณาจารย์ กล้องวิดีโอ ยังคงจับภาพต่อไป กล้องถ่ายรูปก็ทำงานไปพร้อมๆ กัน และในจังหวะนั้น เสียงเพลงคุ้นหูท่อนหนึ่งก็ลอยมาจากคอมพ์พิวเตอร์โน้ตบุ๊คของเขา ตอนเขากำลังกราบขอบพระคุณอาจารย์และกรรมการ
ได้ชิดเพียงลมหายใจแค่ได้ใช้เวลาร่วมกัน……เธอจะมีใจหรือเปล่า…
อยากรู้จักตำารวจเกย์คนอื่นๆ อีกจัง

0 comments:

Blog Archive