เขาชนไก่ ตอนที่ 4

Sunday, November 23, 2008

ตอนที่ 4
ปรี๊ดดดดดดด ปรี๊ดดดดดดดดดด
เสียงนกหวีดของครูฝึกดังขึ้น ผมสะดุ้งตื่นทันที เหลือบดูนาฬิกา ตี 5 แล้ว นอนซะเพลินเลย ก็เลยรีบเขย่าตัวไอ้ธีระที่นอนอยู่ข้างๆ แรงๆ
" ตื่นได้แล้วมึง เขาเรียกรวมแล้ว "
ไอ้ธีระลืมตาขึ้น แล้วรีบลุกขึ้นนั่ง บิดซ้ายบิดขวาสลัดความง่วงออกจากตัว แล้วหันมาพูดกับผม
" เออ โอเค กูหายง่วงแล้ว ไปกันเหอะมึง "
ผมกับไอ้ธีระรีบมุดออกจากเต็นท์ วิ่งไปเข้าแถวทันที ไม่นานแถวก็เสร็จเรียบร้อย แล้วจึงเริ่มออกกำลังกาย ครูฝึกบอกไว้ตั้งแต่วันแรกว่า ทุกๆ เช้าตอนตี 5 จะต้องตื่นมาออกกำลังกายทุกวัน มาออกกำลังกายนี่แต่งชุดครึ่งท่อนก็พอ อากาศตอนเช้าหนาวมาก ไม่น่าแต่งครึ่งท่อนเลยเพราะเสื้อสีกากีแกมเขียวมันบางนิดเดียว ลมหนาวพัดมาทีก็หนาวไปทั้งตัว แต่งชุดฝึกเต็มยศมาออกกำลังกายจะดีกว่า ผมคิดพลางเอียงตัวไปทางซ้ายที ขวาที แล้วต่อด้วยยืดแขนทั้ง 2 ข้างขึ้นข้างบน แขนเสื้อของผมร่นลงมากองที่หัวไหล่ เผยให้เห็นกล้ามแขนขาวๆ ขึ้นเป็นมัดๆ เพื่อนที่ตัวผอมๆ หลายคนมองกล้ามแขนผมด้วยความสนใจ คงจะอยากมีกล้ามเหมือนผมแน่ๆ ผมออกกำลังกายไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นท่าพื้นฐาน อย่างกระโดดตบ กระโดดแยกเท้า หมุนข้อเท้า และจบด้วยวิดพื้น 50 ที
เสร็จแล้วครูฝึกก็ให้พัก ผมกับเพื่อนๆ ในหมู่รีบไปล้างหน้า แปรงฟัน ทำกิจธุระส่วนตัว ครูฝึกให้นักศึกษาวิชาทหารบางหมู่ช่วยกันเอาหม้อสนามตักน้ำจากสระข้างๆ กองพันมาราดตรงบริเวณที่เรานั่ง เพื่อที่ฝุ่นจะได้น้อยลงบ้างเพราะบริเวณนี้ฝุ่นเยอะมากๆ คงจำได้ว่าเมื่อวานผมกับเพื่อนๆ ต้องหมอบที่บริเวณนี้ กินฝุ่นไปพอสมควร ครูฝึกคงเห็นใจก็เลยช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา ก็ดี คราวนี้ถ้าพวกเราโดนสั่งหมอบก็คงไม่ต้องกินฝุ่นมากเท่าวันแรกอีกแล้ว
7 โมงเช้า เสียงนกหวีดดังขึ้นอีกครั้ง พวกเรารีบวิ่งมาเข้าแถวบริเวณที่รวมพลอีกครั้ง คราวนี้เข้าแถวช้าไปหน่อย หัวหน้าชุดฝึกยืนมองอยู่นาน แถวก็ยังไม่เสร็จซักที ก็เลยสั่งทำโทษซะเลย
" ไม่ได้เรื่อง ! ทั้งหมด วิดพื้นท่าเตรียม ! "
นักศึกษาทุกคนครางฮือด้วยความไม่พอใจ ผมคิดในใจว่า หัวหน้าชุดฝึกแม่งโหดมากจริงๆ เอะอะก็สั่งทำโทษตลอด ไอ้บอมคงพูดถูก บรรดาครูฝึกปี 4 นี่ไม่ใจดีเหมือนตอนปี 3 แล้ว ปี 4 นี่โดนทำโทษบ่อยกว่าเดิมมาก นี่แค่วันที่ 2 ยังโดนทำโทษไปตั้งหลายครั้ง แล้ววันต่อๆ ไปจะขนาดไหน ตอนปี 3 ยังไม่เห็นโดนทำโทษบ่อยขนาดนี้เลย แถมโดนแต่ละทีก็ไม่ต้องทำครั้งละมากๆ แบบนี้ด้วย เวรกรรมจริงๆ
