ทำไมผู้ชายบางคนชอบ ‘อ่อย’ เกย์?

Friday, October 17, 2008



วันเสาร์พอมาลองนับๆ ดู ผมพบว่า ตั้งแต่มัธยม ยันมหาวิทยาลัย ผมแอบหลงรักเพื่อนชายร่วมชั้นไปแล้วก็หลายคน ดีนะครับที่นึกไม่ออกว่า เคยเกิดเรื่องแบบนี้ตั้งแต่ชั้นประถมหรือเปล่า ผมคง “แก่แรด” ตั้งแต่เด็กพวกเขาทั้งหล่อ เก่ง หุ่นดี เป็นนักกีฬา มีเสน่ห์ นิสัยน่ารัก เรียกว่า เป็นทุกสิ่งที่ผมอยากจะเป็น ก็ได้แต่แอบชื่นชมไปวันๆ ใครล่ะจะกล้าเข้าหา เสียเพื่อนแน่ และที่สำคัญคงต้องเสียหน้า แต่ลึกๆ แห่งก้นบึ้ง ก็ยังอดคิดไม่ได้นะครับว่า ถ้าได้ “สัมผัส” พวกเขาสักครั้ง จะให้ความรู้สึกยังไง? คุณผู้อ่านหลายท่านคงเคยเจอเรื่องทำนองนี้มาก่อน และสงสัยไม่หายว่า ถ้าไอ้เพื่อนคนนั้นไม่ได้เป็นเกย์แล้ว ดันมาทำดี เทคแคร์ พูดจาหวานหู-ให้กรูฟังอย่างนี้ทำไม? เอ...มันคงเป็นไบฯ หรือว่า ก็เกย์แหละ แต่คงยังกลัวๆ กล้าๆ อยู่ หรือ...แค่อยากจะลองหยั่งเชิงดู?สับสนไหมล่ะครับกับอะไรๆ ในโลกที่มักไม่ชัดเจน ทว่ามองในมุมกลับ เป็นไปได้ไหมว่า เหล่าเกย์ที่อยู่ในสถานการณ์นั้น ไม่ได้คิดไปเอง แต่ป็นเพราะผู้ชายที่ไม่ได้เป็นเกย์แล้วมา “ให้ท่า” น่ะ มีจุดประสงค์อะไรบางอย่าง "แอบ" อยู่?

คุณ “Will Doig” (นามสกุลอ่านยากจัง) บรรณาธิการของ http://www.nerve.com/ (นิตยสารสำหรับผู้หญิงอยากรู้เรื่องเซ็กซ์แบบไม่ต้องกลัวอาย) มีคำตอบที่น่าสนใจ และอาจช่วยให้คุณผู้ชาย คุณผู้หญิง และคุณเกย์ที่อ่านเมโทรไลฟ์อธิบายสถานการณ์ที่เคยพบ หรือเคยเกิดกับตัวเองได้ คุณวิลล์เขียนไว้ใน “Out” นิตยสารเกย์ชื่อดังของอเมริกา ฉบับเดือนเมษายน โดยเขาไปสัมภาษณ์เหล่าผู้ชายที่มีนิสัย ชอบ “flirt” เกย์ ทั้งคนทำหนัง นักดนตรี นักการตลาด บรรณาธิการ ซึ่งส่วนใหญ่ในชีวิตการทำงาน พวกเขาต้องคลุกคลีและมีเกย์ที่เห็นๆ ตัวกันอยู่รอบตัว แต่ความจริงมีเกย์ในทุกแวดวงละครับ ต่างกันก็ตรงที่จะแอบหรือยินดีเปิดเผยพวกผู้ชายเหล่านั้นรู้ดีว่า คนที่เขาคุยด้วย หรือเพื่อนร่วมงานคนนั้นเป็นเกย์ และคนๆ นั้นก็ไม่ได้ปิดบังนะครับว่า ตัวเองเป็นเกย์ แต่ผู้ชายกลุ่มนี้กลับรู้สึกตื่นเต้นกระดี้กระด้าที่ได้ “เข้าหา” เกย์ซะยังงั้นคุณวิลล์บอกว่า มีหลายเหตุผลที่พวกผู้ชายเหล่านั้นมีอาการ “หมาหยอกไก่” กับหนุ่มเกย์ แทนที่จะเป็นคุณผู้หญิง เหตุผลหนึ่งก็คือ เป็นการฝึกบริหารเสน่ห์ การบริหารเสน่ห์แบบนี้ไม่มีพิษไม่มีภัยกับตัวเอง พวกเขาไม่ใช่มนุษย์ผู้ชายประเภทที่ว่า กลัวใครๆ จะมองว่าเป็นเกย์ เพราะเขาชัวร์กับตัวเองว่าชอบหญิง ผู้ชายเหล่านี้จึงไม่มีทางเกิดอาการ “ตื่นเกย์” (homophobia) แบบไร้สาระที่มักจะมีให้เห็นเป็นประจำในหมู่ผู้ชาย "บางคน" ที่ไม่มั่นใจในน้องชายของตัวเอง บางที พวกเขาก็จะเปิดทางปล่อยให้เกย์มาจีบบ้าง เพราะพวกเขาจะได้ศึกษาความรู้สึกของผู้หญิงว่า ถ้าเกิดมีผู้ชายมาจีบ จะรู้สึกยังไง จะทำตัวยังไง แล้วนำสิ่งเหล่านั้นไปปรับปรุงพัฒนาวิธีการหว่านเสน่ห์กับคุณผู้หญิงต่อไป คนเหล่านี้คงต้องขอบคุณเหล่าเกย์ไม่น้อย ถ้าเขาจีบหญิงติดอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ เป็นความพึงพอใจส่วนตัวของผู้ชายคนนั้นที่ได้ค้นพบว่า เขามีเสน่ห์ดึงดูดได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง มันคือความภาคภูมิใจอย่างใหญ่หลวงที่เขาสามารถเข้าถึงมนุษย์ทุกคนได้ในทุกสถานการร์ ไม่ว่า จะในโลกของผู้หญิง หรือโลกของชายเกย์ คุณวิลล์ยกตัวอย่างร็อบบี้ วิลเลี่ยมส์ที่ชอบไปบาร์เกย์ (แต่ผมว่า นายคนนี้ยังไม่ค่อยชัวร์) แล้วเขาก็ไม่ได้ปิดบังสื่อมวลชนว่า คบหาเป็นเพื่อนกับนักร้องเกย์อีกเยอะแยะ อีกตัวอย่างก็คือ คุณเดวิด เบคแคม คนนี้ไม่ต้องอธิบายมาก ลองคิดดูสิครับแค่เปิดใจกว้างเท่านั้น ก็ขายสินค้า และความดังให้ได้ทั้ง ผู้ชาย ผู้หญิง และเกย์ ผมเลยเริ่มเข้าใจแล้วว่า ทำไมหัวหน้างานคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้ชาย มีเมีย และเมียกำลังท้องอยู่ กลับชอบคุย และเอาอกเอาใจเจ้าเพื่อนผมคนนี้ ถ้าใครดูผิวเผินจะคิดว่า สองคนนี้คงแอบกิ๊กกัน ใครๆ ในที่ทำงานก็รู้ว่า เพื่อนผมคนนี้เป็นเกย์ และบางทีคนในที่ทำงานก็อดสงสัยไม่ได้ว่า เจ้านายคนนี้คงแอ๊บไบฯ ซะละมั้ง แต่เจ้านายก็ไม่ได้กังวลว่า ใครจะมอง หรือคิดยังไง เพราะเขาเห็นว่า ลูกน้องคนนี้เป็นผู้ร่วมงานที่เขาจะไว้วางใจได้ และด้วยการงานที่ต้องติดต่อกันเป็นประจำ บวกกับอัธยาศัยที่ดีมีน้ำใจของทั้งสองฝ่าย เลยดึงดูดให้เข้าหากันผู้ให้สัมภาษณ์คนหนึ่งในเรื่องที่คุณวิลล์ไปคุยด้วยบอกว่า บางทีเขาก็ไม่รู้ตัวเองว่า กำลังบริหารเสน่ห์กับเพื่อนเกย์ตรงหน้า มันเป็นพฤติกรรมที่เขา “ไม่ได้ตั้งใจ” มันเกิดขึ้นเองจริงเหรอ?