ทุกคนลงนอนคว่ำเอามือดันพื้นเอาไว้ แล้วแหกปากพร้อมกัน
" เตรียม ! "
ครูฝึกสั่งต่อ
" 50 ครั้ง ! "
ทุกคนกัดฟันตะโกนตอบ
" 50 ครั้ง ! "
" ปฎิบัติ ! "
ทุกคนวิดพื้นจนครบ เสร็จแล้วก็ได้เวลาแดกข้าว กับข้าวเช้าวันนี้เป็นแกงเขียวหวานไก่ มีของหวานเป็นถั่วเขียวต้มน้ำตาล น่าสังเกตุว่ากับข้าวจะวนเวียนแบบนี้ไปเรื่อยๆ ซ้ำไปซ้ำมา ไม่มีอะไรใหม่ ผมและเพื่อนๆ รีบเปิบข้าวเข้าปากด้วยความหิวโหยเนื่องจากเหนื่อยล้าจากการออกกำลังกายและวิดพื้นมาอย่างหนัก มื้อนี้ครูฝึกไม่ได้เร่งอะไรพวกเรา ปล่อยให้แดกข้าวตามสบาย ก็ทำให้รู้สึกดีครับ อย่างน้อยพวกเขาก็ยังมีเมตตาบ้าง….ผมคิดในใจพลางเอามือหยิบไก่ในแกงเขียวหวานจากหม้อสนามของไอ้ธีระเข้าปาก ( มื้อนี้ผมจับคู่แดกกับไอ้ธีระ เปลี่ยนๆ กันบ้าง จะได้มีเพื่อนเยอะๆ ไอ้บอมก็ไปแดกคู่กับไอ้โรจน์ )
" อร่อยมั๊ยวะหนุ่ม "
ไอ้ธีระถามผม ผมยิ้มก่อนจะตอบช้าๆ
" ก็อร่อยดีว่ะ เหนื่อยๆ แบบนี้มันทำให้กูหิวจัด แดกข้าวได้เยอะว่ะ ตอนหิวๆ แบบนี้ แดกอะไรก็อร่อยหมดแหละ มึงว่ามั๊ย "
" ก็คงงั้น น่าขอบคุณครูฝึกนะที่สั่งทำโทษหนักๆ แบบนี้ มันทำให้กูแดกข้าวได้อร่อยขึ้นจมเลย "
ผมเงยหน้าขึ้นจากหม้อสนาม มองหน้าไอ้ธีระ
" มึงมองโลกในแง่ดีจังว่ะ โดนทำโทษหนักขนาดนี้ยังจะไปขอบคุณครูฝึกอีก กูไม่เห็นจะชอบโดนทำโทษเลย เหนื่อยก็เหนื่อย ไม่รู้จะทำโทษเหี้ยไรนักหนา บ้าอำนาจกันเข้าไป กูเกลียดครูฝึกที่ชอบทำโทษหนักๆ แบบนี้ที่สุดเลยว่ะ "
" อย่าไปเกลียดเขาเลย ลองมองให้ลึกสิวะ คิดว่าเราได้ออกกำลังกายเพิ่มขึ้นดีกว่า ร่างกายจะได้ฟิตๆ ครูฝึกเขาไม่ได้บ้าอำนาจอะไรหรอก เขาแค่อยากฝึกให้พวกเราอดทน และเป็นระเบียบก็เท่านั้น ถ้าเราไม่มีความเป็นระเบียบ ก็ต้องโดนเขาทำโทษเป็นธรรมดา "
ผมอมยิ้ม แล้วตบหลังไอ้ธีระ 1 ที ก่อนจะพูดเสียงดัง
" มึงนี่คิดได้ดีจัง ความคิดโคตรจะผู้ใหญ่เลย คนอื่นเขาไม่ชอบโดนทำโทษกันทั้งนั้น รวมทั้งกูด้วย แต่มึงกลับชอบ เออ มีคนอย่างมึงอยู่ในโลกนี้ก็ดีเหมือนกัน คิดอะไรในแง่ดีจริงๆ 555 "
" เออ กูมองโลกในแง่ดีอยู่แล้ว แต่ตอนนี้รีบแดกกันเหอะว่ะ กูอิ่มแล้วนะ แต่ดูเหมือนมึงจะยังไม่อิ่ม มึงจะเอาแกงเขียวหวานอีกมั๊ย "