ตรงนี้คงต้องฟังหูไว้หูนะครับโดยปกติ คนเราน่ะครับ ใครมาทำดีด้วย ก็รู้สึกดีด้วย แต่ทุกอย่างก็มีเส้นแบ่งบางอย่างที่บุคคลที่สามคงไม่มีวันรู้หรอกว่า มันอยู่ตรงไหนจนกระทั่งตัวเองได้อยู่ในสถานการณ์แบบนั้น เหล่าเกย์หลายคนก็ “ดีใจหาย” สิครับที่อยู่ๆ ก็มีผู้ชายมาให้ท่า ไม่วาย จิตใจเตลิดเปิดเปิงคิดไปไกลถึงเรื่องอื่นๆ ที่คอยบอกกับตัวเอง “ก็น่าจะเป็นไปได้” นะผมคิดว่า ถ้ามาถึงจุดนี้ คงต้องตั้งสตินิดหนึ่งนะครับ ความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กันมันอาจนำไปสู่ “sexual fantasy” ได้ไม่ยาก ซึ่งเป็นธรรมดาโลก ที่เกิดขึ้นได้เสมอ-ในใจ แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง เป็นอีกเรื่อง คุณวิลล์เล่าไว้อย่างตรงไปตรงมาน่าฟังนะครับ เขาว่า คงต้องยอมรับว่า มีเกย์หลายคนฝันใฝ่และมุ่งมั่นที่อยากจะลองมีเซ็กซ์กับผู้ชายที่ไม่ได้เกย์ เพราะมันคือ ความท้าทายที่น่าลิ้มลอง มันคือ การต่อต้านกรอบและกฎแห่งข้อห้ามประดามีของมนุษย์ที่จะข้ามเส้นแบ่งแห่งการมีสัมพันธ์ทางเพศ

ผู้ชายคงคิดคล้ายๆ กันในมุมกลับ ก็เลยชอบอ่อยเกย์ เพื่อท้าทายอะไรบางอย่างผมว่า ก็คงเป็นอย่างนั้น เลยอยากจะบอกให้ผู้ที่อยากพิสูจน์ แวะไปบาร์หรือโรงออฟหนุ่มๆ นะครับ ลองถามผู้จัดการหรือพนักงานเชียร์แขกว่า ส่วนใหญ่แขกอยากจะออฟเกย์หรือออฟผู้ชายมากกว่ากัน?ถ้าตอนนี้คุณผู้อ่านเป็นคนหนึ่งที่อยู่ในสถานการณ์โดนอ่อย หากทำไปแล้วเพลิน ก็ดีนะครับ

แต่จงมีสติไว้นิดนึง เพราะถ้าเผลอใจไปตกหลุมรักคนที่เป็นได้แค่ “หมาหยอกไก่” กับคุณแล้วละก็…

0 comments:

Blog Archive