ไอ้ธีระถามผม ผมรีบพยักหน้า แล้วตอบมัน
" เอาดิวะ ไอ้นั่นมันของโปรดกูเลย ขอกูอีกหน่อยละกัน "
ผมเขยิบเข้าไปใกล้ไอ้ธีระมากกว่าเดิม เอื้อมมือจะล้วงแกงเขียวหวานในหม้อสนามของมัน แต่ไอ้ธีระดึงมือผมออก ผมทำหน้างงๆ ไม่เข้าใจว่ามันดึงมือผมออกทำไม ไอ้ธีระเห็นผมทำหน้างงเลยรีบพูดขึ้นมาทันที
" ไม่ต้อง ! มากูจะป้อนให้มึงเอง "
ผมทำหน้าแปลกใจ ก่อนจะถามมัน
" มันจะดีเหรอวะ ผู้ชายด้วยกันมาป้อนของกินให้กันแบบนี้เนี่ย ไม่น่าเกลียดเหรอ "
" น่าเกลียดเหี้ยไรล่ะ เรื่องธรรมดาว่ะ เพื่อนกันก็ต้องช่วยกันป้อนสิวะ แล้วกูก็เห็นว่ามึงใช้มือได้ไม่ค่อยจะเก่งเลย หยิบแกงได้ทีละน้อยๆ แบบนี้จะไปแดกทันคนอื่นเขาได้ไงวะ ในฐานะที่กูแดกด้วยมือเก่ง กูเลยอยากจะช่วยมึงว่ะ เอาน่าอย่าคิดห่าอะไรมากมาย มึงอ้าปากเหอะ "
พูดจบมันก็เอามือทั้ง 2 ข้างกอบไก่พร้อมด้วยน้ำแกงเขียวหวานออกจากหม้อสนามของมันจนเต็มอุ้งมือ แล้วยกอุ้งมือขึ้นมาจนใกล้กับปากของผม ผมรีบอ้าปากกินไก่และดูดน้ำแกงเขียวหวานจากมือมันทันทีเพราะกลัวน้ำแกงจะไหลออกจากอุ้งมือของมันแล้วจะทำให้พื้นเลอะ ไอ้ธีระมองผมที่กำลังแดกแกงเขียวหวานที่อยู่ในมืออย่างพอใจ แล้วพูดต่อ
" แดกไก่เยอะๆ เลยสัด ถ้าชอบแดกน้ำแกงเขียวหวานก็ดูดน้ำในมือกูให้หมดเลย จะดูดนิ้ว ดูดมือกูก็ได้ แต่อย่ากัดมือกูล่ะ เอ้า อ้าปากกว้างๆ แดกอีกหลายๆ คำเลยนะ ไอ้หนุ่ม ของดีๆ อย่าให้เหลือ "
ไอ้ธีระล้วงเข้าไปในหม้อสนาม กอบไก่พร้อมด้วยน้ำแกงเขียวหวานจนเต็มอุ้งมืออีกครั้ง แล้วยกอุ้งมือมาใกล้ปากของผม ผมรีบแดกแกงเขียวหวานในมือของมันจนหมดเกลี้ยง แถมยังดูดนิ้วดูดฝ่ามือของมันอย่างไม่นึกรังเกียจ เสียงดังจ๊วบๆ สลับกับเปิบข้าวเข้าปากไปด้วย ไอ้ธีระเอามือกอบแกงเขียวหวานให้ผมแดกคำแล้วคำเล่าจนหมดหม้อ ไม่มีใครมองพฤติกรรมของผมกับไอ้ธีระเนื่องจากต่างคนต่างก็กำลังแดกข้าวอย่างเอร็ดอร่อย พอกับข้าวหมด ข้าวก็หมดพอดี ผมเอามือเช็ดปากพลางบอกว่า
" อร่อยสุดๆ เลยว่ะ ขอบใจมึงมากๆ นะที่ป้อนแกงให้กู ห่า มึงใจดีจริงๆ ว่ะ กูรักมึงชิบหายเลยเพื่อน กูไม่เคยเห็นเพื่อนคนไหนทำให้กูมากเท่ากับมึงเลย ดูสิ มือมึงเลอะหมดเลย "
ไอ้ธีระยิ้มแก้มปริ แล้วพูดกับผม
" จะเป็นไรไปวะ มือเลอะ เดี๋ยวก็ล้างได้ มึงไม่เคยได้ยินเหรอที่เขาบอกว่า ลูกผู้ชายต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกันเสมอ กูก็บอกไปแล้วว่ามึงเป็นเพื่อนกู กูก็ต้องช่วยมึงสิวะ เออ กูก็รักมึงเหมือนกัน ไป อิ่มแล้วก็ไปล้างหม้อล้างมือกันเหอะว่ะ เดี๋ยวต้องไปฝึกแล้ว "
" ได้เลย เพื่อน "
พอผมกับไอ้ธีระล้างหม้อและล้างมือเสร็จแล้ว ก็มานั่งคุยกับเพื่อนๆ ในหมู่เดียวกัน ซักพักครูฝึกก็เป่านกหวีดเรียกรวมอีกครั้งหนึ่งเพื่อรับปืน แล้วจึงมีการเชิญธงประจำกองร้อย หัวหน้าชุดฝึกกล่าวนำว่า
" ทั้งหมด แสดงความเคารพธงประจำกองร้อย ตรงหน้า ระวัง วันทยา – วุธ !! "
ผมรีบยกปืนขึ้นมาตั้งตรงอยู่ข้างหน้าลำตัว มือขวากำรอบปืนเอาไว้ แล้วใช้มือซ้ายตบบริเวณกึ่งกลางรองลำกล้องปืนแรงๆ แล้วจึงกำไว้แน่น จากนั้นก็ปล่อยมือขวาลง สะบัดมือลงไปแตะไว้ที่ส่วนปลายของแง่หน้าพานท้ายปืน นิ้วมือทั้งห้าเหยียดตึงเรียงชิดติดกัน แขนขวาเหยียดตึง มองตรงไปข้างหน้า แล้วตะโกนลั่น
" สี่หนึ่ง สี่หนึ่ง !!! ความทุกข์ที่เกินทน จะหลอมคนให้ทนทาน กองพันลูกผู้ชาย เอี้ย เอี้ย เอี้ย !! "
พอทุกคนกล่าวจบ หัวหน้าชุดฝึกก็สั่งต่อ
" เรียบ – อาวุธ ! "
ผมยกมือขวามาตบที่กึ่งกลางลำกล้องปืนแล้วกำรอบปืนไว้เหนือมือซ้าย นำปืนเข้าร่องไหล่ขวา ยกข้อศอกซ้ายมาข้างหน้าจนลำแขนทั้งลำขนานไปกับพื้นดิน เอามือขวาที่จับปืนอยู่ลดปืนลงจนพานท้ายปืนสัมผัสกับพื้นดิน และปืนแนบติดกับขาขวา ส่วนมือซ้ายก็แนบข้างลำตัวเหมือนเดิม
หัวหน้าชุดฝึกพูดต่อ
" ต่อไปจะเป็นการฝึกที่สถานีการสงครามพิเศษ ต้องวิ่งไปฝึกในป่า ระยะทางไม่ไกลเท่าไหร่ วิ่งดีๆ รักษาระเบียบแถวด้วย ทั้งหมด เฉียง – อาวุธ ! "
ผมยกปืนขึ้นให้เฉียงไปข้างหน้าในลักษณะที่ทะแยงกับลำตัว มือซ้ายหงายขึ้นกำที่ปืนด้านบนตรงบริเวณกึ่งกลางรองลำกล้องปืน มือขวาคว่ำลงกำที่คอปืนด้านล่าง ทุกส่วนในร่างกายอยู่ในท่าตรง ผมสูดลมหายใจเข้าแรงๆ 1 ที พร้อมกับยกอกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อจนสง่าผ่าเผย พยายามให้ไหล่ทั้ง 2 ข้างเสมอกัน ผมเกร็งกล้ามแขนกำปืนไว้แน่น และคิดในใจว่า ผมกำลังจะเริ่มฝึกในสถานีการสงครามพิเศษแล้ว ไม่รู้ว่าฝึกอะไรแต่คงจะหนักแน่นอน ผมจะตั้งใจฝึกอย่างเต็มที่ ผมจะสู้ตาย ผมจะผ่านความลำบากนี้ไปให้ได้ ไม่ว่าจะต้องฝึกหนักแค่ไหน ผมก็ไม่มีทางกลัว เพราะผมเป็นลูกผู้ชาย
" วิ่ง หน้า – วิ่ง ! "
ผมและเพื่อนๆ รีบออกวิ่งเหยาะๆ ตามกันไปทันที ทุกคนวิ่งเข้าไปในป่า มุ่งหน้าไปยังสถานีการฝึกสงครามพิเศษอย่างไม่รอช้า

0 comments:

Blog Archive